ภายในพื้นที่ของแคว้นเฉิน
ควันหมาป่าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
จากหนึ่งเพิ่มเป็สี่ จากสี่เพิ่มเป็สิบหก และจากสิบหกเป็หกสิบสี่ ในตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นได้ทำการส่งสัญญาณควันหมาป่าไปทั่วทุกพื้นที่
...
ณ พระราชวังเฉิน
เหล่าขุนนางต่างพากันแห่ไปยังวังหลวงทันทีด้วยความร้อนรน ที่หน้าประตูใหญ่ของราชสำนัก มีร่างของฮ่องเต้เฉินเหลี่ยงอี้ยืนอยู่
“ฝ่าา ตอนนี้ควันหมาป่าลอยคละคลุ้ง จู่ๆ ก็เกิดเื่ขึ้นที่ชายแดนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางมองฮ่องเต้อย่างร้อนรน
เฉินเหลี่ยงอี้สูดลมหายใจลึก ส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ข้ารู้แล้ว! อย่าได้กังวลเลย”
“ฝ่าาทรงทราบอยู่แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? แต่ยามนี้ควันหมาป่ากระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ฝ่าาจะเมินเฉยเช่นนี้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าา ควันหมาป่ากระจายไปทุกหนแห่ง ต้องเกิดเื่ขึ้นแน่ เราต้องเตรียมรับมือให้ดี”
เหล่าขุนนางต่างร้อนใจ กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
“ข้าบอกว่ารู้แล้วอย่างไรเล่า หยุดพูดกันเสียที!” เฉินเหลี่ยงอี้ตัดบทอย่างเ็า
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าขุนนางต่างก้มหน้าขานรับด้วยความสับสน
บัดนี้ ในใจของเฉินเหลี่ยงอี้ย่อมรู้สึกกระวนกระวายอย่างถึงที่สุด เขาได้รับข่าวร้ายเมื่อไม่นานมานี้ ว่าสำนักชิงเหอถูกทำลายไปแล้ว... สำนักใหญ่ของแคว้นสูญสิ้นไปแล้ว อย่างนั้นหรือ? เมื่อขาดขุมกำลังที่พึ่งพาได้ ความล่มสลายของแคว้นเฉินก็คงอยู่ไม่ไกล
ขณะนี้ท่านปู่กำลังติดตามกู่ไห่ไป ทั้งยังขอราชโองการเปล่าจากเขาร้อยฉบับ อย่าว่าแต่ร้อยเลย ต่อให้เป็พันฉบับ เฉินเหลี่ยงอี้ก็เต็มใจมอบให้ ยามนี้เขาเพียงหวังว่ากู่ไห่จะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นได้อีกครั้ง
ควันหมาป่ายังคงลอยขึ้นสู่เวหา พริบตา สัญญาณก็ถูกส่งไปถึงด่านหู่เหลา
...
ภายในด่านหู่เหลา
กู่ฉินและกู่ฮั่นสังเกตเห็นควันหมาป่า ลอยมาจากจุดที่อยู่ไกลออกไป
“พี่ใหญ่ ก่อนที่พ่อบุญธรรมจะออกเดินทาง ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า หากเห็นควันหมาป่าและสัญญาณไฟลุกโชน แสดงว่าเกิดภัยอันตราย ซึ่งยากเกินกว่าที่ท่านจะรับมือได้ แสดงว่าที่นี่กำลังจะเกิดเื่ขึ้นแล้ว” กู่ฮั่นเอ่ยพลางขมวดคิ้วแน่น
กู่ฉินหรี่ตาลง และพยักหน้า “ไปเถอะ พวกเราจำต้องหลบก่อน!”
“ขอรับ!” กู่ฮั่นพยักหน้า
ทั้งสองเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ
...
ครึ่งวันต่อมา
ฟิ้ว!
ฟู่เสวี่ยพาศิษย์สำนักซ่งเจี่ยมุ่งตรงไปยังด่านหู่เหลา โดยมีลมพายุตลอดเส้นทางที่ทั้งสองบินผ่านมา
“มันอยู่ที่ใด?” ชายชุดดำถามเสียงเย็น
“ผู้าุโ ตรงนั้น... หมู่บ้านนั้นขอรับ!” ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยร้องบอก
ทั้งสองมองลงไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอก ราวกับม่านกำบังขนาดใหญ่
ฟึ่บ!
พริบตา ทั้งสองก็มาถึงบริเวณที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านที่ว่า
ตุบ!
ฟู่เสวี่ยโยนร่างของศิษย์คนนั้นลงสู่พื้นเบื้องล่าง
ตอนนี้ชายชุดดำลอยตัวกลางเวหา พลางมองดูหมู่บ้านตรงหน้า ด้วยแววตาเย็นะเื
ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ผู้ฝึกตนจำนวนมากยังคงวนเวียนอยู่ คนกลุ่มนั้นทันทีที่เห็นฟู่เสวี่ย กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปทันควัน
“หยวนอิง? เขามาที่นี่เพื่อแย่งลูกท้อร้อยปีอย่างนั้นหรือ?” เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็แสดงท่าทีประหลาดใจ เมื่อเห็นการมาเยือนของอีกฝ่าย
“เขาคือใคร? เ้าเคยพบมาก่อนหรือไม่?”
“ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงจากทะเลพันเกาะกระมัง?”
เหล่าผู้ฝึกตนที่พบเห็น ต่างก็ชี้นิ้วไปยังชายชุดดำ ก่อนหันไปกระซิบกระซาบกันอย่างสงสัย
ฟู่เสวี่ยหันไปมองค่ายกลตรงหน้า ด้วยแววตาเยียบเย็น
“ผู้าุโ ท่านมาทำอะไรที่นี่ขอรับ?” ไม่ไกลกันนัก ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยคนหนึ่งก็เอ่ยถามอย่างใ
ชายชุดดำหันไปมอง ก่อนสูดลมหายใจลึก
ฟึ่บ!
ศิษย์คนนั้นถูกดูดเข้ามาใกล้ทันที
“ผู้าุโ ท่านหัวหน้าสำนักสั่งให้ข้ามาที่นี่ เพื่อจับตามองจวนสกุลกู่!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม
“หืม? ครอบครัวของกู่ไห่อาศัยอยู่ที่นี่หรือ?” ฟู่เสวี่ยเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ขอรับ กู่ไห่ก็เช่นกัน ทั้งยังมีคนโฉดอีกสามพันคน” ชายคนนั้นตอบทันที
“กู่ไห่ยังอยู่ในนั้นหรือไม่?” สีหน้าของชายชุดดำพลันมืดครึ้ม เมื่อไร้ซึ่งการตอบกลับ “เ้าเศษสวะ?”
“ขอรับ!” ชายคนนั้นไม่กล้าแม้จะเงยหน้ามอง
“ข้าถามเ้าว่ากู่ไห่ยังอยู่ที่นี่หรือไม่?” ฟู่เสวี่ยกล่าวเสียงเย็น
“ขอรับ! ต้องอยู่ข้างในแน่ เพราะที่นี่คือจวนสกุลกู่ แต่ค่ายกลใหญ่นี้กลับยุ่งยากนัก” ชายคนนั้นเอ่ยเสียงแ่
“จะมีปัญหาอะไรได้? ในเมื่อกู่ไห่มิได้อยู่ที่นี่ แล้วนี่มันค่ายกลอะไรกัน?” ชายชุดดำเอ่ย พลางยิ้มเยาะ
ระหว่างพูด ก็ทำท่าเหมือนจะบุกเข้าไปข้างใน
“นี่คือ... ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น” ชายคนนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม
รอยยิ้มเยาะจางหายไปโดยฉับพลัน ฟู่เสวี่ยก้าวไปยังด้านหน้าของค่ายกล
ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้น?
ก่อนหน้านี้ เขาเคยเจอมันมาแล้วที่สำนักซ่งเจี่ย คิดไม่ถึง ว่าที่จวนสกุลกู่ก็จะมีเช่นกัน!
“ผู้าุโ ท่านจะบุกเข้าไปหรือขอรับ? ดีเลย! ท่านต้องทำลายค่ายกลใหญ่นี้ได้แน่!” คนที่อยู่ด้านข้างร้องด้วยความตื่นเต้น โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนเอ่ยไปนั้น จะแทงใจดำอีกฝ่าย
“ไสหัวไป!” เมื่อชายชุดดำได้ยิน ก็ถีบร่างของศิษย์ผู้นั้นจนกระเด็น
าแบนร่างยังไม่หายดี... เ้ายังจะให้ข้าบุกค่ายกลนี้อีกอย่างนั้นหรือ?
“อ๊าก!” ศิษย์คนนั้นถูกเตะกระเด็นไปไกล
ฟู่เสวี่ยมองค่ายกลที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาหดหู่ หากเป็ก่อนหน้านี้ เขาต้องลองบุกเข้าไปแน่ แต่หลังจากรู้ถึงความร้ายกาจของค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นแล้ว ย่อมต้องระมัดระวังให้มาก
ดวงตาสีแดงก่ำมองไปรอบๆ หมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยชาวบ้านและผู้ฝึกตนมากมาย
ชายชุดดำกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ดี! ค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นอย่างนั้นหรือ? เ้าไม่สนใจครอบครัวและพวกพ้องหรือไร? ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เ้าจะไม่ยอมโผล่หัวออกมา! ”
เขาสะบัดมือขึ้น
ฟู่!
หมอกพิษสีแดงพุ่งออกจากแขนเสื้อของฟู่เสวี่ย และค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมา แล้วลอยไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ตรงหน้าทันที
หมอกพิษพลันแผ่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
แม้แต่นกที่บินอยู่กลางอากาศ เมื่อได้ััหมอกพิษ ก็ตกลงมาตายทันที
“ท่าจะไม่ดีแล้ว...มันเป็หมอกพิษ!” ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนคนหนึ่งก็ร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก
“วิ่ง!”
“หนีเร็ว!... มันเป็หมอกพิษ”
ผู้ฝึกตนทั้งหลายเมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างก็วิ่งหนีตายไปยังพื้นที่รอบนอก ด้วยความหวาดผวา
“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ?... ฮึ่ม!” ชายชุดดำแค่นเสียง พร้อมโบกมือ
ฟึ่บ!
หมอกพิษแผ่กระจายไปทั่วสารทิศทันที ทุกพื้นที่ของหมู่บ้าน บัดนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยไอพิษ ปิดกั้นเส้นทางหนีของทุกคน
“อ๊าก!”
“เราจะทำอย่างไรกันดี?”
“กลั้นหายใจ... แล้ววิ่งออกไป!”
ผู้คนจำนวนมากพากันกลั้นหายใจ แล้วรีบวิ่งฝ่าเข้าไปในหมอกพิษ
“อ๊าก!”
ตุบๆๆ!
เสียงร้องโหยหวนของผู้ฝึกตน ที่เสี่ยงวิ่งฝ่าหมอกพิษดังขึ้น ก่อนพวกเขาจะล้มลงกับพื้นทันทีที่ััหมอกพิษ และเสียชีวิตในที่สุด
“ไร้ประโยชน์! ถึงจะกลั้นหายใจ มันก็ยังซึมผ่านิัของพวกเ้าได้อยู่ดี... ฮ่าๆๆๆ!” ฟู่เสวี่ยะเิเสียงหัวเราะ
“เราจะทำอย่างไรกันดี?”
“ผู้าุโ พวกเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกู่ไห่!”
“ผู้าุโ ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
เสียงะโดังขึ้นทั่วทุกบริเวณ
ทว่า แววตาของชายชุดดำกลับเต็มไปด้วยความเืเย็น
เวลานี้ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้กำลังจมอยู่ในหมอกพิษ และทุกคนกำลังจะตายในไม่ช้า
...
ณ เนินเขานอกเมือง
เมื่อกู่ฉินและกู่ฮั่นเห็นหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ สีหน้าของพวกเขาก็ถอดสีทันที
“พี่ใหญ่ เราควรทำเช่นไร? จะทำอย่างไรกันดี?”
“ข้าน่าจะบอกทุกคน... แย่แล้ว!”
“เหตุใดคนผู้นั้นจึงได้อำมหิตถึงเพียงนี้ เขากระทำการอุกอาจเช่นนี้ โดยไม่สนใจอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?”
สองพี่น้องร้อนรน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
...
ภายในเมืองเล็กๆ มีแต่เสียงร้องอย่างหวาดกลัวของชาวบ้านและเหล่าผู้ฝึกตน ฟู่เสวี่ยมองภาพตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำด้วยความสาแก่ใจ
“เพื่อความแค้นส่วนตัว ประสกถึงกับไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คนเลยหรือ... ทำเกินไปแล้ว!” เสียงตวาดดังกึกก้อง ราวกับระฆังั์
พรึ่บ!
ทันใดนั้น สายลมสีทองก็พัดเข้ามา แล้วก่อตัวเป็ตาข่ายขนาดมหึมา หอบเอาหมอกพิษจากทั่วสารทิศออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
เพียงพริบตา หมอกพิษที่เคยจับตัวหนาก็ได้สลายหายไป ราวกับถูกชะล้าง
วิกฤตใหญ่ถูกคลี่คลายในชั่วอึดใจ
“หืม? ใครกัน?” สีหน้าของชายชุดดำพลันเปลี่ยนไป
กู่ฉินและกู่ฮั่นที่ลอบมองมาจากจุดที่ไกลออกไป ตาเป็ประกายอย่างมีความหวัง
“ท่านผู้นั้นคือใครกัน?” กู่ฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
...
ที่นอกโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมือง
ภิกษุชราแววตาทอประกายกล้า สวมจีวรสีทอง ถือไม้ขักขระ ใบหน้าเปี่ยมเมตตา กำลังมองฟู่เสวี่ยอย่างไม่เป็มิตร
“ไต้ซือ... ขอบพระคุณท่านมาก” ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ ต่างรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที
“ลาหัวโล้น เ้าเป็ใคร? กล้าดีอย่างไรจึงมาขวางทางข้า?” ชายชุดดำถามเสียงเย็น ก่อนจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“อาตมา เหลียนเซิง คนที่ประสกตามหามิได้อยู่ที่นี่ ท่านมาทางไหน ขอให้กลับไปยังที่ที่จากมาเถิด” พระอาจารย์เอ่ยเสียงเรียบ
“เหลียนเซิง? อรหันต์เหลียนเซิง?” กู่ฉินเอ่ย ดวงตาวาววับ
ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มเคยได้ยินพ่อบุญธรรมเล่าให้ฟังว่า ได้พบกับหลวงจีนผู้เปี่ยมเมตตาคนนี้ ในดินแดนแรกสาบสูญ และไต้ซือผู้นี้ก็ยังเคยช่วยท่านไว้อีกด้วย
“ฮึ่ม! ตาเฒ่า... รนหาที่ตาย!” ฟู่เสวี่ยถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว
พลางยื่นมือออกไป หมายจะจู่โจมภิกษุชราตรงหน้า ด้วยความแค้นเคือง
ชายชุดดำจำอรหันต์เหลียนเซิงไม่ได้ แต่ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งห้าสิบสองคนกลับเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน อย่างไรเสีย เื่ที่เกิดขึ้นในดินแดนแรกสาบสูญเมื่อไม่นานมานี้ ก็ทำให้พวกเขารู้อะไรหลายอย่าง
“ผู้าุโ ระวังตัวด้วย เขาคืออรหันต์เหลียนเซิง” ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยคนหนึ่งร้องเตือนอย่างหวาดหวั่น
“อรหันต์เหลียนเซิงอย่างนั้นหรือ?” ท่าทีของฟู่เสวี่ยพลันเปลี่ยนไป
แต่ฝ่ามือของเขากลับโจมตีออกไปเสียแล้ว
เห็นเพียงอรหันต์เหลียนเซิงซัดฝ่ามือกลับมา
ตูม!
เกิดการสั่นะเืไปรอบด้าน
พลังฝ่ามือของชายชุดดำะเิออกทันที แต่พลังฝ่ามือของอรหันต์เหลียนเซิงกลับยังคงพุ่งตรงมา เพียงครู่ ก็มาถึงเบื้องหน้าของฟู่เสวี่ย
ตูม!
ชายชุดดำใช้พลังทั้งหมดปกป้องตัวเอง แต่พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป จนเขาไม่อาจต้านทานการโจมตีได้
“อ๊าก!”
ฟู่เสวี่ยถูกซัดจนคืนร่างกลับไปเป็เจียวหลง และลอยกระเด็นไปไกล
ตูมๆ!
ทันใดนั้น เมฆครึ้มปกคลุมไปทั่วนภา ลมพายุโหมกระหน่ำ พลันสายฟ้าวาบประกาย สาดส่องมายังร่างเจียวหลงขนาดมหึมาที่ลอยอยู่กลางเวหา
“เจียวหลงๆ... เขาเป็เจียวหลงอย่างนั้นหรือ?”
“อสูรทะเลเจียวหลง?”
เหล่าผู้ฝึกตนพลันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ก่อนจะร้องอุทานอย่างตื่นตระหนก
กู่ฉินจ้องมองอรหันต์เหลียนเซิงอย่างไม่วางตา พลังฝ่ามือเมื่อครู่ สามารถจู่โจมเจียวหลงจนกระเด็นไปไกล
ภิกษุชราผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใดกัน?
อสูรทะเลก็มีสีหน้าที่ตะลึงงันเช่นกัน ฝ่ามือของอรหันต์เหลียนเซิง เมื่อครู่ ทำเอาอวัยวะทั้งห้าที่โดนจู่โจมกระทบกระเทือนทันที
ต่อให้อยู่ในค่ายกลตารางหมากยี่สิบแปดเส้นของกู่ไห่ ก็ยังไม่เคยเสียท่าเช่นนี้มาก่อน
สีหน้าของฟู่เสวี่ยพลันถอดสี บัดนี้ เขาไม่กล้าทะนงตน และอวดดีต่อหน้าอีกฝ่ายแล้ว
“อรหันต์เหลียนเซิง เป็ผู้น้อยที่ล่วงเกินท่าน ต้องขออภัยด้วย” อสูรทะเลเอ่ยขึ้นทันที
อรหันต์เหลียนเซิงเห็นเช่นนั้น จึงพยักหน้าตอบ แต่ก็มิได้เอ่ยอะไร
“ขอบพระคุณอรหันต์เหลียนเซิง ที่ให้อภัยผู้น้อย!” ฟู่เสวี่ยเอ่ยปาก
ฟึ่บ!
อสูรทะเลรีบหมุนกาย และจากไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้าุโขอรับ!” ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยสองคนเอ่ยเรียกอย่างร้อนรน
แต่ฟู่เสวี่ยกลับมิได้ใส่ใจคนทั้งสองแม้แต่น้อย
พวกเขาจึงถูกล้อมโดยเหล่าผู้ฝึกตน
“ขอบพระคุณอรหันต์เหลียนเซิง” ผู้คนทั่วบริเวณต่างพากันคารวะอรหันต์เหลียนเซิงด้วยความเลื่อมใส
อรหันต์เหลียนเซิงพยักหน้า ก่อนหันไปมองสองพี่น้องกู่ฉินและกู่ฮั่น ซึ่งยืนอยู่บนเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป
“อรหันต์เหลียนเซิงเห็นพวกเราหรือ?” กู่ฉินกล่าวด้วยความพิศวง
กู่ฮั่นขมวดคิ้วแน่น พลางมองภิกษุชราที่อยู่ไกลออกไปอย่างสับสนเล็กน้อย “ ข้ารู้สึกคุ้นหน้าอรหันต์เหลียนเซิงผู้นี้ชอบกล”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้