อวี๋หรูไห่โมโหจนเครากระตุก“เมื่อกล่าวเช่นนี้พวกเ้าก็ยินดีจะเอาเทียบยาในสำนักหุยชุนของพวกเ้าออกมาสร้างความผาสุกให้กับผู้คนในใต้หล้าเช่นกัน? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน? สำนักหุยชุนของพวกเ้าซื้อเทียบยาเพื่อสร้างความผาสุกในประชาชนแต่เมื่อสกุลอวี๋ของพวกเรารักษาผู้คนกลับเป็เื่ไม่ถูกต้องเสียแล้ว?”
มู่เหยี่ยนที่อยู่ด้านข้างอมยิ้มบางและไม่เอ่ยแทรก
ครั้นเจียงชิงเหอเห็นอวี๋หรูไห่ยากจะเกลี้ยกล่อมจึงหันไปทางอวี๋เจียวคิดว่านางอายุน้อย อาจจะหูเบาสักหน่อย จึงเอ่ยออกมาว่า “แม่นางเมิ่งเ้าตั้งราคาเถิด”
อวี๋หรูไห่จดจ้องอวี๋เจียวกลัวว่าทันทีที่นางปริปากออกมาก็จะตกปากรับคำเสียแล้ว
อวี๋เจียวนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างเป็มิตรว่า“ท่านหมอเจียง แท้จริงแล้วมิใช่ว่าไม่อาจขายเทียบยาให้กับท่านแต่ข้าไม่อาจอกตัญญูต่อผู้าุโ มิสู้เอาเช่นนี้เถิดภายหน้าหากมีคนไข้มาตรวจไข้ในจวนสกุลอวี๋ของพวกเราข้าจะกำชับให้พวกเขาไปซื้อยาที่สำนักหุยชุน ส่วนคนที่สำนักหุยชุนของพวกท่านแนะนำให้มารักษาที่จวนสกุลอวี๋ข้าจะแบ่งเงินค่ารักษาหนึ่งส่วนให้พวกท่าน?”
สีหน้าของเจียงชิงเหอแลดูดีขึ้นเล็กน้อย“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจทำให้แม่นางเมิ่งต้องลำบากใจ...”
ทว่ากล่าวยังไม่ทันจบกลับถูกอวี๋หรูไห่ขัดจังหวะ“เหตุใดถึงยังต้องแบ่งเงินค่ารักษาหนึ่งส่วนให้สำนักหุยชุน? สำนักหุยชุนรักษาโรคไม่ได้ แต่สกุลอวี๋ของข้ารักษาได้คนไข้ย่อมต้องมาเยือนถึงหน้าประตูจวนเพื่อหาหมอด้วยตนเอง เกี่ยวอะไรกับสำนักหุยชุน?”
เจียงชิงเหอรับรู้เพียงอวี๋หรูไห่ยากเจรจาใบหน้าพลันนิ่งขรึม “สำนักหุยชุนของข้าใหญ่โตถึงเพียงนั้นยังจะมาอาวรณ์เงินค่ารักษาหนึ่งส่วนของท่านงั้นหรือท่านหมออวี๋อย่าได้ดูถูกสำนักหุยชุนของข้าถึงเพียงนี้ถือเสียว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเป็พอ”
ครั้นมู่เหยี่ยนเห็นสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนถึงเอ่ยอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า“ทุกคนอย่าได้ทำลายไมตรีอันดีต่อกัน สุภาษิตกล่าวว่าแม้เจรจาค้าขายไม่สำเร็จแต่ไมตรียังคงอยู่”
เจียงชิงเหอไม่เอ่ยสิ่งใดอีก อวี๋หรูไห่ผ่อนคลายลงไม่น้อยเอ่ยถามเบี่ยงประเด็นทั้งรอยยิ้มว่า “อีกประเดี๋ยวจะเที่ยงวันแล้วมิสู้นายท่านมู่อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันเสียก่อนแล้วค่อยไป?”
มู่เหยี่ยนส่ายหน้า เมื่อได้รู้ถึงวิชาหมอของอวี๋เจียวเขามีเจตนาจะสร้างไมตรีอันดีกับนางตลอดหลายวันมานี้สอบถามเื่ราวของสกุลอวี๋จากเนี่ยนจิ่วล่วงรู้ว่าอวี๋เจียวคือหลานสะใภ้เสริมมงคลให้ครอบครัวรอง นางมีสามีเป็คนป่วยดังนั้นจึงเอ่ยพลางแย้มยิ้มว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะกินข้าวข้าได้ยินว่าหลานชายลำดับห้าของท่านหมออวี๋เคยเป็ซิ่วไฉผู้สอบได้ตำแหน่งจอหงวนสามสนามเมื่อไม่กี่ปีก่อนอัจฉริยะที่เปี่ยมพร์อันโดดเด่นเช่นนี้ ตอนมาเยือนครั้งก่อนไม่ได้พบเห็นมิทราบว่าวันนี้จะมีวาสนาได้ยลความสง่างามของเขาหรือไม่?”
ครั้นมู่เหยี่ยนเอ่ยถึงอวี๋ฉี่เจ๋อใบหน้าของอวี๋หรูไห่ฉายแววเป็เกียรติยิ่งนัก“หลานห้าผู้นั้นของข้าถือเป็ผู้ที่ฉลาดเฉลียวเหนือผู้คนจริงๆ ...”
สตรีแซ่อวี๋โจวรีบเอ่ยแทรก “เพียงแต่น่าเสียดายที่เ้าห้าในจวนของเราร่างกายอ่อนแรงและมีโรคภัยไข้เจ็บมากมายยามนี้ไม่อาจลงสนามสอบ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังล้มป่วยครั้งใหญ่เกรงว่าคงไม่อาจมาพบนายท่านมู่เ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้หันไปจ้องสตรีแซ่อวี๋โจวหนหนึ่ง ลอบโมโหที่นางปากมากแต่เพราะสตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยออกมาแล้ว อวี๋หรูไห่ทำได้เพียงเอ่ยเสริมทั้งรอยยิ้มว่า“วันนี้เ้าห้าของจวนข้าหายดีแล้ว แม่หนูเมิ่ง รีบไปเรียกเขามาให้นายท่านมู่ได้พบหน้าค่าตาสักหน่อย”
อวี๋เจียวลังเลครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าออกไปจากห้องโถง
สตรีแซ่จ้าวเห็นเช่นนี้ก็ค่อนข้างร้อนใจเพราะนางกลัวว่าหลังจากอวี๋ฉี่เจ๋อมาจะได้รับความชื่นชมจากนายท่านสกุลมู่นางเคยได้ยินเื่เกี่ยวกับสกุลมู่จากจิ่นซูมาไม่น้อยรู้ว่าสกุลมู่คือสกุลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในชิงโจวในสกุลสายตรงมีคนเป็ขุนนางในเมืองหลวง
นางหันไปส่งสายตาให้สตรีแซ่อวี๋โจวหลายครั้งสตรีแซ่อวี๋โจวตอบกลับนางด้วยสายตาตักเตือน
ภายในเรือนฝั่งตะวันออกอวี๋ฝูหลิงยกยาอุ่นมาให้อวี๋ฉี่เจ๋อ นางเป็คนไม่อาจเก็บซ่อนเื่ราวไว้ในใจขณะนั่งลงด้านข้างพลางมองดูอวี๋ฉี่เจ๋อดื่มยาจึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “น้องเล็กตอนนี้พี่คิดว่าเมิ่งอวี๋เจียวไม่ใช่คนเลวร้ายถึงเพียงนั้นแล้ว”
อวี๋ฉี่เจ๋อหันมาชำเลืองนาง“เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านพี่ยังรังเกียจนางมากไม่ใช่หรือเหตุใดยามนี้ถึงเปลี่ยนไปกะทันหัน?”
สีหน้าของอวี๋ฝูหลิงไม่เป็ธรรมชาตินัก เอ่ยอธิบายว่า“วันนั้นที่พวกเราขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรเมิ่งอวี๋เจียวโชคดีได้พบโสมูเาอายุร้อยปีหัวหนึ่งเ้าน่าจะไม่รู้ว่าโสมโบราณอายุร้อยปีมีราคาตั้งเท่าใด!หลังนางกลับมาถึงจวนก็ไม่บอกผู้ใด ข้ายังนึกว่านางจะแอบเอาไปขาย แต่วันนี้ข้าเพิ่งจะรู้นึกไม่ถึงว่านางจะเอาโสมโบราณอายุร้อยปีหัวนั้นมาปรุงยาให้เ้า!”