ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยโม่ลืมแม่ของเด็กข้างบ้านไปเสียสนิท อีกฝ่ายเป็๲คนฉลาด เธอนึกถึงที่คุณยายเคยพูดให้ฟังว่า “เสียมถูกข้างบ้านยืมไปอีกแล้ว”

        “คุณยายคะข้างบ้านชอบมายืมของเราบ่อยๆ เหรอคะ”

        “ใช่ ยืมไปแล้วไม่รู้จักคืน ของบางอย่างยายไม่ค่อยได้ใช้ก็เลยลืม พอจะใช้ขึ้นมา ไปถาม ก็บอกว่าเดี๋ยวคืน”

        เซี่ยโม่เข้าใจแล้ว ข้างบ้านเป็๞คนชอบเอาเปรียบนี่เอง

        เวลากลับถึงบ้านหลังจากออกไปข้างนอก เธอเคยเจออีกฝ่ายสามสี่ครั้ง พอเห็นเธออีกฝ่ายมักจะเข้ามาพูดคุยทักทายอย่างสนิทสนม

        “เธอชื่อโม่โม่ใช่ไหม ฉันกับเธอเป็๞เพื่อนบ้านกัน โบราณกล่าวว่าญาติห่างๆ หรือจะสู้เพื่อนบ้านได้ ต่อไปหากมีเ๹ื่๪๫อะไรมาหาฉันได้เลย”

        เธอพยักหน้าอย่างขอไปที “ได้”

        เธอดึงความคิดกลับมาปัจจุบัน ท่าทีเปลี่ยนเป็๞ระมัดระวัง “คุณตาคุณยายคะ เขารู้เ๹ื่๪๫ที่เกิดขึ้นด้วยเหรอคะ งั้นก็ปฏิเสธไปเถอะค่ะ หนูจะไปชวนคนในหมู่บ้านให้ขึ้นไปกับหนูเอง รับรองว่าหนูจะไม่ไปตรงส่วนที่มันอันตรายแน่นอน”

        ความจริงเธอมีทั้งกระบองไฟฟ้าและมีโกดังสินค้า หากไปเจอคนไม่ดี เธอรับมือได้แน่

        แต่ถ้ามีใครไปด้วย เกิดอะไรขึ้นมา หากเธอจะหยิบของออกมาจากในโกดังสินค้าก็จะไม่สะดวก

        คุณตาเองก็เห็นด้วย พยักหน้าพลางเอ่ย “ได้ งั้นเดี๋ยวตาปฏิเสธให้”

        เซี่ยโม่บอกลาคุณตาคุณยาย ก่อนจะออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ

        วันนี้เธอว่าจะไปหาพี่ซ่ง จะเอาน้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทรายขาวส่วนหนึ่งที่เก็บอยู่ในโกดังสินค้าไปแลกกับผ้า

        พรุ่งนี้คุณปู่จ้าวจะมาแล้ว เธอต้องรีบจัดการเ๹ื่๪๫นี้ให้เรียบร้อย

        เซี่ยโม่มาถึงบริเวณใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ มองหาบ้านเลขที่ตามที่พี่ซ่งเคยบอกกับเธอ

        ข้างหน้ามีบ้านซึ่งทำจากอิฐขนาดสองห้องตั้งอยู่เดี่ยวๆ บริเวณสวนหน้าบ้านไม่ใหญ่มาก ตัวบ้านแลดูสะอาดสะอ้าน

        เธอเข้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ หยิบน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงออกมาจากในโกดังสินค้าสามสิบถุง ทั้งยังหยิบบุหรี่ออกมาอีกหนึ่งแถว นำทั้งหมดใส่ลงในตะกร้าสาน ก่อนจะเอาขึ้นสะพายหลัง

        ขณะกำลังเดินไปที่บ้านของพี่ซ่ง ยังไม่ทันจะถึงประตูบ้าน เธอเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินออกมาจากในบ้านเสียก่อน

        ทั้งคู่มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง กำห่อผ้าที่สะพายบนไหล่เอาไว้แน่น จากนั้นก็เดินจากไปอย่างเร่งรีบ

        เธอรู้สึกงุนงง ทั้งสองคนคงเป็๞แขกของพี่ซ่ง ในเมื่อเป็๞เช่นนี้แล้วมีอะไรให้น่าระวัง หรือทั้งคู่ต่างคนต่างมีคนรักอยู่แล้ว?

        เธอนำความสงสัยเดินตรงไปที่บ้าน แล้วก็ต้องพบว่าประตูบ้านยังเป็๲แบบเก่า เป็๲แบบใส่กลอน

        เธอยกมือเคาะประตู รอไม่นานก็มีคนมาเปิด

        ย่อมต้องเป็๲ซ่งมู่ไป๋อยู่แล้ว

        พอเห็นว่าเป็๞เซี่ยโม่ ใบหน้าชายหนุ่มฉายแววยินดีอย่างเห็นได้ชัด

        “ฉันนึกว่าวันนี้เธอจะไม่มาซะแล้ว รีบเข้ามาก่อนสิ แล้วนี่เดินมาเหรอ” พูดพร้อมกับเอาตะกร้าที่อยู่บนไหล่ของเด็กสาวมาถือไว้เอง

        เซี่ยโม่ยิ้มอ่อน “พี่ซ่ง เพื่อนฉันปั่นจักรยานมาส่งค่ะ ส่งเสร็จก็ไปทำธุระต่อแล้ว”

        ได้ยินเช่นนี้สีหน้าเป็๲ห่วงของซ่งมู่ไป๋ถึงได้คลายลง

        เซี่ยโม่นึกถึงสองคนที่เพิ่งเดินออกไปขึ้นมาได้ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “พี่ซ่งคะ พี่มีแขกมาหาที่บ้านบ่อยเหรอคะ”

        ซ่งมู่ไป๋อธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “สองคนที่มาหาก่อนหน้านี้เป็๲ญาติของเพื่อนร่วมงานฉัน มาที่นี่เพื่อเอาของ เอาเสร็จก็กลับไปแล้ว”

        เซี่ยโม่มีสีหน้าเข้าใจในอะไรบางอย่าง เธอนึกถึงแววตาตื่นตระหนกของชายหญิงสองคนที่เธอได้เห็น ก่อนจะปัดความคิดแรกของตัวเองตกไป

        ชาติที่แล้วในโลกของธุรกิจ คนที่ฉากหน้าดูไม่มีพิษสง แต่เวลาโกหกขึ้นมา สามารถโกหกโดยไม่กะพริบตาได้เลยทีเดียว

        แต่เธอเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีทางโกหกเธอ

        หลังจากเข้าไปในบ้าน เธอหยิบบุหรี่ยี่ห้อต้าเฉียนเหมินออกมาจากในตะกร้าแล้วยื่นออกไป

        “พี่ซ่ง บุหรี่นี้มีคนให้มา พี่ช่วยรับไว้ด้วยค่ะ”

        ซ่งมู่ไป๋ชะงัก เป็๲ยี่ห้อต้าเฉียนเหมินของแท้แน่นอน ถึงแม้ซองจะไม่เหมือนกับที่ขายตามท้องตลาด หากเขาก็ทราบดีว่าเพราะมันคือซองรูปแบบใหม่ล่าสุด

        ซองแบบใหม่ล่าสุดนี้เพิ่งจะมีการออกแบบและเข้าสู่กระบวนการผลิตเมื่อไม่นานมานี้เอง

        หรือเด็กสาวมีความเกี่ยวข้องกับโรงงาน? หรือมีญาติและเพื่อนทำงานอยู่ในโรงงาน?

        ทำไมเขาถึงรู้ เพราะลุงของเขาคือคนดูแลโรงงานอย่างไรละ

        เซี่ยโม่ไม่มีวันนึกออกแน่ว่า แค่บุหรี่แถวเดียวจะทำให้พิรุธของตัวเองถูกเปิดเผย

        ในสมองของซ่งมู่ไป๋ปรากฏความเป็๞ไปได้มากมาย

        ต่อมา เซี่ยโม่นำถุงน้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทรายขาวออกมาจากในตะกร้า

        เธอเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “พี่ซ่ง พี่ลองดูว่าสามารถจัดการได้ไหม หากไม่ได้ก็ไม่เป็๞ไร ฉันจะได้เอากลับ”

        ซ่งมู่ไป๋คิดในใจ เด็กสาวตรงหน้าไม่รู้แม้แต่น้อยว่า บ้านของเขาคือที่ที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนของ

        พวกเขาอยู่ใกล้สถานีรถไฟเลยหาของดีได้มากมาย

        หลังจากเข้ามาทำงานที่นี่ เขาเห็นเพื่อนร่วมงานทำเช่นนี้จึงทำตาม ค่อยๆ เรียนรู้จนในที่สุดก็ชำนาญ ชำนาญมากกว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำมาก่อนด้วยซ้ำ

        เขารับซื้อของหายากและขายของท้องถิ่น สองสามีภรรยาที่เด็กสาวถามถึงเมื่อครู่ก็มาซื้อขายกับเขาเช่นกัน

        บอกว่าเพื่อนแนะนำมา เนื่องจากซื้อขายเป็๲ครั้งแรกท่าทางเลยดูตื่นกลัว

        แน่นอนว่าเ๹ื่๪๫นี้เขาไม่ได้บอกให้เด็กสาวรับรู้

        เขานับถุงน้ำตาลทรายที่เด็กสาวจะนำมาแลก น้ำตาลทรายแดงสามสิบถุง น้ำตาลทรายขาวอีกสามสิบถุง

        “เธออยากจะแลกกับอะไร ตามฉันมาสิ”

        เซี่ยโม่เดินตามซ่งมู่ไป๋ไปยังห้องเก็บของ ข้างในเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย

        ไม่เพียงมีผ้าหลากหลายชนิด ยังมีธัญพืชต่างๆ อีกด้วย แม้แต่ไก่ป่ากระต่ายป่าก็มี นอกจากนี้แล้วบนโต๊ะยังมีคูปองจัดสรรอาหารวางอยู่อีกหลายใบ

        เธอมองผ่านๆ มีทั้งคูปองสำหรับซื้อเนื้อหมูและซื้อฝ้าย

        “พี่ซ่ง ห้องนี้มีของเยอะมาก ทั้งหมดนี่ไม่ต้องใช้คูปองซื้อเลยเหรอคะ”

        “ใช่ เธออยากได้อะไรล่ะ”

        “คูปองบนโต๊ะก็แลกได้เหรอคะ”

        “ใช่ คูปองสำหรับซื้อเนื้อหมูครึ่งกิโลราคาหกเหมา มีคูปองนี้เธอก็ไม่ต้องไปไกล สามารถซื้อเนื้อหมูที่ร้านสหกรณ์ใกล้ๆ ได้”

        เซี่ยโม่ทำหน้าครุ่นคิด ยุคนี้เหมือนเนื้อหมูครึ่งกิโลกรัมจะราคา 7.8 เหมา บวกกับคูปองที่มีราคาหกเหมา ไม่ถือว่าแพง

        ความจริงราคาที่ซ่งมู่ไป๋บอกเป็๲ราคาที่ลดแล้ว ไม่ได้ขายเพื่อหวังผลกำไร

        เธอยิ้มดีอกดีใจ แลกของอย่างตื่นเต้น “งั้นฉันขอแลกกับคูปองสำหรับซื้อเนื้อหมูห้ากิโล แล้วก็คูปองสำหรับซื้อฝ้ายครึ่งกิโล ฉันอยากเอาไปซื้อเนื้อเพราะพรุ่งนี้จะมีแขกมาที่บ้าน”

        สีหน้าซ่งมู่ไป๋ขรึมลง “พรุ่งนี้ใครจะมาเหรอ”

        เซี่ยโม่เล่าเ๹ื่๪๫คุณปู่จ้าวให้ชายหนุ่มฟังอย่างคร่าวๆ “คุณปู่จ้าวมีชีวิตที่ลำบากมาก ฉันเลยอยากซื้อเนื้อหมูไปเยอะๆ ไปทำอาหารให้ท่านกิน พรุ่งนี้ตอนพลบค่ำพี่ว่างไหมคะ”

        ซ่งมู่ไป๋ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับพยายามนึกว่าพรุ่งนี้ตอนพลบค่ำตัวเองมีธุระที่ไหนหรือไม่ เหมือนว่าเขาจะไม่มีธุระใดเป็๲พิเศษ

        ประเด็นสำคัญคือ อาหารฝีมือเด็กสาวรสชาติดีมาก เพราะฉะนั้นเนื้อหมูที่เด็กสาวจะซื้อไปทำอาหารต้องอร่อยมากแน่

        “ได้ ฉันว่างพอดี”

        เซี่ยโม่ไม่แน่ใจว่าคุณปู่จ้าวจะมาตอนเที่ยงหรือ๰่๭๫บ่าย เธอวางแผนอยู่ในใจ หากคุณปู่จ้าวมาตอนเที่ยง กินอาหารเที่ยงด้วยกันก่อน พอตกเย็นก็ทำเยอะหน่อย เพราะมีพี่ซ่งมาร่วมวงเพิ่มอีกหนึ่งคน

        วางแผนเสร็จ เธอนึกภาพน้องชายที่ใส่เสื้อเก่าๆ ขาดๆ และนึกภาพคุณยายตอนกำลังเย็บเสื้อให้น้องชาย

        เธอชี้มือไปที่ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดพับหนึ่ง “พี่ซ่ง ถ้าอยากได้ผ้าพับนี้ต้องใช้เงินเท่าไรคะ”

        “ฟุตละเจ็ดเหมา อยากได้กี่ฟุตล่ะ เดี๋ยวฉันวัดให้”

        เธอคำนวณในใจ หากจะตัดชุดให้ผู้ใหญ่ต้องใช้ผ้าประมาณเจ็ดฟุต เธออยากทำให้ทั้งคุณตาและคุณยาย

        คำนวณเสร็จจึงเอ่ยออกไปว่า “ฉันอยากได้ยี่สิบฟุต ไว้ทำเสื้อผ้าให้คุณตา คุณยายแล้วก็น้องชายของฉันค่ะ”

        ซ่งมู่ไป๋มองเสื้อผ้าเก่าๆ ที่มีรอยปะชุนสองสามแห่งบนตัวเด็กสาวพลางเอ่ยว่า “ฉันว่าสีเขียวขี้ม้านี้ก็ไม่เลว เธอก็น่าจะต้องตัดชุดใหม่เหมือนกัน”

        ผ้าในยุคนี้ส่วนใหญ่เป็๲แบบสีพื้นสีเดียว ไม่มีแบบเป็๲ลวดลาย บรรดาผ้าสีเข้มทั้งหมด สีเขียวขี้ม้าดูสดใสที่สุด

        “งั้นก็เอาผ้าสีเขียวเข้มนี้เพิ่มอีกเจ็ดฟุต ฉันก็อยากได้เสื้อตัวใหม่เหมือนกัน”

        “ได้”

        ซ่งมู่ไป๋วัดและตัดผ้าอย่างคล่องแคล่วว่องไว พับและห่อให้เสร็จสรรพ คิดในใจว่าเด็กสาวไปเอาน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวมาจากที่ไหน บอกว่าเพื่อนฝากมาแลก แต่ของที่แลกไปก็มีแต่ของตัวเองทั้งนั้น มันจะเป็๞ไปได้อย่างไร?

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้