“ป้ายิญญาอู๋มิ่งสว่างแล้ว คิดว่าต้องออกมาจากอาณาเขตเร้นลับใดสักแห่งได้แน่แล้ว ส่งข่าวให้เหวินซิวทราบ ให้เขาขยายการค้นหาในน่านน้ำมหาสมุทรมากขึ้น ทั้งสำนักกระบี่ิญญา ตระกูลชนชั้นสูงหนานกง ยังมีอีกหลายกลุ่มอำนาจแอบค้นหาจ้านอู๋มิ่งอย่างลับๆ หากให้พวกมันพบจ้านอู๋มิ่งก่อนก้าวหนึ่ง เช่นนั้นอู๋มิ่งก็อันตรายแล้ว” พลันเยว่หลิงซานลืมตาขึ้น ป้ายิญญาของจ้านอู๋มิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าจู่ๆ ก็ส่องประกายสดใสวาววับขึ้นสายหนึ่ง
ศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักบริบาลเดรัจฉานกลับสำนักแล้ว แต่ตัวประหลาดแห่งเฒ่าสำนักบริบาลเดรัจฉานยังไม่จากไป ถึงแม้สถานพำนักของคุนเผิงจะสิ้นสุดลง แต่เนื่องจากจ้านอู๋มิ่งยังไม่กลับมา สำหรับศิษย์ผู้นี้ที่สามารถตอแยปัญหาและก็สามารถสร้างชื่อเสียงเชิดหน้าชูตาให้สำนักบริบาลเดรัจฉานผู้นี้ ตัวประหลาดเฒ่าแห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนที่กำลังจะเปิดขึ้น มีเฉพาะศิษย์ที่ต่ำกว่าราชันาเท่านั้นจึงสามารถเข้าไปได้ ทุกครั้งที่อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนเปิด ล้วนมีความสำคัญต่อสำนักนิกายอย่างยิ่ง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการแข่งขันแย่งชิงในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกแห่งนี้ สุดยอดอัจฉริยะระดับปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดที่สามารถสังหารสิบราชัน ย่อมเป็กำลังหลักสำคัญของสำนักบริบาลเดรัจฉานที่จะเข้าสู่อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนอย่างแน่นอน
……
บนเกาะกระดูกขาว จ้านอู๋มิ่งยืนตระหง่านสงบนิ่ง พลังกดดันมหาศาลไม่ได้ทำให้เขามีปฏิกิริยาพิเศษใดๆ สีหน้าหยอกเย้า มองดูชายชราชุดขาวและชายชราผมสีน้ำตาลปรากฏกายวูบขึ้นกลางอากาศ ลงมาตามลำดับก่อนหลัง
“ไม่ทราบว่าสภาวะพลังผู้าุโกำลังมุ่งมาทางข้าผู้เยาว์คนหนึ่ง เกิดเื่ใดขึ้นกันแน่?” จ้านอู๋มิ่งไร้ความกังวลใดๆ เอ่ยพูดขึ้นก่อนที่ชายชราสองคนจะพูดสิ่งใด
“ช่างเป็เด็กน้อยที่ปากคอเราะรายอะไรเช่นนี้ กลับยังกล้าเป็คนร้ายชิงฟ้องร้องก่อน เ้าทราบว่ากำลังพูดจากับผู้ใดหรือไม่?” พลันชายชราผมสีน้ำตาลโกรธจัดขึ้นมาทันใด
“ไม่ทราบ แต่ว่าท่านที่เป็มหาจักรพรรดิาผู้สง่างามท่านหนึ่ง อีกท่านหนึ่งคาดว่าบรรลุจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์แล้ว กลับปฏิบัติต่อผู้เยาว์คนหนึ่งอย่างถืออำนาจบาตรใหญ่ คาดว่าคงไม่ใช่บุคคลฝ่ายธรรมะที่ดีงามอันใด”
ชายชราในชุดขาวก็คือเหยียนเต้าจื่อนั่นเอง หลังจากเขาทราบข่าวราชันิญญาอูสิงอวิ๋นเสียชีวิตแล้ว สำนึกฆ่าฟันในจิตใจเหมือนเช่นูเาไฟก็มิปาน เพียงแต่หาตัวฆาตกรไม่เจอตลอดมา ไม่สามารถะเิอารมณ์ออกมาเนิ่นนานแล้ว เมื่อครู่นี้เอง เขากลับััได้ถึงการผันผวนของแก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิบนแหวนของอูสิงอวิ๋น
เหยียนเต้าจื่อเที่ยวค้นหาในน่านน้ำมหาสมุทรนี้มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว รีบเร่งมาทันทีโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น แม้แต่สภาวะพลังจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ของตนก็ไม่ปิดบัง ที่ทำให้เขารู้สึกนอกเหนือความคาดหมายก็คือ สภาวะพลังกดดันจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ของตน ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อชายหนุ่มคนนี้ สิ่งนี้มิอาจไม่ทำให้เขาประหลาดใจ ขณะเดียวกันในใจก็มั่นใจมากยิ่งขึ้นเช่นกันว่า คนตรงหน้าก็คือฆาตกรที่สังหารราชันิญญาอูสิงอวิ๋น
เหยียนเต้าจื่อคิดไม่ถึงว่า คารมของจ้านอู๋มิ่งจะคมคายเช่นนี้ กลับพูดจนใบหน้าชราของเขาแดงระเรื่อ มีชีวิตอยู่มานานนับพันปีแล้ว เขาเป็ผู้าุโที่ดำเนินชีวิตอยู่ฝ่ายธรรมะเสมอมา ในสายตาของชายหนุ่มผู้นี้กลับกลายเป็ฝ่ายอธรรมชั่วร้ายไปแล้ว แน่นอน ตนใช้สภาวะพลังและอำนาจต่อผู้เยาว์คนหนึ่ง นับว่าเกินเลยไปอยู่บ้างจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงการตายของอูสิงอวิ๋น สำนึกการฆ่าฟันและเพลิงโทสะในใจก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
“ไอ้หนู เ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ชายชราผมสีน้ำตาลแผ่รังสีฆ่าฟันออกมา
เหยียนเต้าจื่อยื่นมือออกขัดขวางชายชราผมสีน้ำตาล มองจ้านอู๋มิ่งอย่างเ็า กล่าวเสียงเฉยชา “เ้าก็คือจ้านอู๋มิ่งผู้นั้น”
“ว้าว คิดไม่ถึงว่าท่านผู้าุโจะทราบชื่อของผู้เยาว์ รู้สึกเป็เกียรติยิ่งนัก เพียงแต่ไม่ทราบว่าท่านผู้าุโตามหาผู้เยาว์อย่างเดือดดาลด้วยเื่ราวใดกันแน่?” จ้านอู๋มิ่งแสร้งถามกลับอย่างสับสน
“ราชันิญญาอูสิงอวิ๋นถูกเ้าสังหารใช่หรือไม่?” เหยียนเต้าจื่อถามอย่างอดทน
“ราชันิญญาอูสิงอวิ๋น คงไม่หรอกกระมัง เขาเสียชีวิตแล้วหรือ?” การแสดงออกอย่างประหลาดใจของจ้านอู๋มิ่งช่างสมจริงยิ่งนัก
“หึ…” จ้านอู๋มิ่งตาลายตรงหน้าวูบ แหวนจักรวาลที่ร้อยเป็พวงด้วยเอ็นัเจียวหลงไห่ทงเทียนบนหน้าอกกลับตกไปอยู่ในมือของเหยียนเต้าจื่อ
เหยียนเต้าจื่อประหลาดใจอย่างบอกมิถูก เขาเคยเห็นคนร่ำรวยมั่งคั่งมาก่อน แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ใดร่ำรวยในระดับจ้านอู๋มิ่งมาก่อน ผู้อื่นที่สวมแหวนจักรวาลจำนวนมิน้อยบนมือก็มีอยู่เช่นกัน แต่เหมือนเช่นจ้านอู๋มิ่งที่นำแหวนจักรวาลนับร้อยวงมาร้อยเข้าด้วยกัน เหมือนเช่นเครื่องประดับอย่างสายสร้อยเปลือกหอยเป็ครั้งแรกที่เคยเห็น และภายในแหวนจักรวาลแต่ละวงบนสร้อยคอเส้นนี้ ล้วนมีทรัพย์สมบัติที่ทำให้เขาใ เขาในฐานะจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เองยังอดที่จะอิจฉามิได้
ความจริงจ้านอู๋มิ่งไม่ได้้าโอ้อวด การเดินทางมาน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิงครั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้รับมากเกินไปแล้วจริงๆ เศษชิ้นส่วนเ่าั้เอย อุทกจิติญญาเอย โอสถิญญาเอย หินจิติญญาระดับต่ำ เกล็ดและเกราะกับเส้นเอ็นกระดูกของสัตว์อสูร นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัตว์อสูรจิติญญาอีกมากมายที่รสชาติดีมาก เหมือนร่างของไห่ทงเทียน องค์ชายสามแห่งมหาสมุทรฟ้าพิโรธผู้นั้น นั่นคือเจียวหลง ัสมุทรเชียวนะ เนื้อัเจียวหลงรสชาติดีกว่าเนื้องูเสียอีก จ้านอู๋มิ่งรู้สึกเสียดายมิ้าทิ้งไป ดังนั้นจึงเก็บไว้ค่อยๆ ทยอยกิน
ถึงอย่างไรจำนวนแหวนจักรวาลมากมายนัก ดังนั้นเขาจึงเก็บไว้ทั้งหมด สิ่งของเหล่านี้ยังคงอยู่ใน่สองเดือนที่ผ่านมา บนเกาะูเาไฟ สามสาวอยู่ว่างมิมีสิ่งใดทำ ช่วยเขาคัดแยกจัดเป็ระเบียบออกมา
แน่นอน ของล้ำค่าสำคัญย่อมไม่ใส่ไว้ในสร้อยคอพวงนี้ที่หน้าอกแน่นอน แต่สิ่งที่ไม่สำคัญล้ำค่าในสายตาของเขา ในสายตาของผู้อื่นก็แตกต่างไปแล้ว เนื่องเพราะเขามีข้าวของสิ่งล้ำค่าดีๆ มากมายเกินไปจริงๆ ภายใต้การเปรียบเทียบ สิ่งที่ไม่ล้ำค่าดังกล่าวเหล่านี้ก็เป็สิ่งของที่หายากเช่นกัน
ดังนั้นในสายตาของเหยียนเต้าจื่อ เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าไอ้หนูคนนี้จะพกทรัพย์สมบัติมากมายติดตัวขนาดนี้ ดูท่าแล้วคำเล่าลือที่ราชันปีศาจป่วนโลกจ้านอู๋มิ่งต่อสู้ปล้นชิงในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกนับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีผิดพลาดแม้แต่น้อย
เหยียนเต้าจื่อใช้ประสาทััตรวจสอบผ่านแหวนพวงนี้รอบหนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งของที่อยู่ในสร้อยพวงนี้ของจ้านอู๋มิ่ง เทียบเท่ากับสายแร่เหมืองหินชีพจรพลังจิติญญาหลายเส้นเลยทีเดียว มากเพียงพอให้สำนักนิกายั์ใหญ่อย่างสำนักิญญา์ใช้ต่อเนื่องไปเป็เวลายาวนานกว่าสิบปี แต่ไอ้หนูที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กลับห้อยไว้บนอกอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งก็ปาน
ฝืนสะกดข่มจิตสมาธิให้มั่นคง เหยียนเต้าจื่อหยิบแหวนจักรวาลที่ฝีมือละเอียดประณีตมากจาก้าออกมาวงหนึ่งพูดว่า “แหวนวงนี้ได้มาจากที่ใด?”
“จำไม่ได้แล้ว แหวนของข้าส่วนใหญ่ล้วนเป็แหวนที่หยิบมาได้ หรือบางครั้งพวกเขาก็มอบให้ข้า อ้อ ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว ข้ามีความประทับใจกับแหวนวงนี้” พลันจ้านอู๋มิ่งก็ร้องเสียงดังออกมา
“รีบพูดมา!” พลันสีหน้าเหยียนเต้าจื่อแปรเปลี่ยน ส่งเสียงตวาดขึ้น
“ท่านผู้าุโ ข้ายังไม่ทราบนามสูงส่งของท่านเลยนะ แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง” พลันน้ำเสียงจ้านอู๋มิ่งเปลี่ยนไป ไม่ได้ตื่นตระหนก กล่าววาจาถามกลับ
“เราผู้เฒ่าเหยียนเต้าจื่อ ผู้าุโใหญ่ของสำนักิญญา์” เหยียนเต้าจื่อถูกจ้านอู๋มิ่งก่อกวนจนจิตใจว้าวุ่นหงุดหงิด แต่คำพูดเมื่อครู่ของไอ้หนูคนนี้กลับทำให้เขามิอาจไม่ทำให้สมกับเป็ผู้าุโ
ในตอนแรกไอ้หนูคนนี้ก็บอกว่าเขาวางอำนาจบาตรใหญ่เกินไป ไม่เหมือนคนของฝ่ายธรรมะ ตนดำรงอยู่ฝ่ายธรรมะมาเนิ่นนานกว่าพันปี ได้รับความชื่นชมจากฝ่ายธรรมะของโลกหล้า เมื่อล่วงเลยเข้าสู่วัยชราแล้วก็ไม่อาจสูญเสียอุดมการณ์ไป
“ว้าว ที่แท้ก็คือผู้าุโของสำนักิญญา์หรือนี่ ผู้เยาว์เป็ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉาน อาจารย์ข้าคือเลวี่ยเหวินซิวที่ผู้คนขนานนามคนคลั่งเฒ่า นับตามลำดับความาุโ อาจารย์ข้าก็ยังต้องเรียกท่านว่าอาจารย์ทวดแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะพบกับท่านผู้เฒ่าในสถานที่นี้ นับเป็โชควาสนาสั่งสมมาสามชาติภพของผู้เยาว์จริงๆ” พลันสีหน้าจ้านอู๋มิ่งดูตื่นเต้นยิ่งนักในทันใด คิดจะเข้าไปคว้ามือของเหยียนเต้าจื่อไว้
ท่าทางเช่นนั้น เป็ลักษณะท่าทางของคนคุ้นเคยกันเป็อย่างดี ไม่เหมือนกับผู้เยาว์ที่เคารพนับถือผู้าุโอย่างยิ่งแต่ประการใด และเหมือนสหายเก่าที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว
ชายชราผมสีน้ำตาลด้านข้างชมดูจนขมวดคิ้ว เ้าหมอนี่ยังเป็สุดยอดผู้ล้ำเลิศคนหนึ่งจริงๆ ข่าวลือในน่านน้ำมหาสมุทรจริงแท้ไม่ได้หลอกลวงตน ต่อให้เป็ตนเอง ยามอยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษผู้เฒ่าเหยียนเต้าจื่อยังต้องรู้สึกหวาดหวั่นครั่นคร้าม เพราะกลัวกล่าววาจาผิดพลาด แต่ว่าในสายตาของไอ้หนูคนนี้ ล้วนไม่ได้เป็เช่นนั้นเลย กลับเหมือนได้พบคนในเส้นทางสายเดียวกัน[1] รีบเข้าไปดึงมือเหยียนเต้าจื่อทันที นี่มิใช่เป็การรนหาที่ตายหรอกหรือ?
เหยียนเต้าจื่อเองก็รู้สึกหนังศีรษะชาเช่นกัน สายตาที่จ้านอู๋มิ่งมองเขา ทำให้เขามีความรู้สึกที่ขนลุกชนิดหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อ สลัดมือของจ้านอู๋มิ่งกลับไป แค่นเสียงเ็า “เ้าตอบคำข้าผู้เฒ่ามาเร็วที่สุด ไม่ต้องมาตีสนิทคบหากับข้า”
พลันสีหน้าจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยน จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกลายเป็คนเฉยเมยเ็าไปทันใด กล่าวว่า “ถ้าข้ากับท่านไม่สนิทคุ้นเคยกัน เช่นนั้นไฉนข้าต้องบอกท่านเล่า?”
เหยียนเต้าจื่อและชายชราผมสีน้ำตาลอดจะตะลึงไปแล้วไม่ได้ พวกเขาพบว่าไอ้หนูผู้นี้คือคนที่ประมาทเลินเล่อผู้หนึ่ง ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าความกลัวคืออะไร และก็ไม่ทราบว่าความเคารพยำเกรงคืออะไรเช่นกัน ถึงกับกล่าววาจาลักษณะเช่นนี้ กลับพูดอย่างสมเหตุสมผลด้วยซ้ำ แิของเหยียนเต้าจื่อแทบจะถูกโค่นล้มพลิกผันไปแล้ว การเป็คนที่สามารถกระทำตัวได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ หาได้ยากยิ่งนักจริงๆ
“ไม่พูด ก็ตายเสียเถิด!” ชายชราผมสีน้ำตาลไม่ปกปิดเจตนาฆ่าอีกต่อไป พลันเขตแดนจักรพรรดิาพุ่งใส่จ้านอู๋มิ่งอย่างกะทันหัน เหมือนระลอกคลื่นใหญ่ในมหาสมุทรทันที
“วิญญูชนใช้ปากไม่ใช้มือ ลูกผู้ชายยอมหักไม่ยอมงอ เจตจำนงไม่เสื่อมด้วยทรัพย์สมบัติและเกียรติยศ ้าให้ข้าพูดก็ได้ เ้าคืนสร้อยคอเส้นนั้นให้ข้าก่อน!” จ้านอู๋มิ่งพูดเสียงดังอย่างน่าเกรงขาม
“โครม…” ร่างของจ้านอู๋มิ่งถูกม้วนขึ้นภายในเขตแดนของชายชราผมสีน้ำตาล ลอยขึ้นไปกลางอากาศ จ้านอู๋มิ่งคล้ายดั่งไร้เรี่ยวแรงต่อต้านใดๆ
“เ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก ทางเลือกของเ้ามีแค่ตายหรือพูดออกมา!” เหยียนเต้าจื่อก็หมดความอดทนเช่นกันแล้วเช่นกัน เขามั่นใจได้ว่า ไอ้หนูคนนี้ไม่ใช่ตัวโง่งมอย่างแน่นอน และนี่คือการกลั่นแกล้งตนนั่นเอง สำหรับคนที่หาญกล้ามากลั่นแกล้งตน เขาไม่เคยต้องเกรงใจมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา้าทราบข่าวของราชันิญญาอูสิงอวิ๋นจากจ้านอู๋มิ่ง เกรงว่าเขาจะตบไอ้สารเลวตรงหน้าผู้นี้กลายเป็เศษเนื้อแหลกเหลวไปเนิ่นนานแล้ว
“เอาล่ะ เห็นพวกเ้าดื้อรั้นขนาดนี้ ข้าก็จะฝืนใจบอกเล่าความจริงให้พวกเ้าฟัง แต่ว่า...ข้ากลัวว่าหลังจากพวกเ้าฟังแล้วจะทนไม่ได้” พลันจ้านอู๋มิ่งทอดถอนใจคำหนึ่ง
ถึงแม้ร่างกายเขาจะถูกควบคุมโดยเขตแดนของชายชราผมสีน้ำตาล แต่ยังคงสามารถกล่าววาจาได้
สีหน้าเหยียนเต้าจื่อแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ก่นด่าอย่างโกรธเคือง “วาจาไร้สาระ!”
“ความจริงแหวนวงนี้ข้าแย่งชิงมาได้ เ้าไม่ทราบหรอกหรือ ราชันิญญาอูสิงอวิ๋นผู้นั้นเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว กลับกล้ามาแข่งความหยิ่งผยองกับข้า ยังหาญกล้าลงมือแย่งสมบัติวิเศษกับท่านปู่เช่นข้า ดังนั้นเมื่อข้าบันดาลโทสะขึ้นมา ก็สังหารเขาเสียเลย หลังจากนั้นสิ่งของที่เป็ของเขาก็ย่อมกลายเป็ของข้าแล้ว แหวนจักรวาลก็ได้มาในลักษณะเช่นนี้เอง ความประทับใจของข้าค่อนข้างลึกซึ้ง บิดาอาละวาดไปทั่วในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก ยังไม่เคยมีผู้ใดหาญกล้ามาแย่งสมบัติวิเศษกับข้ามาก่อน! ไหนเลยจะทราบว่าทันทีที่เข้าไปในสถานพำนักของคุนเผิง ราชันิญญาอูสิงอวิ๋น้าเป็ตัวโง่เขลาคนแรก เป็คนที่ไม่รู้จักความเป็ตาย ยังคิดจะแย่งของที่ข้าหมายตาไว้ ดังนั้นข้าจึงสังหารเขาเสีย” สีหน้าจ้านอู๋มิ่งฉายชัดมันสมควรจะเป็เช่นนี้ พูดพลางสบถบ่นด่าไปพลาง ไม่สนใจใยดีใบหน้าที่แทบหยดเป็เืของเหยียนเต้าจื่อ
“เ้าทราบหรือไม่ว่าราชันิญญาอูสิงอวิ๋นเป็อะไรกับข้า?” เหยียนเต้าจื่อรีรอเป็เวลาเนิ่นนาน ถามออกมาคำหนึ่งอย่างยากลำบาก เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในเวลานี้ออกมาได้
เหมือนเช่นที่จ้านอู๋มิ่งได้กล่าว เขาทนรับไม่ไหวจริงๆ ไม่ใช่เพราะความเศร้าโศกเสียใจ แต่เนื่องเพราะทนไม่ได้กับคนผู้นี้ที่ความตายรออยู่ตรงหน้า แต่ยังคุยโอ่คำใหญ่คำโตอย่างไร้ยางอายอยู่เช่นนั้น
“เื่นี้ต้องขออภัยอยู่บ้าง เขาซุบซิบกันว่า ราชันิญญาอูสิงอวิ๋นอาจเป็บุตรนอกสมรสของเ้า แต่เห็นอยู่ชัดๆ แล้วว่าเป็ศิษย์สายตรงคนสนิทของเ้า…” จ้านอู๋มิ่งยิ้มกว้าง พูดออกมาคำหนึ่ง ทำให้เหยียนเต้าจื่อแทบจะอาเจียนเป็เื
หยิ่งผยอง ความคิดเห็นเพียงหนึ่งเดียวที่ชายชราผมสีน้ำตาลมีต่อจ้านอู๋มิ่ง หยิ่งผยองจนไร้เทียมทาน เคยเห็นคนหยิ่งผยองมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นความหยิ่งยโสขนาดนี้มาก่อนแม้ว่าขณะนี้ความตายอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว ั้แ่เริ่มต้นชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ก็ทราบจุดประสงค์ของพวกเขาแล้ว ทราบศักดิ์ฐานะของพวกเขา เพียงแต่ั้แ่เริ่มแรกก็ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ั้แ่เริ่มต้นก็กลั่นแกล้งเย้าหยอกพวกเขา มิเช่นนั้นก็จะไม่พูดเื่โง่เขลาเช่นนี้ต่อหน้าเหยียนเต้าจื่อเช่นกัน ทราบอยู่แล้วว่าราชันิญญาอูสิงอวิ๋นเป็ศิษย์สายตรงของเหยียนเต้าจื่อ ยังแกล้งจงใจพูดว่าอูสิงอวิ๋นเป็ลูกนอกสมรสของเขา ซึ่งเป็ข้อห้ามนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจใยดีว่าเหยียนเต้าจื่อจะบ้าคลั่งแต่อย่างใดเลย
[1] ในบริบทนี้ ผู้แต่งสื่อถึงคนรักร่วมเพศ
