จะทำอย่างไรเมื่อเจอภัยอันตราย?
บางคนกล่าวว่าเมื่อเจอผู้ร้ายต้องะโร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในความเป็จริงนั้น เมื่อคนส่วนใหญ่ประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สมองของพวกเขาจะว่างเปล่า
รู้ทั้งรู้ว่าตนเองควรร้องขอความช่วยเหลือ ควรกรีดร้อง และควรวิ่งหนี
แต่สมองมิอาจสั่งการร่างกาย อาการเหม่อลอยมึนงงและปล่อยให้ความกลัวเข้าครอบงำร่างกายต่างหากที่เป็สภาวะของคนส่วนใหญ่ ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็เพียงนักเรียนมัธยมปลายจริงๆ ขณะนี้คงใกลัวจนพูดไม่ออกแน่
ทว่าเธอไม่ใช่!
เธอััได้ถึงอันตราย พยายามบิดแขนของตนหลบสุดชีวิต พร้ะโกนเรียกชื่อของ ‘เก่อเจี้ยน’
พอเธอดิ้น เท้านั่นก็กระทืบไม่โดน มีคนเตะเข้ามาที่มือเธออย่างแรง ทว่าเฉียดแขนของเซี่ยเสี่ยวหลานไป
เก่อเจี้ยนตามหลังอยู่สิบกว่าเมตร ไม่ได้คาดคิดว่าเมื่อมาถึงหน้าเซี่ยนอีจงจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกจักรยานหลายคันที่พุ่งออกมากะทันหันชนจนล้ม เก่อเจี้ยนนึกว่าเป็แค่อุบัติเหตุ เขาปั่นจักรยานด้วยแรงทั้งหมด กลับเห็นว่าชายหนุ่มพวกนั้นกุลีกุจอไปพยุงเซี่ยเสี่ยวหลาน ชั่วครู่ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงร้องแสดงความเ็ปของเธอ
ขณะเรียกชื่อเขานั้น เก่อเจี้ยนขนลุกชูชันไปทั่วทั้งร่าง—เกิดเื่กับคุณผู้หญิงเซี่ยแล้ว!
จักรยาน 28 นิ้วอันแสนทนมือทนเท้าถูกเก่อเจี้ยนยกขึ้นมาและโยนออกไป กระแทกโดนชายสองคนซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดล้มลงพร้อมกันในคราวเดียว เก่อเจี้ยนวิ่งเร็วมาก พลังกายที่เร่งถึงขีดสูงสุด ภายในเสี้ยววินาทีก็จู่โจมอีกสองคนที่ขวางอยู่ให้พ้นทาง เมื่อวิสัยทัศน์ชัดเจนแล้ว เขาจึงเห็นว่ามีคนกดบ่าของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้ และมีคนกำลังยกเท้าเตรียมขยี้แขนของเธอสุดแรง... ท่อนแขนของเซี่ยเสี่ยวหลานเรียวบางเสียขนาดนั้น จะรับแรงกระทืบของชายวัยฉกรรจ์ไหวหรือ?
เก่อเจี้ยนส่งบาทาข้างหนึ่งออกไป ถีบแผ่นหลังของคนที่กำลังจะกระทืบเท้าลงบนมือเซี่ยเสี่ยวหลาน!
จากนั้นก็ปล่อยอีกหมัดหนึ่ง ต่อยชายที่กำลังกดบ่าของเธอ!
อีกคนใจนถอยหลังหนี เก่อเจี้ยนชกเข้าที่ท้องของฝ่ายนั้น เขารู้สึกเดือดดาลราวกับหมดสิ้นสติสัมปชัญญะแล้ว
ในทุกๆ เก่อเจี้ยนเดือนรับเงินจากเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งมากมาย เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเกือบเจ็บตัวหนักภายใต้จมูกของเขา ศิษย์พี่หลี่กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนไปเผิงเฉิง เก่อเจี้ยนทั้งใและโมโหปะปนกัน เขาไม่ปรานีแม้แต่น้อย ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ก็โค่นอีกฝ่ายที่มีจำนวนถึงห้าคนลงกับพื้นสำเร็จ
ไม่ว่าเขาไปเยือนตรงไหน จะเหลือเพียงเสียงครวญครางแห่งความเ็ปไว้
ซุนเถียนถึงกับตะลึงงัน เธอแค่เรียกเซี่ยเสี่ยวหลานคำเดียว จักรยานหลายคันก็พุ่งเข้ามาชนเสี่ยวหลานเสียแล้ว
หลังจากนั้นคือเสียงอุทานของเซี่ยเสี่ยวหลาน เก่อเจี้ยนรุดหน้าเข้าไปต่อยตีพวกเขา ซุนเถียนเพิ่งได้สติ เธอก้าวเท้าอันแข็งทื่อวิ่งเข้าไปหา ร้อนใจจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้า
“เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลานรับาเ็หรือเปล่า?”
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้าซีดเผือดเพราะความเ็ป
ซุนเถียนทำอะไรไม่ถูก เซี่ยเสี่ยวหลานฝืนขยับมือทั้งสองข้างของตน เจ็บมากก็จริง แต่รู้สึกว่าไม่ได้กระดูกหัก... ใกล้สอบเกาเข่าแล้ว มือนั้นสำคัญที่สุด!
“คุณเซี่ย ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล!”
เก่อเจี้ยนไม่สนว่าต้องแสร้งเป็ญาติของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำ เห็นสภาพของเธอแล้ว น่าจะได้รับาเ็หนัก
เธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง ปกติฤดูร้อนก็จะสวมเสื้อแขนสั้นอยู่แล้ว ดังนั้นแขนทั้งสองข้างของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงถลอก บริเวณศอกขวามีเืไหลหยดติ๋งๆ ลงบนพื้น เมื่อครู่โดนกระทืบอยู่หลายหน แขนทั้งสองข้างเกิดอาการบวมแดง เดิมทีขาวผ่องเรียวบางขนาดไหน ตอนนี้ก็น่ากลัวขนาดนั้น
เก่อเจี้ยนอยากแล่เนื้อเถือหนังคนพวกนี้เต็มแก่ แต่ขณะนี้าแของเซี่ยเสี่ยวหลานคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง
“ไม่เป็ไร ขอฉันนั่งก่อน”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยายามส่ายศีรษะ ถูกชนจนล้มแล้วจะลุกขึ้นปุบปับไม่ได้
เธอหยุดพักราวสองนาที จากนั้นถึงลุกขึ้นยืนภายใต้ความช่วยเหลือจากซุนเถียน พอลองขยับมือกับเท้า บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตรงไหนเจ็บมากกว่า ดูท่าจะรวดร้าวไปทั่วทั้งร่าง หัวเข่าแตก เอวเคล็ด เมื่อครู่จักรยานพวกนั้นพุ่งเข้ามาชนอย่างไม่ออมมือเลยจริงๆ
จักรยานที่ไหนจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนอันรุนแรงถึงเพียงนี้ ชนเธอโดยไตร่ตรองล่วงหน้าแล้วชัดๆ !
“เก่อเจี้ยน พวกเขาจงใจ อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปนะ”
ซุนเถียนกระวนกระวายจนน้ำตาคลอเบ้า ต้องพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปโรงพยาบาลก่อน เนื่องจากจุดที่รถชนกันห่างจากหน้าประตูเซี่ยนอีจงไม่มาก ด้านน้าหวงก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวเช่นกัน หลายคนจึงวิ่งมาให้ความช่วยเหลือทันที มีคนมากมายรายล้อมอยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานปลอดภัยอย่างแน่นอน เก่อเจี้ยนพยักหน้ารับ และลากพวกที่อยู่บนพื้นไปอีกทาง
ในเมื่อคุณผู้หญิงเซี่ยไม่ได้บอกว่าจะแจ้งความ นั่นก็แปลว่าจะสอบสวนด้วยตนเอง
คนพวกนี้โดนเก่อเจี้ยนบีบจนต้องร้องโอดโอย
“อย่าตีอย่าตี เป็เื่เข้าใจผิดทั้งนั้น!”
“แค่สะเพร่าจนชนนิดๆ หน่อยๆ แกทำร้ายคนอื่นเขาได้อย่างไร?”
“แกเป็ใครน่ะ... โอ๊ย เจ็บๆๆ !”
เห็นด้วยสองตา จะไม่จริงได้อีกหรือ?
มือที่กดบนบ่าของคุณผู้หญิงเซี่ยลงแรงตั้งเท่าไร บางทีเปิดเสื้อออกในตอนนี้อาจมองเห็นร่องรอยได้ด้วยซ้ำ เก่อเจี้ยนลากคนพวกนี้เข้ามาในตรอก “ฉันไม่ได้จะทำร้ายแก แค่ไม่ให้พวกแกขวางทางเดินคนอื่นเขา”
อันที่จริงด้านในตรอกก็สะดุดตาอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ยังไม่ถึง่ลูกค้าหนาแน่นของเวลาอาหารกลางวัน แม่สามีของน้าหวงโผล่มา ชี้ไปยังร้านใหม่ของตนเอง
“ด้านหลัง ด้านหลังมีที่ว่างอยู่”
พื้นที่กว้างขวาง ไม่มีปัญหาในการขังคนไม่กี่คน
อย่าได้พูดถึงกฎหมายกับคนแก่ หญิงชราในวัยนี้ล้วนคือผู้ไม่รู้กฎหมายทั้งสิ้น และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเธอจะไม่ใช้เหตุผล กระทำทุกสิ่งทุกอย่างตามใจชอบ
เพราะฉะนั้นแม่เฒ่าเซี่ยจึงเกลียดชังเซี่ยเสี่ยวหลาน และมิอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย
และเพราะฉะนั้นแม่สามีของน้าหวงจึงโปรดปรานเซี่ยเสี่ยวหลาน สาวน้อยช่างปากหวาน และที่สำคัญคือมีบุญคุณต่อครอบครัวของเธอ!
เก่อเจี้ยนเห็นว่าเหมาะเจาะยิ่งนัก เขาโยนจักรยานทิ้งไว้ข้างทาง ไม่ว่าคนพวกนี้จะโวยวายอย่างไร เขาก็จับลากไปยังลานด้านหลังของอดีตร้าน ‘จางจี้’ ทั้งหมด จับทุกคนมัดด้วยความคล่องแคล่วว่องไว อุดปากของพวกเขาไว้ ปิดลานว่างหลังร้านแน่นสนิท หลังจากนั้นเก่อเจี้ยนถึงยกจักรยานขึ้นและขี่ตามพวกซุนเถียนไป
ซุนเถียน น้าหวง และคนอื่นๆ เพิ่งมาส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงทางเข้าโรงพยาบาล
เื่สำคัญที่สุดคือมือของเซี่ยเสี่ยวหลานห้ามเป็อะไรเด็ดขาด ไม่สนกระทั่งฆ่าเชื้อกับล้างแผลด้วยซ้ำ ต้องตรวจแขนให้เซี่ยเสี่ยวหลานก่อนเป็อันดับแรก
“ไม่มีร่องรอยของกระดูกหัก ถ้าไม่สบายใจ ลองเอกซเรย์ดูแล้วกัน’
แม้จับดูแล้วจะไม่มีอาการกระดูกหัก แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับร้องว่าเจ็บอยู่ดี อาจเป็กระดูกร้าว ไม่ต้องพูดถึงการฟกช้ำของเนื้อเยื่ออ่อน ขนาดที่หัวเข่าและข้อศอกถึงกับแตกแล้ว ต้องมีการฟกช้ำอย่างแน่นอน แพทย์บอกว่าจะเอกซเรย์ดู เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็คิดว่าการเอกซเรย์ทำให้สบายใจกว่า ตอนเท้าแรกกำลังจะกระทืบลงมานั้นทารุณมาก ถ้าเธอไม่บิดแขนหลบสักหน่อย เท้านั่นคงกระทืบข้อมือเธอหักไปแล้ว
เป็มือขวาที่เธอใช้เขียนพอดี
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เหมือนตัวละครเอกหญิงผู้เก่งกาจในนวนิยายแนวไจ๋โต้ว [1] เสียด้วย ที่อยู่ดีๆ จะแอบฝึกฝนเขียนหนังสือด้วยมือซ้าย รอใช้ประโยชน์เมื่อเหตุคับขันมาถึง!
พอมือขวาใช้การไม่ได้ ช่างเื่อื่นก่อนเถอะ แต่เธอจะไม่สามารถเข้าร่วมเกาเข่าของปีนี้ได้จริงๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ปี 84 จะเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วหรือเปล่า ถ้าปีหน้าค่อยสอบ กำหนดการมากมายของเธอจะล่าช้าทั้งหมด! เื่ที่สัญญากับโจวเฉิงว่าจะไปพบกันในปักกิ่งก็จะล้มเหลวไปด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานชอบวางแผนให้กับทุกอย่างที่เธอจะทำ เมื่อแผนถูกรบกวน เมื่อมีใจมุ่งมั่นแต่ไร้กำลัง... เธอจึงรู้สึกวิตกกังวลเป็อย่างยิ่ง
หลังจากเอกซเรย์เสร็จ พยาบาลก็เข้ามาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดแผลให้เซี่ยเสี่ยวหลาน
การเอกซเรย์แสดงผลในเวลาไม่นาน หมอสะบัดแผ่นฟิล์มไปมา กล่าวคำวินิจฉัยที่ทำให้จิตใจรู้สึกหนักอึ้ง
“มือขวากระดูกร้าว ่นี้ห้ามขยับเขยื้อน ใส่เฝือกเถอะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ทันตอบสนอง ซุนเถียนก็ร้องไห้ออกมาเสียแล้ว
“...คุณหมอคะ เธอยังเขียนหนังสือได้ไหม? อีกสองวันเธอจะต้องสอบเกาเข่า! เธอเป็อันดับหนึ่งสายวิทย์ของเมืองเฟิ่งเสียนในการสอบรอบแรก คุณหมอต้องหาวิธีช่วยเธอนะคะ!”
อันดับหนึ่งของการสอบคัดเลือกรอบแรก?
หมอมีสีหน้าสงสารจับใจ เขาอธิบายอย่างเสียไม่ได้ “กระดูกร้าวประเภทนี้ห้ามขยับบริเวณที่าเ็ ร่างกายคนเรามีความสามารถฟื้นฟูตัวเอง แต่กระบวนการฟื้นฟูตัวเองจำเป็ต้องใช้เวลาเช่นกัน”
หากจะให้รอยร้าวกระดูกประสานกันดี ไม่ใช่เวลาสองสามวันแน่นอน ขึ้นอยู่กับระดับความร้าวของกระดูกและสมรรถภาพทางกายของแต่ละบุคคล และโดยปกติจะอยู่ที่สองสามเดือน
ส่วนที่าเ็คือบริเวณข้อมือขวาเสียด้วย จะสอบเกาเข่าอย่างไรเล่า? ต้องสอบสามวันติดกัน หากเขียนหนังสือลงบนข้อสอบมากมายขนาดนั้น ยังจะเก็บข้อมือไว้ได้หรือเปล่า?!
เชิงอรรถ
[1]宅斗小说 นวนิยายไจ๋โต้ว คือ นวนิยายที่ดำเนินเนื้อเื่เกี่ยวกับความขัดแย้งและการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นกันภายในครอบครัว (宅 ไจ๋ แปลว่า บ้าน และ 斗 โต้ว แปลว่า ต่อสู้) เช่น ความขัดแย้งระหว่างภรรยาหลวงกับภรรยาน้อย แม่สามีกับลูกสะใภ้ ความพัวพันทางอารมณ์ของตัวละครเอกชายหญิง ฯลฯ ภูมิหลังของเนื้อเื่มักเป็สมัยโบราณและสมัยใหม่ อาจมีองค์ประกอบเนื้อเื่ของการเกิดใหม่และการข้ามเวลา นวนิยายแนวไจ๋โต้วถือว่าเป็หนึ่งในหมวดหมู่นวนิยายรักโบราณ