ความเร็วของหยดโลหิตช้าเป็ที่สุด เืจะรวมตัวเป็หยดเื ถึงจะหลุดออกจากนิ้วของหลี่เอิน
แม้หยดเืจะมีขนาดเล็ก รวมตัวกัน และหยดลงมาอย่างช้าๆ ทว่าทุกครั้งกลับมีกู่ควบคุมใจปะปนไว้จำนวนมาก
และความเร็วของเสี่ยวไตกูก็รวดเร็วนัก ดวงตาจับจ้องไปที่นิ้วมือทั้งห้า เหมือนเกรงว่าจะพลาดไป
มันอ้าปากน้อยๆ ของมันกว้าง ะโกลับไปมาในเครื่องมือ มันไม่ยอมให้เืหยดลงไปในภาชนะแม้แต่หยดเดียว
เสี่ยวไตกูรู้สึกว่า กู่ควบคุมใจครั้งนี้เหมือนจะอร่อยยิ่งกว่ากู่ควบคุมใจที่ปะปนอยู่ในรังนกในครั้งที่แล้ว เืทุกหยดที่เข้าไปในปากมันมักจะให้ความรู้สึกอุ่นซ่านประเภทหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แสงสีม่วงบนกายเสี่ยวไตกูก็ดูเหมือนจะเจิดจ้าและสวยงามกว่าก่อนหน้านี้ สีสันละลานตาราวกับยิ่งทำให้ผู้อื่นละสายตาไปไม่ได้
เล่อเทียนจ้องเสี่ยวไตกูที่ะโขึ้นลงกินหยดเืในภาชนะอยู่นาน ความละเอียดรอบคอบของเขาพบว่าแสงสีม่วงบนตัวเสี่ยวไตกูดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
มู่จื่อหลิงตรวจอาการของร่างกายหลี่เอินซ้ำไปมาอยู่โดยตลอด นางกังวลยิ่งนักว่าจะมีพิษชนิดใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา
เพราะในขณะนี้อวัยวะภายในของหลี่เอินฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว พิษที่กัดกร่อนเซลล์ก็ถูกชำระล้างไปจนสิ้น และทุกกลไกในร่างกายของหลี่เอินก็ล้วนกลับมาเป็ปกติ
ทุกส่วนล้วนปกติดี หลี่เอินกลับไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา สีหน้าที่ซีดราวกระดาษยังคงนิ่งสงบ เงียบสงัดดั่งคนที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
เพราะเป็เช่นนี้ ตอนนี้หาสาเหตุที่หลี่เอินหมดสติไม่ฟื้นขึ้นมาไม่เจอ มู่จื่อหลิงถึงยิ่งวิตกกังวล
มู่เจิ้นกั๋วเห็นสีหน้าวิตกของมู่จื่อหลิง จึงถามอย่างกังวล “หลิงเอ๋อร์ อาการของมารดาเ้าเป็เช่นใดบ้าง?”
“ยามนี้อาการของท่านแม่ดียิ่ง ทุกอย่างล้วนเป็ปกติ เพียงแต่ตอนนี้ขับพิษออกมาหมดแล้ว พิษในพิษก็มิได้ปรากฏขึ้น แต่กลับหาไม่พบว่าเหตุใดท่านแม่ยังหลับใหลไม่ได้สติ” หน้าตาของมู่จื่อหลิงปรากฏความกลัดกลุ้มไว้อย่างเข้มข้น
ยิ่งปกติเช่นนี้มู่จื่อหลิงก็ยิ่งรู้สึกไม่วางใจ นางกังวลว่าในร่างกายหลี่เอินจะมีพิษนิรนามซุกซ่อนอยู่หรือไม่ และจำต้องให้พิษแสดงตัวออกมาเองจึงจะตรวจพบ
หากในร่างกายหลี่เอินยังมีพิษอยู่จริง ก็อาจจะเป็ไปได้ พิษเรื้อรังที่ซุกซ่อนอยู่
ยามนี้หาไม่เจอ นางก็ได้แต่รอแล้ว
“หลิงเอ๋อร์เ้าทำมามากพอแล้ว สามารถรักษาชีวิตของมารดาเ้าได้ พ่อก็ปลื้มใจมากแล้ว อย่าได้ทำให้ตนเองเหน็ดเหนื่อยเกินไป” แม้ในใจจะกังวล แต่เขาก็ยังปลอบโยนมู่จื่อหลิงด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
สองสามวันนี้เพื่อช่วยชีวิตหลี่เอิน มู่จื่อหลิงต้องเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ มู่เจิ้นกั๋วล้วนเห็นในสายตา เ็ปในใจ
ตอนนี้เขาไม่กล้าเรียกร้องมากถึงขั้นให้หลี่เอินฟื้นขึ้นมา เขาทุกข์ทรมานอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังมาหลายปี จนกลายเป็ความเคยชินไปเสียแล้ว
แม้หลายปีมานี้เขาล้วนเฝ้ารอวันที่หลี่เอินฟื้นขึ้นมาอยู่ทุกขณะจิต แต่เขาก็มิอาจปล่อยให้บุตรสาวเหนื่อยล้าจนเป็อะไรไปเพราะอาการป่วยของหลี่เอิน
สิบกว่าปีมานี้ เขาติดค้างบุตรสาวมามากพอแล้ว เขายังจะร้องขออะไรได้อีก?
หากมู่จื่อหลิงเหน็ดเหนื่อยจนเกิดเื่ มิต้องพูดถึงที่เขาคงไม่ให้อภัยตนเอง แต่ต่อให้หลี่เอินฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีทางให้อภัยเขา
มู่จื่อหลิงเพียงพยักหน้า ไม่ได้พูดจาอีก
นางรู้ว่ามู่เจิ้นกั๋วเป็ห่วงนางจริงๆ มู่เจิ้นกั๋วพูดเช่นนี้ เขาจะต้องไม่สบายใจเป็แน่ ดูเหมือนว่าเขาคงตัดสินใจครั้งใหญ่แล้ว
หลังจากนั้น มู่เจิ้นกั๋วก็หลุบตาลง เดินออกไปอย่างเศร้าสลด สีหน้าราวกับเจือไปด้วยความทุกข์ระทม
มู่จื่อหลิงมองแผ่นหลังที่เงียบเหงาและอ้างว้างก็ให้คำสาบานเงียบๆ ไม่ว่าอย่างไร นางจะต้องรักษาหลี่เอินให้ฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน
“หวางเฟย ท่านดูสิ แสงสีม่วงบนตัวของเ้าตัวเล็กนี่ดูเหมือนจะสว่างงดงามขึ้นใช่หรือไม่?” เล่อเทียนขยี้ดวงตาอย่างไม่อยากเชื่อ คิดว่าดูผิดไป จึงถามมู่จื่อหลิงอย่างไม่แน่ใจ
มู่จื่อหลิงไม่ได้สังเกตเสี่ยวไตกูแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินเล่อเทียนถาม สายตาของนางจึงได้มองไป
สว่างงดงามขึ้นเมื่อใดกัน?
เปลี่ยนรูปโฉมใหม่ไปแล้ว แสงสีม่วงละลานตาจนเกือบทำให้ตาผู้คนบอด
เหตุใดจึงเป็เช่นนี้?
แวบแรกสิ่งที่มู่จื่อหลิงนึกไม่ใช่เื่ดี เสี่ยวไตกูกินกู่ควบคุมใจที่มีโลหิตติดอยู่จะไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?
ครั้งก่อนที่มันกินรังนกก็ยังดีๆ อยู่ แต่ครั้งนี้...
“เสี่ยวไตกูเลิกกินได้แล้ว รู้สึกไม่สบายหรือไม่?” ใบหน้ามู่จื่อหลิงเปี่ยมไปด้วยความกังวลใจ หิ้วสองขาของเสี่ยวไตกูขึ้นมา
“โอ้กๆๆ” ไม่มี ไม่มี อุ่นๆ อร่อยนัก
เสี่ยวไตกูดิ้นรนสองขาหน้าของตนสุดชีวิต มองดูหยดเืที่ตกลงไปในภาชนะด้วยดวงตาคลอน้ำตา
ราวกับสิ่งของอันเป็ที่รักของตน จางหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไรอย่างนั้น มันรู้สึกว่าหัวใจเ็ปยิ่งนัก
“โอ้กๆๆ” วางข้าลง ข้าจะกิน
มู่จื่อหลิงถลึงตาใส่เสี่ยวไตกูอย่างมีน้ำโห “ไม่อนุญาตให้กินแล้ว เ้าดูว่าร่างกายเ้าล้วน...”
นางยังไม่ทันพูดจบ ระบบซิงเฉินก็ส่งแจ้งเตือนมา “คางคกม่วงกำลังอยู่ในการเปลี่ยนแปลงเลื่อนระดับ...”
อะไรนะ? เลื่อนระดับ? เปลี่ยนแปลง?
อัศจรรย์ถึงเพียงนี้?
หรือว่ากินกู่ควบคุมใจที่มีโลหิตจึงเลื่อนระดับ? ต่อไปก็เป็คางคกม่วงที่เลื่อนระดับแล้ว?
คางคกม่วงที่เลื่อนระดับแล้ว จะมีความรู้สึกสูงส่งหรือไม่นะ?
เช่นนั้นจะเปลี่ยนเป็ร้ายกาจขึ้นใช่หรือไม่? สามารถปล่อยพิษที่ร้ายกาจออกมาได้?
มู่จื่อหลิงชะงักไปเพียงชั่วพริบตา แล้วดึงสติกลับมาในทันที ใจนางเปลี่ยนจากมืดมนมาสว่างในทันใด ไม่พูดพร่ำทำเพลงโยนเสี่ยวไตกูไปในภาชนะ
“โอ้กๆ” เจ็บๆ
เสี่ยวไตกูร้องอย่างไม่พอใจ นายน้อยเสียสติไปแล้วเหรอ? ถึงได้ใช้แรงโยนมันเพียงนี้ เดี๋ยวก็ให้มันกิน เดี๋ยวก็ไม่ให้มันกิน
“รีบกินเถิด กินให้อิ่มหน่อย” มู่จื่อหลิงยิ้มอย่างละโมบ
ในใจนางตื่นเต้นจนยากจะบรรยายออกมาได้แล้ว!
เดิมทีอุจจาระของเสี่ยวไตกูนั้นสามารถสกัดยาพิษและยาแก้พิษออกมาได้ และแต่เดิมพิษเสี่ยวไตกูก็ร้ายแรงอยู่แล้ว ถ้าพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น จะเป็เช่นใดกัน?
จุ๊ๆ คิดๆ ไปแล้วก็ช่างยอดเยี่ยมนัก
เห็นท่าทางมู่จื่อหลิงกระฉับกระเฉงขึ้นมา เล่อเทียนก็ประหลาดใจโดยพลัน ถามด้วยรอยยิ้มว่า “หวางเฟย มีเื่อะไรดีๆ ใช่หรือไม่?”
“เสี่ยวไตกูกินกู่ควบคุมใจ จะเปลี่ยนเป็ร้ายกาจมากขึ้น วันหน้าต้องสามารถปล่อยพิษที่ร้ายแรงไร้เทียมทานออกมาเป็แน่” มู่จื่อหลิงยิ้มจาง ดวงตาเต็มไปด้วยการเฝ้ารอให้เสี่ยวไตกูเปลี่ยนเป็ร้ายกาจขึ้น
เล่อเทียนมองเสี่ยวไตกูด้วยสายตาแปลกประหลาดใจอย่างพูดไม่ออก “เสี่ยวไตกูสามารถปล่อยพิษได้ด้วย?”
มู่จื่อหลิงเบิกบานใจนักเมื่อเห็นผู้อื่นใช้สายตาประหลาดใจมองเสี่ยวไตกู เพราะสำหรับนางในฐานะเป็เ้าของเสี่ยวไตกู นางก็ถือว่า สายตาที่ประหลาดใจเ่าั้กำลังมองนาง
ความรู้สึกที่ถูกคนมองด้วยสายตาประหลาดใจมันดีนัก “ถูกต้อง ประโยชน์ใช้สอยของเสี่ยวไตกูมิได้มีเพียงเท่านี้ ทั้งร่างมันล้วนล้ำค่า แม้แต่มูลของมันก็ยังนำมาสกัดเป็ยาถอนพิษแปลกๆ ได้”
ถ้าตอนนี้มู่จื่อหลิงมีหางคงจะกระดกขึ้นไปถึง์เป็แน่ ราวกับว่ามีเสี่ยวไตกูที่น่าอัศจรรย์ใจตัวนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
นิ้วมือของเล่อเทียนที่สั่นระริกชี้ไปที่เสี่ยวไตกูอย่างไม่อยากเชื่อ “จะ เ้าตัวเล็กเท่านี้?”
สองมือมู่จื่อหลิงกอดอก ความรู้สึกวิตกแต่เดิมทีดูเหมือนจะถูกเล่อเทียนทำให้ปลอดโปร่งขึ้นมาโดยพลัน
นางเชิดคางอย่างถือดี เลิกคิ้วอย่างเอาแต่ใจ “ก็เ้าตัวเล็กนี้เนี่ยแหละ”
เล่อเทียนพลันมีความรู้สึกไม่อยากเชื่อจนวิงเวียน วันนี้เขาต้องถูกทำให้ตื่นตระหนกกี่รอบกัน!
มหัศจรรย์ นี่มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวไตกูเฉลียวฉลาดฟังภาษามนุษย์ออก ไม่พูดถึงที่สามารถปล่อยพิษออกมาได้ ลำตัวมีประโยชน์ใช้สอยถึงเพียงนั้น แม้แต่มูลก็เปลี่ยนเป็สิ่งล้ำค่าได้
นี่ช่างทำให้คนอิจฉาริษยาทว่าไม่เกลียดชัง เคารพบูชาอย่างสุดฤทธิ์
และเวลานี้
“โอ้กๆๆ” อิ่มมากๆ นายน้อย จัดการกู่ควบคุมใจหมดแล้ว
เสี่ยวไตกูอิ่มหนำสำราญ กลิ้งไปมาในภาชนะอย่างสำราญใจ
สายตาของมู่จื่อหลิงที่มองเสี่ยวไตกูก็ยิ่งอบอุ่นเป็มิตร ถาม “จัดการเรียบร้อยแล้ว?”
“โอ้กๆๆ” เสร็จแล้ว ท่านตรวจดูเองเถอะ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
เสี่ยวไตกูถูกนายน้อยมองอย่างอ่อนโยนก็ยิ่งยินดี ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าได้กินกู่ควบคุมใจจำนวนมาก
มู่จื่อหลิงย่อมเชื่อมั่นในเสี่ยวไตกู ไม่ต้องพูดถึงความสามารถของมันเท่านั้น นอกจากนี้ธาตุแท้ในการกินของมัน จะปล่อยให้เหลือได้อย่างไร
นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ใบหน้าอ่อนโยนแย้มยิ้ม ถาม “อืม ดีแล้ว เห็นพูดว่าเ้าเลื่อนระดับแล้ว เปลี่ยนเป็ร้ายกาจใช่หรือไม่?”
“โอ้กๆๆ” ร้ายกาจยิ่งนักเลยล่ะ!
เสี่ยวไตกูกลิ้งอย่างร่าเริง
มู่จื่อหลิงได้ยินในใจก็ยิ่งตื่นเต้น และยิ่งดีใจ กำลังจะถามวิธีการที่ร้ายกาจ
เพียงแต่
ระบบซิงเฉินก็ส่งแจ้งเตือนมา “การเปลี่ยนแปลงเลื่อนระดับของคางคกม่วงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ความสามารถที่เปลี่ยนไป : ลิ้นยาวนั้นสามารถยื่นยาวออกไปได้อย่างอิสระ ยาวสุดไม่เกินสิบเมตร”
ใบหน้าตื่นเต้นยินดีของมู่จื่อหลิงแข็งค้างขึ้นมาฉับพลัน บนหน้าผากปรากฏขีดดำสามขีดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มารดาเถอะ! พูดเสียดิบดีว่าความสามารถจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น? พูดไว้เสียเรียบร้อยว่าเป็ยาพิษที่ไร้เทียมทาน?
คำมหัศจรรย์เช่น ‘เปลี่ยนแปลง’ ก็แค่เพิ่มความยาวลิ้นเท่านั้น? นี่เรียกว่าร้ายกาจยิ่งนัก?
สำหรับเ้าตัวเล็กนี่แล้ว มิใช่ว่าตัดชุดแต่งงานให้มันโดยไม่คิดเงินหรือ?
นี่ช่างเหมือนเติมปีกให้เสือ เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้น!
หลังจากกินอาหารเสี่ยวไตกูก็ไม่ะโไปมาอีก ยุ่งอยู่กับการหอบหายใจ ยื่นเรียวลิ้นเล็กออกมา นั่นยังไม่ง่ายดายอีก?
เล่อเทียนเห็นมู่จื่อหลิงชะงักค้างอยู่กับที่เป็เวลานาน คิดว่านางถูกความสามารถอันน่าตกตะลึงของเสี่ยวไตกูสะกดไว้
เขายิ้มอย่างรอคอยยิ่งนัก ถามว่า “หวางเฟย? เป็อันใดไป? เสี่ยวไตกูเปลี่ยนแปลงแล้วร้ายกาจมากใช่หรือไม่ ร้ายกาจอย่างไร? ดูใบหน้าตื่นตระหนกของท่านสิ”
เล่อเทียนไม่ถามยังดี พอถามก็เกิดโทสะในใจของมู่จื่อหลิงขึ้นมา!
ร้ายกาจกับผายลม!
มู่จื่อหลิงฉีกยิ้มที่เพิ่มความจอมปลอมขึ้นไปหลายส่วน มองเสี่ยวไตกูอยู่นาน สายตานั้นราวกับจะกินมันลงไปอย่างไรอย่างนั้น “ใช่น่ะสิ! ร้ายกาจนัก ต่อไปหนอนมาก็แลบลิ้นออกไป พอลิ้นไปถึงก็ม้วนกลับมา จะไม่ร้ายกาจได้หรือ”
“เอ่อ...” เล่อเทียนชะงักไป
หนอนมาก็แลบลิ้นออกไป ลิ้นไปถึงก็ม้วนกลับมา?
หรือว่าลิ้นของเสี่ยวไตกูจะยาวขึ้น? แม้ฟังดูมิค่อยร้ายกาจ แต่อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์
ทว่า ความคาดหวังอันเต็มเปี่ยมมาแต่เดิมก็ล้มเหลวลงในทันที อารมณ์จึงยากจะหลีกเลี่ยงความผิดหวัง
เสี่ยวไตกูที่ถูกสายตามู่จื่อหลิงจ้องมาก็ไม่เข้าใจ มันคิดไปว่าลิ้นเล็กสามารถแลบออกไปได้อย่างอิสรเสรี นี่ยังมิใช่ร้ายกาจอีกหรือ
และนายน้อยก็ชมมันว่าร้ายกาจ เหตุใดจึงยังมองมันแบบนี้? สายตาน่ากลัวชะมัด!
นี่มิใช่สายตามีความสุขเลยสักนิด สายตาเหมือนกับสายตาวันที่มันกินกู่ปรสิตไปจำนวนมากจนทำลายงานใหญ่ของนายน้อยเข้า นายน้อยกำลังจะโมโหนี่นา!
“โอ้กๆๆ” นายน้อย ลิ้นยาวมิเพียงกินได้แค่หนอนเท่านั้น ยังสามารถถอนพิษได้ หากท่านพบคนเลวก็อย่าได้โยนเสี่ยวไตกูทิ้งอีกเล่า
เสี่ยวไตกูอธิบายคุณประโยชน์ของลิ้นยาวอย่างสั่นระริก กลัวว่าไม่ทันระวังขึ้นมา ผู้เป็นายจะตบมันจนแบน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้