อินหู่หยัดกายลุกขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูไม่น่ามองเป็อย่างยิ่ง ส่วนมู่เฟิงก็แสดงออกชัดเจนว่ากำลังดูแคลนเขา เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ทำไมเล่า หรือเ้าคิดจะแก้แค้น?”
“เ้า ในเมื่อเ้าจำข้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปิดบังอีก ภายในเมืองจิ่วซานแห่งนี้ ผู้ใดที่กล้าทำให้ตระกูลอินของเราขุ่นเคือง มันจะต้องตาย”
อินหู่ตวาดอย่างเ็า
“โอ้? อาศัยเพียงแค่กำลังของเ้าน่ะหรือ?”
มู่เฟิงกล่าวอย่างแยแส
“เ้าเลิกดูถูกคนอื่นได้แล้ว ข้าจะทำให้เ้าได้เห็นถึงวิธีการที่แท้จริงของตระกูลอินของเราเอง”
ระหว่างกล่าวคำพูดเหล่านี้ อินหู่ก็ตบโลงศพสีดำบนหลังของเขาไปด้วย ส่วนหัวของโลงศพเปิดออกอย่างกะทันหัน และเงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางห้อง กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องในทันที สิ่งนั้นคือชายที่อยู่ในชุดคลุมสีดำที่มีใบหน้าดุร้ายและมีดวงตาสีขาวโพลน
ร่างของชายผู้นี้เต็มไปด้วยพลังิญญาสีดำโอบล้อมเอาไว้รอบกาย และไร้ซึ่งชีพจรที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต นอกจากนี้มือทั้งสองข้างของเขายังมีเล็บอันแหลมคมราวกับคมมีดงอกออกมาจากนิ้วมืออีกด้วย
มู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคาดเดาว่านี่คงเป็หุ่นเชิดในตำนาน
ร่างของหุ่นเชิดตนนี้ถูกหุ้มด้วยเกราะเหล็ก ส่วนความแข็งแกร่งของมันก็เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่
“สังหารเขาเสีย!”
อินหู่แผดเสียงคำราม พร้อมชี้นิ้วไปทางมู่เฟิง
“แฮ่…!”
หุ่นเชิดแผดเสียง มันกางกรงเล็บออกมาทันที ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหามู่เฟิง
เมื่อมันกางกรงเล็บออกก็พบว่ากรงเล็บนี้มีพลังหยินถูกอัดแน่นเอาไว้ และมันก็กำลังพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับสายลมที่กระโชกพัด ทว่ามู่เฟิงยังคงหลบหลีกการโจมตีนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะเดียวกันเขาก็ตวัดนิ้วออกมาปลดปล่อยลำแสงสีทองสองสายให้พุ่งแหวกอากาศเข้าไปโจมตีอีกฝ่าย
ฉึก! ฉึก!
ลำแสงสีทองของดรรชนีนิ้วทั้งสองสายพุ่งทะลวงเจาะร่างของหุ่นเชิดหุ้มเกราะเข้าไปลึกกว่าหนึ่งชุ่น แต่เ้าหุ่นเชิดยังคงส่งเสียงขู่มู่เฟิงต่อโดยไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกเ็ปแต่อย่างใด
ทันใดนั้นพลังปราณสีดำภายในร่างกายของอินหู่ก็พลันะเิออกมา และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหุ่นเชิดเกราะเหล็ก ก่อนที่เขาจะควบคุมหุ่นเชิดให้โจมตีมู่เฟิง
“แฮ่...!”
หุ่นเชิดเกราะเหล็กส่งเสียงคำราม ก่อนจะทะยานร่างเข้าไปหมายจะตะปบใส่มู่เฟิง ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเ็า เขาเร่งรวบรวมพลังปราณเพลิงที่อยู่ภายในร่างทันที จากนั้นเขาก็ส่งหมัดที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงออกไปทางหุ่นเชิดเกราะเหล็กอย่างดุดัน
ปัง...!
หมัดนี้กระแทกใส่ร่างของหุ่นเชิดเกราะเหล็กอย่างแรง ทำให้ร่างของหุ่นเชิดนั่นลอยกระเด็นไปทางหน้าต่างจนเกิดเสียงดังโครมคราม หน้าต่างพลันพังทลายลงทันที ส่วนร่างของหุ่นเชิดก็ลอยตกลงไปจากระเบียงชั้นสาม
สีหน้าของอินหู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาตบฝ่ามือไปทางมู่เฟิงโดยพลัน ฝ่ามือสีดำทะมึนโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงดีดฝ่าเท้าเพื่อหลบหลีก ทำให้ฝ่ามือนั้นตบทำลายโต๊ะจนแตกออกเป็เสี่ยงๆ แทน
อินหู่รีบกระโจนลงไปทางหน้าต่างที่พังยับเยิน
“คิดจะหนีหรือ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ”
มู่เฟิงแสยะยิ้มก่อนจะกระโจนลงจากชั้นสามตามอีกฝ่ายไป
แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อเขากระโจนลงมา อินหู่ที่อยู่ด้านล่างกลับเตรียมการรอเขาอยู่ก่อนแล้ว อินหู่ถือดาบเล่มใหญ่เอาไว้ในมือพร้อมกับควบคุมหุ่นเชิดเกราะเหล็กไปด้วย ทันทีที่มู่เฟิงะโลงมา พวกเขาก็จะโจมตีพร้อมกัน ถือเป็การเตรียมพร้อมที่สมบูรณ์แบบ
อินหู่ตระหนักได้ว่าเมื่ออยู่กลางอากาศ มู่เฟิงย่อมไม่มีทางหลบคมดาบนี้ได้แน่ ดังนั้นแผนนี้ของเขาจึงถือว่าร้ายกาจมาก
ในพริบตานั้น หุ่นเชิดเกราะเหล็กและอินหู่ต่างก็ลงมือโจมตีออกมาพร้อมกัน กรงเล็บอันแหลมคมกับปราณดาบพุ่งเข้าหามู่เฟิงเป็จุดเดียว
เมื่อเห็นภาพนี้มู่เฟิงก็ตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขานั้นรวดเร็วยิ่งกว่า เด็กหนุ่มปล่อยหมัดไปทางหุ่นเชิดอย่างแรงทันที
“เ้าจงตายเสีย”
อินหู่แสยะยิ้มพร้อมกับฟันดาบใส่มู่เฟิงอย่างแรง
“ก้าวปทุมเพลิง!”
ทันใดนั้นเปลวเพลิงพลันปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของมู่เฟิง เขาก้าวถอยและเหยียบยืนอยู่กลางอากาศ ทำให้สามารถหลบหลีกการโจมตีของทั้งสองได้อย่างหวุดหวิด
“เป็ไปได้อย่างไร!”
อินหู่มีท่าทีใ แต่ทันใดนั้นมู่เฟิงก็ก้าวเท้าออกมาเหยียบยืนอยู่กลางอากาศอีกครั้ง มือของเขาพลันมีสายฟ้าสีม่วงส่องประกายออกมาก่อนที่หอกจื่อเหลยจะปรากฏขึ้น จากนั้นหอกก็ได้เจาะทะลวงไปที่ร่างของหุ่นเชิดอย่างดุดันทันที
ฉึก!
แน่นอนว่าอาวุธปราณขั้นสามย่อมไม่ใช่อาวุธธรรมดา มันสามารถเจาะทะลุเกราะเหล็กของหุ่นเชิดได้อย่างง่ายดายและยังเจาะทะลวงเข้าไปในร่างกายของหุ่นเชิดได้อีกด้วย ก่อนที่พลังปราณจะหลั่งไหลเข้าสู่หอกจื่อเหลยและกลายเป็พลังสายฟ้า ไม่นานพลังก็เกิดการะเิขึ้น
“แฮ่...!”
หุ่นเชิดแผดเสียงร้องคำรามออกมา ร่างกายของมันอาบท่วมไปด้วยพลังสายฟ้าสีม่วง และเงาดำหลายสายก็ล้วนถูกพลังสายฟ้าขับไล่บีบให้ออกจากร่างของหุ่นเชิดโดยพลัน
สายฟ้านี้สามารถทำลายพลังในการควบคุมภูตผีได้อย่างง่ายดาย!
ตู้ม...!
พลังควบคุมหุ่นเชิดสลายหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างของหุ่นเชิดก็เกิดะเิขึ้นและกลายเป็เพียงเศษเนื้อที่น่าสะอิดสะเอียน
“ไม่นะ…!”
เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของอินหู่ก็ซีดเผือด หัวใจของเขาเต้นแรงและเต็มไปด้วยความโกรธ นั่นคือหุ่นเชิดที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนมานานหลายปีเชียวนะ
“ต่อไปก็ถึงคราวของเ้าแล้ว!”
มู่เฟิงยิ้มเยาะ ก่อนจะดีดฝ่าเท้าขึ้นไปเหยียบยืนอยู่กลางอากาศเป็ก้าวที่สาม และฉับพลันนั้นเขาก็เหวี่ยงหอกออกมาอย่างกะทันหัน และปลดปล่อยใบมีดสายฟ้าออกมาสายหนึ่งทันที
สีหน้าของอินหู่พลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขายกดาบในมือขึ้นมาต้านทานการโจมตี แต่เมื่อใบมีดที่อัดแน่นไว้ด้วยพลังสายฟ้าฟาดใส่ดาบของเขา สายฟ้าอันทรงพลังนี้ก็หลั่งไหลเข้าสู่กายของเขาทันที ทำให้แขนทั้งสองข้างของอินหู่เกิดอาการชาหนึบจนไร้ความรู้สึก
อินหู่ถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่มู่เฟิงก็สะบัดหอกออกมาอีกครั้ง คมหอกนี้กระแทกเข้ากับดาบในมือของเขาอย่างแรง และแรงของมันก็ผลักร่างของอินหู่ให้กระเด็นออกไปด้วย
ปัง!
ร่างของอินหู่ลอยกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง เขาพ่นเืออกมาก่อนจะล้มฟุบลงไปบนพื้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
บรรดาแเื่ภายในโรงเตี๊ยมต่างก็เปิดหน้าต่างออกมามอง แน่นอนว่าเพราะเสียงการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองนั้นดังมากจนปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้นมากลางดึก
ส่วนทางด้านข่งย่วน ข่งเซวียนเอ๋อร์และซือถูคง รวมถึงศิษย์สายในอีกสองคนต่างก็รีบกระโจนลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว และในเวลานั้นเองมู่เฟิงก็ลงมือแทงหอกให้เจาะทะลวงต้นขาของอินหู่จนกลายเป็แผลขนาดใหญ่แล้ว
“อ๊าก…”
อินหู่กุมขาของตัวเองขณะกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
“นี่มันเื่อะไรกัน?”
ข่งย่วนเอ่ยถามทันที
“เป็เขา คนที่เพิ่งเจอกันเมื่อตอนกลางวัน”
ข่งเซวียนเอ๋อร์อุทานออกมา นางสามารถจดจำอินหู่ได้เป็อย่างดี ส่วนทางด้านซือถูคงและคนอื่นๆ ต่างก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เขาเข้ามาลอบสังหารข้า”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปทางอินหู่พลางกล่าวออกมา
ทุกคนพลันเข้าใจสถานการณ์ทันที เมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา เนื่องจากมู่เฟิงให้ความช่วยเหลือข่งเซวียนเอ๋อร์จึงเผลอทำร้ายศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลอินเข้า และศิษย์ผู้นั้นก็กลับมาเพื่อแก้แค้น
“อ๊าก...พวกเ้าคิดจะทำอะไร ข้าเป็ถึงศิษย์ของตระกูลอิน อยู่ในเมืองจิ่วซานเช่นนี้พวกเ้ายังกล้าแตะต้องข้าอีกหรือ?”
อินหู่กุมขาของตัวเองขณะตวาดออกมาอย่างดุดัน เขาประกาศกร้าวว่าตนคือคนของตระกูลอิน
“ยังกล้าข่มขู่อีกรึ?”
มู่เฟิงเอ่ยอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็ยกหอกขึ้นและแทงลงไปยังต้นขาอีกข้างของอินหู่อย่างแรง อินหู่กรีดร้องโหยหวนขึ้นมาอีกครั้งทันที
“มู่เฟิง หยุดมือ!”
ซือถูคงตวาดออกมาอย่างเ็า
“เขาเป็ศิษย์ของตระกูลอิน ฉะนั้นอย่าได้สร้างปัญหา”
ซือถูคงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“โอ้ ศิษย์พี่ซือถู ความหมายของท่านคือจะให้เขาสังหารข้าอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฟิงย้อนถาม
“เ้าสร้างปัญหาเองจะกล่าวโทษใครได้ หากเ้าไม่ทำร้ายเขาก่อนจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นรึ”
ซือถูคงกล่าวอย่างไม่แยแส
“พี่ใหญ่ซือถู มู่เฟิงทำร้ายเขาก็เพราะข้า”
ทันใดนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็ก้าวออกมาและกล่าวแทนมู่เฟิงอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ข่งย่วนก็พยักหน้าเช่นกัน
“ตระกูลอินเป็กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่นี้ การล่วงเกินพวกเขาจะไม่เป็ผลดีต่อเรา ทั้งยังอาจจะส่งผลกระทบต่อภารกิจของเราด้วย”
ซือถูคงขมวดคิ้วแน่น
“เ้าได้ยินแล้วหรือยัง รีบปล่อยข้าเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นคืนนี้เ้าจะไม่สามารถออกจากเมืองจิ่วซานได้อีกนะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวต่ออำนาจของตระกูลอิน อินหู่ก็แสดงท่าทีคุกคามออกมาทันที
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็แสยะยิ้ม ทว่ารอยยิ้มของเขากลับดูเย็นะเืราวกับถูกเคลือบเอาไว้ด้วยน้ำแข็ง และหอกยาวในมือของเขาก็แทงออกมาอย่างฉับพลัน
ฉึก!
หอกจื่อเหลยเจาะทะลุหน้าอกเข้าสู่หัวใจของอินหู่อย่างแรงทันที
อินหู่เบิกตากว้าง เขาจ้องมองมู่เฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ แววตาของเขามีร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏให้เห็น หยาดเืไหลออกมาจากมุมปาก ในขณะที่รูม่านตาเริ่มขยายกว้างพร้อมกับเส้นชีพจรที่ขาดหายไป
“เ้าหาเื่ผิดคนแล้ว”
มู่เฟิงดึงหอกกลับมา พลางกล่าวขึ้นอย่างเฉยชา
“ดีมาก เขาสมควรตาย มู่เฟิง เ้าเยี่ยมยอดมาก”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ร้องด้วยความยินดี แววตาที่นางใช้มองมู่เฟิงเป็ประกาย แต่สีหน้าของซือถูคงพลันเปลี่ยนเป็มืดครึ้มยิ่งกว่าเดิม
“มู่เฟิง เ้ากำลังจะทำให้เกิดหายนะ!”
ซือถูคงตวาดออกมาอย่างเ็า
“ตระกูลอินรักใคร่กลมเกลียวเป็หนึ่งเดียว เมื่อเ้าสังหารคนของตระกูลอิน พวกเขาจะไม่มีวันยอมลามือเป็แน่ เ้าได้สร้างหายนะขึ้นแล้ว!”