ทะลุมิติไปทำฟาร์มกับหมอหญิงตัวน้อย (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อเห็นว่าอยู่ๆ เขาก็นิ่วหน้าขึ้นมาแล้ว หลินฟู่อินจึงเครียดขึ้นมาอีก บุรุษผู้นี้อยากให้นางทำอะไรกันแน่?

        เมื่อหวงฝู่จินเห็นสภาพนั้น เขาจึงหยิบเอาเมล็ดเกือบทั้งหมดกลับมาจากมือนาง จากนั้นก็แบ่งออกมาส่วนหนึ่งก่อนกล่าวกับหลินฟู่อินว่า “เอาใหม่ ข้าจะถือให้เ๯้ากึ่งหนึ่ง แล้วเ๯้าใช้มือที่ว่างอยู่อีกข้างมาแกะให้ข้า”

        น้ำเสียงนั้นดูเป็๲การสั่ง

        หลินฟู่อินแทบเป็๞ลม “คุณชายกำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”

        หวงฝู่จินส่ายหน้าด้วยสีหน้าใสซื่อ แล้วชี้นิ้วไปยังท้องของตนก่อนกล่าว “ข้ากำลังหิวมาก”

        ท่าทีนั้นชัดเจนว่ากำลังพยายามอ้อน หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่อำนวยแล้ว หลินฟู่อินก็อยากจะกลอกตามองฟ้าเสียจริงๆ

        “เช่นนั้นก็ไปภัตตาคารหลิวจี้กัน ข้าเลี้ยงเอง” หลินฟู่อินถือเมล็ดในมือแล้วกล่าวอย่างไว้ท่าที

        “ที่นั่นมันมีอะไรดีกัน? หากจะทำเช่นนั้นก็สู้กลับบ้านเ๯้าแล้วให้เ๯้าทำอาหารให้ข้าเลยดีกว่า” หวงฝู่จินยิ้มหวาน ก่อนยื่นมือออกไปจับมือหลินฟู่อิน “กลับบ้านกัน ระหว่างทางกลับเ๯้าก็แกะถั่วให้ข้าทานด้วย ถึงบ้านเ๯้าก็ทำอาหารให้ข้าทานต่อ จะมีอะไรดีไปกว่านี้ได้อีก”

        หลินฟู่อินเดือดดาลขึ้นมา จนนางเผยรอยยิ้มแม้สายตาจะไม่ยิ้มด้วย “คุณชายควรไปขอให้แม่นางหลีอู่นั่นแกะให้ทาน และให้นางทำอาหารให้ท่านกินเสียมากกว่า ข้าไม่ใช่ทั้งคนใช้หรืออะไรของท่าน เช่นนั้นแล้วการให้ข้าทำให้มันก็ไม่เหมาะสมนักไม่ใช่หรือ?”

        แม้จะได้ยินเช่นนี้แต่หวงฝู่จินก็ยังไม่สะท้าน ทั้งยังยิ้มออกมาแล้วกล่าว “ข้าหิวมากจริงๆ ดังนั้นก็แกะให้ข้าเสีย”

        เห็นเขาไม่ปฏิเสธอะไรเลยเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้หลินฟู่อินรู้สึกราวกับว่านางกำลังดีดพิณให้วัวฟัง

        ตอนที่เขาโผล่มาที่บ้าน นางไม่ได้ถามเขาว่าเขาทานอะไรมาหรือยัง และในเมื่อตอนนี้เขาบอกว่าหิว ก็คงแปลว่าเขายังไม่ได้ทานอะไรมาเลยจริงๆ

        แต่การแกะด้วยมือเดียวนั้นเป็๲เ๱ื่๵๹ยากนัก นางจึงใช้ปากกัดดังกร๊อบเพื่อแกะเปลือก ดึงเอาเมล็ดออกมา แต่ยังไม่ยื่นให้หวงฝู่จินในทันที

        นางทำซ้ำจนมีพอประมาณแล้ว นางถึงค่อยส่งให้หวงฝู่จินต่อ

        หวงฝู่จินรับไว้ แล้วริมฝีปากของเขาก็โค้งขึ้นพลางก้มหน้าลงต่ำเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเห็น

        เมื่อหลินฟู่อินคิดว่าหวงฝู่จินกำลังกินขนมเปื้อนน้ำลายของนาง ก็รู้สึกอี๋ขึ้นมาเล็กน้อย และเมื่อเห็นท่าทีร่าเริงของหวงฝู่จิน นางก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา

        นางกำลังโมโห โมโหเป็๲อย่างมาก

        โมโหจนนางเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะหยุดตัวเองได้ ดังนั้นการที่หวงฝู่จินก้มหน้าลงเช่นนี้จึงนับได้ว่าเป็๞ทางเลือกที่ถูกต้อง

        หลินฟู่อินกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แล้วจึงตรงดิ่งเข้าครัวทันทีโดยไม่รอให้หวงฝู่จินกล่าวอะไร

        เพราะหากว่ากันตามจริง นางเองก็เริ่มหิวแล้วเช่นกัน

        นางเตรียมอาหารไว้เพียงส่วนของนางและหวงฝู่จิน เพราะสองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางต่างก็ย้ายไปอยู่ที่ร้านแล้วเพื่อความสะดวกในการเตรียมสินค้า ทั้งของกินเล่นและไข่เยี่ยวม้ารวมไปถึงไข่ดอกสน

        หลังทานมื้อเย็นเสร็จ หลินฟู่อินจึงไปล้างจาน ก่อนไปตักน้ำเพื่อคลายคอแห้งโดยไม่สนใจหวงฝู่จิน

        วันนี้นางอารมณ์ไม่ดีพอที่จะไปตอแยกับเขามากกว่านี้แล้ว

        เช้าวันถัดมาหวงฝู่จินก็ได้หายไปอีกครั้ง ซึ่งนางชินแล้ว

        นางเพียงหวังว่าเขาจะไม่ได้ออกไปทำเ๱ื่๵๹อันตรายเช่นการไปตอแยกับผู้มีอำนาจในเป่ยหรง จนถูกมือสังหารไล่เอาชีวิตเช่นคราวก่อนอีก

        หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หลินฟู่อินก็ออกไปที่ร้านเพื่อพบหลินเฟินและหลินฟาง และรายงานกับพวกนางว่านางจะเดินทางไปยังชิงเหลียน

        หลินเฟินและหลินฟางต่างก็ดีใจกันมากเมื่อทราบเ๱ื่๵๹ว่าพวกนางได้ร้านในชิงเหลียนมาเป็๲ที่เรียบร้อยแล้ว

        จากนั้นทั้งสองจึงให้คำมั่นกับหลินฟู่อินว่าพวกนางจะดูแลบ้านให้เอง

        หลินฟู่อินสบายใจขึ้นมา นี่เองคือข้อดีของการมีคนอยู่ด้วย

        จากนั้นนางจึงกลับไปยังบ้านเพื่อเอาโฉนดแดงที่เพิ่งได้มา แล้วมุ่งหน้าไปยังร้านของแม่นางฉินเพื่อรายงานว่าพ่อบ้านของเจียงฮูหยินตกลงที่จะลดให้อีกห้าร้อยตำลึงเงิน

        แม่นางฉินพอใจมาก และกล่าวกับหลินฟู่อินว่านางจะพยายามเตรียมเงินและไปหาพ่อบ้าน หลินฟู่อินจึงให้ที่อยู่ของพ่อบ้านไป

        เมื่อออกมาจากร้านของแม่นางฉิน นางก็ไปพบนายหน้าเมิ่งเพื่อแจ้งเ๹ื่๪๫ที่นางอยากเปลี่ยนโฉนด และนางอยากให้เขาช่วยดำเนินการให้

        นายหน้าเมิ่งจึงไปเช่ารถม้าแล้วออกเดินทางไปยังชิงเหลียน

        ทันทีที่รถม้ามาถึงทางหลวงแล้ว รถม้าของพวกหลินฟู่อินก็ถูกใครบางคนมาหยุดไว้

        คนขับรถม้าด่าไม่หยุด จนหลินฟู่อินต้องเลิกม่านขึ้นดู และได้พบกับรถม้าของหวงฝู่จินที่จอดขวางบริเวณทางหลวงอยู่

        นางมองหน้ามองหลังต่อ เมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่มีใครอื่นอยู่แล้ว นางจึงเข้าใจได้ว่าหวงฝู่จินจงใจเลือกจังหวะนี้เพื่อออกมาขวางพวกนาง

        “แม่นางหลิน พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี? ข้าด่ามันไปมากขนาดนี้แล้ว แต่เ๽้าคนขับรถม้านั่นกลับยังเมินข้าอยู่เลย” คนขับรถม้าฝั่งหลินฟู่อินหันมามองหลินฟู่อินด้วยท่าทีเดือดดาล

        “ข้าเองก็ขับรถม้ามานาน เดินทางมาหลายครั้ง แต่ข้ายังไม่เคยพบคนถือดีถึงขั้นมาขวางถนนแล้วไม่ยอมให้ผู้อื่นเดินทางได้เช่นนี้มาก่อนเลย”

        “ท่านลุงไม่ต้องโมโหไปเ๽้าค่ะ ข้าจะไปคุยเอง” หลินฟู่อินหัวเราะออกมา จากนั้นจึงยกชายกระโปรงขึ้นเพื่อเตรียมลงจากรถม้า

        นายหน้าเมิ่งยื่นหน้าออกมาแล้วกล่าว “แม่นางหลิน ระวังตัวด้วย!”

        “ท่านเมิ่งไม่ต้องกังวล ในรถม้าคันนั้นเป็๲ญาติห่างๆ ของข้าเองเ๽้าค่ะ” หลินฟู่อินกล่าวติดตลก จากนั้นจึงกล่าวกับนายหน้าเมิ่งต่อ “ข้าขอฝากโฉนดไว้กับท่านด้วย อยู่ในกล่องไม้นั่นละ”

        “แม่นางโปรดวางใจ!” นายหน้าเมิ่งพยักหน้าไม่หยุด ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็๞ญาติห่างๆ ของแม่นางนี่เอง เช่นนั้นการที่มาหยุดแม่นางไว้กลางทางเช่นนี้ก็พอเข้าใจได้” กล่าวจบแล้วเขาจึงหันไปกล่าวกับคนขับรถต่อ “ท่านลุงก็ไม่ต้องโกรธไป นั่นเป็๞คนรู้จัก”

        นายหน้าเมิ่งนั้นไหวพริบเฉียบคม เมื่อเขาเห็นสีหน้าสงบนิ่งของนางก็เข้าใจได้ว่านางรู้จักกับคนในรถม้าที่ขวางทางอยู่นั่นจริงๆ เขาจึงไม่เป็๲กังวลอีก

        และเขาคาดการณ์ว่าหลินฟู่อินคงจะเดินทางต่อกับรถม้าของ ‘ญาติห่างๆ’ นั้นแทน เขาจึงกล่าวกับหลินฟู่อิน “เช่นนั้นแล้วข้าจะล่วงหน้าไปก่อน เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปพบแม่นางที่ร้านเลย”

        หลินฟู่อินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

        หวงฝู่จินที่นั่งจิบชาอยู่ในรถม้าแทบจะเผลอพ่นชาออกมาหลังถูกเรียกว่าเป็๞ ‘ญาติห่างๆ’ ซ้ำไปซ้ำมา

        หลินฟู่อินเลิกม่านของรถม้าขึ้น ก็พบหวงฝู่จินที่เปลี่ยนมาสวมชุดคลุมสีเขียวหยกกำลังนั่งจิบชาอยู่ นางก้าวเข้าไปในรถม้าแล้วมองหวงฝู่จิน ก่อนกล่าวว่า “คุณชายเองก็จะไปที่ชิงเหลียนเช่นกันหรือ?”

        ไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?

        “หยุดเรียกข้าว่าญาติห่างๆ จะได้หรือไม่?” หวงฝู่จินกลับกล่าวขอร้องออกมาแทนคำตอบ

        หลินฟู่อินแสยะยิ้มและเลิกคิ้วขึ้น “ช่วยไม่ได้มิใช่หรือ? หากข้าตอบไปว่าเป็๞อย่างอื่นก็จะน่าสงสัยอีก”

        หวงฝู่จินไม่ตอบอะไร เขาวางจอกชาลงบนโต๊ะ แล้วหยิบเอาโฉนดออกมาจากแขนเสื้อเพื่อยื่นให้กับหลินฟู่อิน ก่อนกล่าวอย่างนุ่มนวล “ข้าเองก็ไปด้วยเหตุผลเดียวกับเ๽้า

        หลินฟู่อินรับโฉนดมาดู แล้วนางก็ต้องตกตะลึงเพราะหวงฝู่จินมีโฉนดถึงห้าใบ สองจากชิงเหลียนและสามจากเมืองหนิง

        และสิ่งที่ทำให้นางตะลึงที่สุดคือสิ่งที่เขียนไว้บนโฉนดทั้งห้า ว่าแต่ละใบนั้นมีเนื้อที่กว่าสองพันหมู่ ทั้งยังเป็๲ที่ที่ทำการเพาะปลูกได้

        “ทั้งหมดนี้ท่านเสียไปเท่าไรหรือ?” หลินฟู่อินถามด้วยมือไม้สั่นเทา

        นางเองก็เพิ่งซื้อที่พร้อมเรือนไปกว่าห้าถึงหกร้อยหมู่ คาดไม่ถึงเลยว่าเจียงฮูหยินจะยังมีที่เหลืออยู่มากถึงเพียงนี้

        หวงฝู่จินมองหลินฟู่อินแล้วกล่าวอย่างนุ่มนวล “รวมกันทั้งหมดหนึ่งแสนตำลึงเงิน”

        แม้ว่าเงินแสนตำลึงจะเป็๲เงินก้อนใหญ่ แต่เมื่อคิดว่าได้ที่กลับมาหนึ่งหมื่นหมู่ก็นับว่าถูกมา

        “ถูกยิ่งนัก” หลินฟู่อินอิจฉาหวงฝู่จินขึ้นมาเล็กน้อย

        หากตอนนั้นนางมีเงินแสนอยู่ในมือ ที่นับหมื่นหมู่นี้ก็คงกลายเป็๲ของนางไปแล้ว!

        หวงฝู่จินส่ายหน้า “ไม่ ไม่ถูกเลย อันที่แพงนั้นเป็๞ที่ในชิงเหลียน ที่ในเมืองหนิงไม่ได้มีราคาอะไรมากขนาดนั้น”

        หลินฟู่อินเองก็เคยไปเยือนเมืองหนิงมาแล้ว แม้มันจะมีความมั่งคั่งแต่ก็มากกว่าเมืองชิงหยางเพียงเล็กน้อย เทียบไม่ได้เลยกับในชิงเหลียน

        พอคิดได้เช่นนี้ นางจึงเห็นด้วยกับคำพูดของหวงฝู่จิน

        เมื่อหลินฟู่อินตั้งท่าจะคืนโฉนดให้หวงฝู่จิน หวงฝู่จินก็โบกมือ “เอาไปเปลี่ยนให้เป็๲ชื่อของเ๽้าเสีย นำมันไปหานายหน้าเมิ่งนั่นแล้วดำเนินการไปพร้อมกับที่ของเ๽้าเลย เพราะข้าจะยกให้เ๽้าดูแล

        นี่เป็๞สิ่งที่หวงฝู่จินบอกกับนางไว้เมื่อคราวก่อน

        หลินฟู่อินพิจารณาดูแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องนัก แต่เมื่อเห็นว่าหวงฝู่จินมีท่าทีจริงจังเช่นนี้ นางจึงต้องพยักหน้ารับ

        เมื่อหวงฝู่จินเห็นว่านางไม่คัดค้าน เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ

        จากนั้นจึงรินชาให้นาง แล้วดันจอกให้ ปากก็เอ่ยสั่ง “ดื่มเสีย”

        หลินฟู่อินยื่นมือออกไปรับจอกมา ทว่าในใจกำลังคิดเ๹ื่๪๫อื่นอยู่

        หวงฝู่จินมีที่อยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นหมู่ การไปสำรวจคงต้องใช้เวลามากเป็๲แน่ ที่ในโฉนดทั้งห้าถูกซื้อมาเพื่อใช้ทำไร่ แต่ดูเหมือนว่าจะให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ในหมู่บ้านต้าซู่ของนาง

        แต่เพราะมันมีที่มากกว่าไร่ของนางเกือบสี่เท่า ดังนั้นการจะคิดเช่นนั้นมันจึงไม่ค่อยถูกนัก

        และจะไปคิดว่าผลผลิตจะเท่ากันหมดก็ไม่ได้อีก เพราะผู้ที่ดูแลไร่ให้เจียงฮูหยินนั้นมีหลายกลุ่ม ปลูกผักต่างกันและดูแลต่างกัน… ต่อให้ผลผลิตไม่เท่ากันขึ้นมาก็ไม่น่าแปลกใจ

        หวงฝู่จินเห็นหลินฟู่อินนั่งนิ่งๆ โดยไม่ดื่มชาในมือ จึงกล่าวขึ้นมาว่า “วันนี้เ๯้าจะไปดูร้านของเ๯้ามิใช่หรือ? มีเ๹ื่๪๫น่ายินดีเช่นนั้นแล้วยังจะไปคิดถึงเ๹ื่๪๫อื่นอีกหรือ?”

        หลินฟู่อินเหลือบมองเขา “จะมีเ๱ื่๵๹อะไรให้คิดไปมากกว่าที่ดินหนึ่งหมื่นหมู่อีกหรือเ๽้าคะ?”

        หวงฝู่จินกะพริบตาปริบๆ อย่างงงวย ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบคาง มองหลินฟู่อินอย่างขบขัน ก่อนจะกล่าวว่า “ตอนนี้เป็๞ฤดูหนาวแล้วมิใช่หรือ? ไปคิดถึงเ๹ื่๪๫เช่นนั้นเอาตอนนี้เพื่ออะไรกัน? รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าค่อยคิดก็ยังไม่สายหรอก”

        หลินฟู่อินก่นด่าอยู่ในใจ ชาวเป่ยหรงนี่ไม่เคยคิดอะไรล่วงหน้าเลยจริงๆ

        “ในเมื่อข้ารับที่นับหมื่นหมู่มาจากท่านแล้ว ข้าก็ต้องดูแลมันให้ดีที่สุด ข้าจะไม่ยอมทำตัวเช่นชาวเป่ยหรงอย่างพวกท่านแน่” หลังจากที่เริ่มคุ้นเคยกันขึ้นมาบ้างแล้ว หลินฟู่อินก็ไม่รักษาท่าทีกับหวงฝู่จินเช่นแต่ก่อนอีก

        เช่นครั้งนี้ที่นางทำแม้แต่การเสียดสี แม้นางจะไม่รู้ตัวถึงความเปลี่ยนแปลงนี้เลยก็ตาม

        “เ๯้าเข้าใจผิดแล้ว พวกข้าชาวเป่ยหรงไม่ได้มีนิสัยเช่นที่เ๯้าว่านะ” หวงฝู่จินเลิกเรียวคิ้ว มองหลินฟู่อิน

        “ข้าเข้าใจอะไรผิดไปตรงไหนกัน?” หลินฟู่อินเอียงคอมองเขา เพื่อรอให้เขาอธิบาย

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้