กลางดึก
หลังรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยหลิ่วเทียนฉีก็เดินกลับเข้าห้องพร้อมลงกลอนประตู บอกตนจะพักผ่อน ไม่ให้ผู้ใดเข้ามา
เขาถอดแหวนมิติบนนิ้วชี้มือซ้ายนำสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ในแหวนมิติของเ้าของร่างเดิมออกมาเริ่มสำรวจสมบัติภายในนั้น
“ว้าว...”
หลิ่วเทียนฉีพบศิลาทิพย์มากถึงหนึ่งพันหนึ่งร้อยก้อนก็อดกัดลิ้นไม่ได้เมื่อนำมารวมกับศิลาทิพย์สี่ร้อยก้อนที่ทั้งสองนางมอบให้ตอนนี้ตนมีศิลาทิพย์ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยก้อนแล้วหรือนี่?
รวยจริงเชียว!
คิดๆ ดูเ้าของร่างเดิมจะดูถูกตัวเองเกินไปแล้ว เพราะอย่างนั้นทุกเดือนที่ได้รับศิลาทิพย์มาจากตระกูลถึงไม่เคยใช้เลยจึงเหลือศิลาทิพย์มากมายเช่นนี้สินะ?
หลังนับศิลาทิพย์แล้วหลิ่วเทียนฉีก็เก็บศิลาทิพย์ไว้ในแหวนมิติดังเดิมพลางเหลือบมองไปทางยันต์วิเศษขั้นสองกองโตกองหนึ่งบนโต๊ะ
แม้เ้าของร่างเดิมจะเป็คนไร้ประโยชน์แต่กฌมีบิดาเป็ถึงผู้ใช้ยันต์ขั้นสี่ เป็ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งเชียวนะ!ฉะนั้น ั้แ่เล็กจนโตคงไม่เคยขาดแคลนยันต์วิเศษมีพร้อมอยู่ในแหวนมิติวงนี้ครบครัน
เมื่อจัดการแบ่งหมวด จำแนกชนิดทีละแผ่นเรียบร้อยแล้วหลิ่วเทียนฉีก็พบว่าเ้าของร่างเดิมมียันต์วิเศษขั้นสองถึงหนึ่งร้อยสามสิบกว่าแผ่นประเภทโจมตีมีหกสิบกว่าแผ่น ประเภทป้องกันมีสามสิบกว่าแผ่น ยันต์ช่วยฝึกฝนยันต์แปลงโฉม ยันต์เพิ่มความเร็ว ยันต์เหาะ และยันต์อื่นๆที่ควรมีก็ล้วนมีทั้งสิ้น
คาดไม่ถึงเลยว่าเ้าของร่างเดิมจะเป็ผ้าขี้ริ้วห่อทองตัวจริง!ขณะที่คิดเช่นนั้น หลิ่วเทียนฉีก็เก็บยันต์ทั้งหมดเข้าไปในแหวนมิติของตนอย่างระมัดระวัง
.........
ยามสาม1 หลิ่วเทียนฉีออกจากห้องของตนอย่างเงียบๆปีนกำแพงออกจากจวนตระกูลหลิ่วบริเวณเรือนหลัง
พอออกจากประตูใหญ่ก็คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำผืนหนึ่งจากนั้นใช้ยันต์แปลงโฉมเปลี่ยนใบหน้าตนเอง เตรียมมุ่งไปยังถนนใต้
จากความทรงจำของเ้าของร่างเดิมหลิ่วเทียนฉีรู้ว่าที่ถนนใต้มีร้านหนึ่งชื่อหอหมื่นสมบัติ ขายโอสถอุปกรณ์อาคมและยันต์วิเศษนานาชนิด ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนก็เปิดกิจการเป็สถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองฝูเฉิง
หลิ่วเทียนฉีเดินทะลุผ่านซอยเล็กๆ สองซอยก็มาถึงถนนใต้อย่างรวดเร็วเขาเดินตามฝูงชนไปไม่ไกลเท่าไรก็มองเห็นหอหมื่นสมบัติที่คึกคักราวกับอยู่ในตลาด
“เ้าขอทานสกปรก คิดจะเข้าประตูหอหมื่นสมบัติของพวกเราหรือไม่ดูตัวเองเสียบ้างเลยว่าในอยู่ฐานะอะไร?”
ยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ หลิ่วเทียนฉีก็ได้ยินเสียงโวยวายด่าทอของผู้คุ้มกันประตูไหนจะเสียงพากันวิพากษ์วิจารณ์ของคนกลุ่มหนึ่งอีก
“พวกเ้า แล้วก็พวกเ้า เ้าพวกตาสุนัขที่เอาแต่มองเหยียดของของพวกเ้า คิดว่านายน้อยอย่างข้าอยากได้หรือไงกัน?” เด็กหนุ่มผู้สวมเสื้อป่านเนื้อหยาบคนหนึ่งสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่งก่อนจะเบียดฝูงชนออกมาแล้ววิ่งจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลิ่วเทียนฉีมองภาพแผ่นหลังที่วิ่งจากไป อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วแม้มองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่ได้เห็นเพียงเรือนร่างกับฟังสุ้มเสียงเด็กคนนี้ต้องเป็หนุ่มรูปงามแน่นอน
สายตาของเขาจ้องมองแผ่นหลังนั่นอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งหายลับไปท่ามกลางค่ำคืนอันเวิ้งว้างเมื่อได้สติกลับมาก็เห็นกลุ่มคนชางสอดรู้ที่อยู่ล้อมรอบประตูหอหมื่นสมบัติเพื่อรับชมเื่สนุกสลายตัวไปผู้คุ้มกันเองก็พากันกลับไปอยู่หน้าประตูตามเดิม
หลิ่วเทียนฉีก้าวเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของหอหมื่นสมบัติมองผู้คุ้มกันทั้งแปดคน
ผู้คุ้มกันทุกคนมองเขาที่สวมอาภรณ์หรูหราสวมผ้าคลุมสีดำเดินเข้ามาจึงก้มศีรษะ “เชิญท่านลูกค้า!”
“อืม!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้า ก้าวเดินเข้าไปในหอหมื่นสมบัติพลางคิด‘เ้าพวกนี้ดูแต่เสื้อผ้าไม่ดูพลังวัตรเลย ตาสุนัขมองเหยียดคนชัดๆ!’
“ท่านผู้ฝึกตน เชิญด้านนี้เ้าค่ะ!”สาวใช้ผู้ให้การต้อนรับเห็นหลิ่วเทียนฉีแต่งกายไม่ธรรมดา รีบเข้ามานำทางให้
“ลำบากแม่นางแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีมองสาวใช้ด้วยแววตาเรียบเฉยทีหนึ่งแล้วเดินตามนางเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของหอหมื่นสมบัติ
เมื่อเข้ามาด้านในเขามองเห็นชั้นวางของที่ถูกจัดอย่างเป็ระเบียบสำหรับวางโอสถยันต์วิเศษและอุปกรณ์อาคมนานาชนิดเห็นสินค้าสวยงามละลานตาพร้อมพรั่งครบครันภายในนี้ หลิ่วเทียนฉีก็ตกตะลึงไม่น้อยเ้าของร่างเดิมไม่เคยมาที่นี่ นี่จึงเป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นไม่เสียทีที่เป็หออันดับหนึ่งของเมืองฝูเฉิง! สมคำร่ำลือจริงๆ!
-----------------------------------
1 เวลา 23.00 – 01.00 น.