จุนห่าวและหานรุ่ยไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากที่พวกเขาออกมาจากคฤหาสน์ท่านเ้าเมือง พวกเขาพาจางหนิงไปที่โรงเตี๊ยมที่พวกเขาพักอยู่ และเปิดห้องพักใหม่ให้จางหนิงพักผ่อนคนเดียวอย่างสงบใจ
จางหนิงมีคำถามมากมายในตอนนี้ แต่เขาไม่รู้ว่า จะเริ่มต้นถามจากเื่ใดดี เพราะเขาเพิ่งจะมีความสุขหลังจากที่ได้รู้ว่า จุนฟานยังมีชีวิตอยู่ จนลืมเื่ราวหลายอย่างไป
“คุณชายจุน ข้าขอขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้า ขอบคุณจริง ๆ” จางหนิงกล่าวอย่างจริงใจ จุนห่าวคือผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เขา
“คุณชายจาง ท่านไม่ต้องเกรงใจ การช่วยท่านคือสิ่งสมควรทำอยู่แล้ว ท่านคือคนรักของพี่สามของข้า อย่างไรต่อไปเราก็จะเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว ท่านไม่ต้องเรียกข้าว่า คุณชายจุน หรอก เรียกแค่ชื่อข้าก็พอ หากท่านยินดี ก็เรียกข้าว่า น้องสี่ อย่างที่พี่สามเรียกก็ได้” จุนห่าวกล่าวกับจางหนิง จุนห่าวรู้สึกพอใจจางหนิงผู้นี้ที่ทำตัวดี ไม่อวดเก่ง รู้จักกาลเทศะ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะเข้ามาหรือออกไป และที่สำคัญที่สุดคือ รู้จักสำนึกบุญคุณ จุนห่าวมองเห็นถึงความซาบซึ้งใจในสายตาของจางหนิง คงไม่มีใครหวังว่า ตัวเองจะช่วยคนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณหรอก จากมุมมองนี้จุนห่าวจึงรู้สึกประทับใจในตัวจางหนิง
“ข้าขอเรียกท่านว่า จุนห่าว แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นท่านก็อย่าเรียกข้าว่า คุณชายจางเลย เรียกข้าว่า จางหนิง ก็พอ” จางหนิงเอ่ยขึ้น เขามิใช่คนเ้าเล่ห์ ในเมื่อจุนห่าวคือน้องชายของจุนฟาน ต่อไปก็จะเป็คนในครอบครัวเดียวกันแล้ว จึงไม่จำเป็ที่จะต้องทำตัวห่างเหิน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าขอเรียกท่านว่า จางหนิง ไปก่อนแล้วกัน รอจนกว่าท่านและพี่สามของข้าได้แต่งงานกัน ข้าถึงจะเปลี่ยนไปเรียกท่านว่า ‘พี่สะใภ้’ นะ” จุนห่าวพูดหยอกล้อ เขาคิดในใจ จุนฟานและจางหนิงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกัน ไม่ช้าก็เร็วย่อมได้เรียกเขาว่า ‘พี่สะใภ้’ แน่ ๆ
เมื่อจางหนิงถูกจุนห่าวเรียกด้วยคำว่า ‘พี่สะใภ้’ ก็พลันรู้สึกเขินอายขึ้นมา เขาจึงหันไปทางหานรุ่ยและเอ่ยถามว่า “ท่านนี้คือ......” จางหนิงเดาว่า คงเป็ภรรยาซวงเอ๋อร์ของจุนห่าว แต่ถ้าหากยังไม่ได้รับการยืนยัน เขาก็ไม่กล้าเรียกอันใดออกไป
“ข้าคือภรรยาซวงเอ๋อร์ของจุนห่าว มีนามว่า หานรุ่ย” หานรุ่ยเห็นจางหนิงเอ่ยถามตนเอง จึงแนะนำตัวเองให้จางหนิง
“ข้าขอเรียกท่านว่า หานรุ่ย ได้ไหม?” จางหนิงถามอย่างลังเล เขาไม่ทราบอารมณ์ของหานรุ่ย จึงไม่กล้าเรียกมั่วซั่ว
“ได้สิ ต่อไปนี้เราจะเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่ามองคนในครอบครัวเป็คนอื่นเลย” หานรุ่ยกล่าว “นี่คือบุตรซวงเอ๋อร์ของข้า ชื่อ จุนตง และ จุนหนาน พวกเขาเป็ฝาแฝดกัน” จากนั้นหานรุ่ยก็พูดกับจุนตงและจุนหนานว่า “จุนตง จุนหนาน เรียกท่านลุงสิ”
“ท่านลุง” จุนหนานเรียกอย่างเชื่อฟัง
“ท่านลุง” จุนตงก็เรียกตามเช่นเดียวกัน
“ว่าง่ายจริง ๆ” จางหนิงพูดอย่างเอ็นดู เขาเองก็รักเด็ก และหวังว่า สักวันเขาจะมีลูกที่น่ารักเช่นนี้
เมื่อจุนตงและจุนหนานได้รับคำชม พวกเขาก็ยิ้มอย่างเขินอาย
“ร่างกายเ้าเป็อย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่า พวกมันทรมานเ้า” หานรุ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“ไม่เป็อันใดเลย ข้าาเ็แค่ภายนอกเท่านั้น ยาิญญาฟื้นฟูของท่านเ้าเมืองได้ผลดีทีเดียว พอดื่มแล้ว ก็สามารถฟื้นตัวได้ดังเดิม” จางหนิงกล่าวเยาะเย้ยตัวเอง ยังถือว่า เซ่าเจี้ยนหลิ่น เป็คนใจกว้างที่ให้เขาใช้ยาิญญาราวกับยามีราคาไม่กี่ตำลึงเงิน คงเกรงว่า เขาจะสิ้นใจเร็วไปกระมัง
“ท่านเ้าเมืองร่ำรวยเงินทอง ยาิญญานั้นย่อมดีเป็ธรรมดาอยู่แล้ว” หานรุ่ยกล่าวกับจางหนิง
จุนห่าวเห็นหานรุ่ยและจางหนิงเข้ากันได้ดี จึงไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอันใด และเขาก็กลายเป็อากาศธาตุ พลางหยอกล้อกับเด็ก ๆ ไปโดยปริยาย
“จุนฟานยามนี้เป็อย่างไรบ้าง? พี่รองด้วย” จางหนิงถามอย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่รู้ว่า ตอนนี้พวกเขาสบายดีหรือไม่
“พวกเขาสบายดี บัดนี้พี่รองเลื่อนระดับขั้นลมปราณได้แล้ว พลังปราณของพี่สามก็ก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน มีแค่ที่พี่สามกังวลใจแต่เื่เ้านั่นแหละ เขาอยากจะมาช่วยเ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ข้ากับจุนห่าวไม่ยอมให้เขามาเอง” หานรุ่ยกล่าว จากนั้นก็เล่าเื่ราวของจุนฟานและจุนเช่อให้จางหนิงฟัง เขาไม่้าให้จางหนิงเข้าใจจุนฟานผิด ด้วยเหตุนี้เขาจึงเล่าสถานการณ์ของจุนฟานอย่างละเอียด ไม่ใช่ว่า จุนฟานไม่อยากมาช่วยเขา แต่เพราะสถานการณ์ของจุนฟานในตอนนั้น ช่างน่าเป็กังวัลยิ่งนัก
“เขาสบายดีก็ดีแล้ว ข้าไม่ว่าอะไรเขาหรอก” จางหนิงกล่าว แค่ได้รู้ว่า จุนฟานยังคงคิดถึงเขาอยู่ ก็รู้สึกดีมากแล้ว แม้ว่าความบริสุทธิ์ของเขาจะเก็บรักษาไว้ได้ ทว่าชื่อเสียงของเขาได้เสียหายไปเสียแล้ว
หานรุ่ยเห็นว่า จางหนิงดูเหนื่อยล้า จึงอยากให้จางหนิงได้พักผ่อน แม้ว่าจางหนิงจะยังมีคำถามอีกมากมาย แต่เขาก็รู้ว่า บางอย่างก็ยังไม่สมควรที่จะถาม เขาจะไม่ใช้ความสัมพันธ์ของเขากับจุนฟานเป็เครื่องมือในการถามโน่นถามนี่ เพราะถือเป็การไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มีแต่จะทำให้คนอื่นรำคาญ
