เมืองจูเซียน สวนหย่อมด้านหลังเรือนน้ำชากงอี้!
“คืนเงินมา คืนเงินข้ามานะ!”
“ไอ้นักตอแหล ยังขวัญกล้ากลับมาอีก? ข้าจะฆ่าเ้า!”
“เงินข้าอยู่ไหน? เงินข้าล่ะ?”
………
………
……
……
…
…
พริบตาที่เห็นหวังเค่อ
สวนหย่อมด้านหลังเรือนน้ำชากงอี้ก็ะเิออก
เสียงะโโวยวายนับไม่ถ้วนท่วมสูงกล่นฟ้า
ทั่วทั้งเมืองจูเซียนสามารถได้ยินเสียงะโจากเรือนน้ำชากงอี้ได้
ผู้ฝึกฌานที่ตาแดงก่ำเริ่มถกแขนเสื้อกันทีละคน พวกมันต่างหยิบอาวุธคล้ายเตรียมโรมรันพันตู
ท่ามกลางโทสะที่ถาโถมดุจคลื่นั์ ลูกน้องของหวังเค่อล้วนเนื้อตัวสั่นเทิ้มกลัวจะถูกคนเหล่านี้ฉีกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีเพียงหวังเค่อปรมาจารย์แห่งความหน้าด้านที่ยังยืนเด่นอยู่บนเวทีอย่างห้าวหาญ
หลังจากเสียงก่นด่าอันดุดันระลอกแรกสิ้นสุดลง หวังเค่อก็ฉวยโอกาสนี้เอ่ยปากออกไป
“วันนี้ข้ามาเพื่อพูดคุยเื่เงินทอง ได้โปรดอย่าส่งเสียงเตะถ่วงรบกวนเวลาผู้อื่นด้วย!” หวังเค่อะโ
“เ้ายังถ่วงเวลาเราไม่พออีกรึ?”
“เลิกเถียงได้แล้ว ฟังหวังเค่อก่อน ฟังมันก่อน!”
“เ้าจะเถียงกันไปถึงเมื่อไหร่? พวกเรามาที่นี่เพื่อทวงเงิน ไม่ได้มาเพื่อฟังพวกเ้าบ่น หุบปาก หุบปาก ฟังหวังเค่อเร็ว!”
“เงียบปาก เงียบปากให้หมด ถ้าเ้าไม่อยากได้เงินคืนก็ไสหัวไป!”
………
………
……
……
…
…
สุ้มเสียงกังวลหลากหลายดังปะปนอยู่ในสวนเรือนน้ำชาสักพักใหญ่
บางคนยัง้าก่นด่าหลังถูกหวังเค่อต้มตุ๋น แต่คนที่เหลือต่างล้วน้าเงินคืน
สองฝ่ายะโด่ากันไม่หยุด
หวังเค่อมองดู “ตัวช่วย” ที่มันส่งไปแฝงตัวอยู่ในฝูงชนพยายามรักษาความสงบ ชายหนุ่มไม่รีบร้อนกังวล เพียงยืนรอให้ทุกคนตั้งสติได้
เป็ไปตามคาด ในที่สุดรอบด้านก็เริ่มเงียบเสียงลงโดยกลุ่มคนที่ยืนกรานให้ ‘ฟังที่หวังเค่อพูด’
“พูดเถอะ พูดเลย!” ใครสักคนส่งเสียงขึ้น
หวังเค่อพยักหน้ารับ “ข้าเพิ่งกลับมาที่เมืองจูเซียนได้ไม่กี่วัน ได้ยินข่าวลือมากมายใส่ความว่าข้าขายแผนการลงทุนเพื่อหลอกเชิดเอาเงินแล้วหนีไป ใส่ความว่าข้าใช้องค์หญิงโยวเยว่ตัวปลอมหลอกชิงตัวองค์หญิงโยวเยว่ตัวจริงมาจากเนี่ยเทียนป้า ใส่ความว่าข้าต้มตุ๋นหลอกเงินจากเนี่ยเทียนป้าไปมหาศาล จนมันต้องไปหยิบยืมเงินจากพวกท่านมาจ่าย ทำให้การเงินทั่วเมืองจูเซียนขัดสน! ทำพวกท่านทุกคนกังวลจนแทบบ้า!”
“มิผิด!” ใครสักคนะโมาจากข้างล่าง
“ผายลม!” หวังเต่อะโตอบกลับไป
“เ้าว่าอะไรนะ?” ชายคนนั้นเบิกตากว้าง
“ฟังหวังเค่อก่อน อย่าเพิ่งไปขัดคอมัน อย่าทำทุกคนเสียเวลาอีกเลย!” เหล่า “ตัวช่วย” ด้านข้างรีบตะครุบตัวชายผู้นั้นไว้
หวังเค่อสูดหายใจลึกบิวด์อารมณ์อยู่พักใหญ่ “ข้าเข้าใจความกังวลของพวกท่าน แต่เพราะพวกท่านกังวลใจ ทำให้พวกท่านลืมเลือนการคิดวิเคราะห์พื้นฐานไปแล้วหรือไร? พวกท่านมองข้ออ้างกระจอกงอกง่อยพรรค์นี้ไม่ออกจริงๆ?”
“ฟังมันก่อน ฟังมัน อย่าเพิ่งพูดแทรก!” “ตัวช่วย” ในฝูงชนรีบปลอบทุกคนไว้
“ข้าหวังเค่ออยู่ในเมืองจูเซียนมาสิบปี สิบปีเชียวนะ! พวกท่านทุกคนต่างรู้จักข้ากันทั้งนั้น ข้าหวังเค่อทำธุรกิจค้าขายมาตลอดสิบปี ข้าเคยคดโกงใครสักครั้งหรือ? ข้าหวังเค่อเคยหลอกลวงพวกท่านหรือ? ก่อนหน้านี้มีใครเคยถูกข้าหวังเค่อหลอกหรือไม่? มีสักคนไหม? มีใครบ้าง?” หวังเค่อะโใส่ทุกคน
เสียงะโนี้กลืนเสียงะโอย่างร้อนใจของทุกคนไปจนหมด
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา หวังเค่อทำการค้าอย่างสุจริตซื่อตรง ขนาดมันกลายเป็บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองจูเซียน ก็ยังไม่เคยมีใครถูกมันโกง! ใครจะคิดว่าหวังเค่อใช้เวลาตลอดสิบปีที่ผ่านมาเพื่อสร้าง ‘ความน่าเชื่อถือ’ เท่านั้น?
ทุกคนต่างพากันเงียบเสียงฟังหวังเค่อ
“กลับมาพูดถึงเนี่ยเทียนป้ากันอีกที? นิสัยเนี่ยเทียนป้าเป็อย่างไร? พวกท่านเคยมีใครชื่นชมว่ามันยึดหลักคุณธรรมสักคนไหม! ข้าหวังเค่อไม่เคยเลยสักครั้ง แล้วท่านเล่า? พวกท่านเคยชมเนี่ยเทียนป้าหรือไม่? มีสักคนไหม?” หวังเค่อะโถามทุกคน
สีหน้าทุกคนหม่นหมองลง ตระกูลเนี่ยข่มเหงรังแกผู้คนโดยมีเนี่ยเทียนป้าเป็หัวหอก ไม่นานมานี้ ทุกคนต่างไปทวงหนี้จากตระกูลเนี่ยก่อนจะถูกทำร้ายกลับมา ยังจะมีใครชื่นชมว่าเนี่ยเทียนป้ายึดมั่นคุณธรรมอีก?
“เอาล่ะ ต่อไปเป็คำถาม ท่านไม่เชื่อข้าหวังเค่อ แต่เชื่อคำแก้ตัวของเนี่ยเทียนป้า? พวกท่านคิดกันเช่นนี้จริงๆ? พวกท่านใช่เสียสติไปแล้วหรือไม่?” หวังเค่อด่ากราดใส่ทุกคน
แม้ว่าทุกคนจะโกรธที่ถูกด่า แต่พอลองขบคิดดูแล้ว หรือพวกเราจะคิดผิดไปจริงๆ?
“หวังเค่อ อย่ามัวพูดจาไร้สาระอยู่เลย จ่ายเงินคืนมา! คืนเงินพวกเรามาก่อน จะให้พวกเราฟังเ้าพูดสามวันสามคืนก็ยังได้ พวกเราจะตามเ้าไปด่าเนี่ยเทียนป้าสามวันสามคืนด้วยกัน แต่คืนเงินมาก่อน!” ประมุขท่านหนึ่งส่งเสียง
“ใช่แล้ว คืนเงินมา คืนเงินมาก่อน!” ทุกคนต่างพากันคล้อยตาม
ฝูงชนกลายเป็เดือดพล่านอีกครั้ง
หวังเค่อยืนรอจนทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง แน่นอนว่าคนของมันที่ะโว่า “หยุดพูด ฟังหวังเค่อก่อน” ก็มีส่วนช่วยเหลือไม่น้อย
“นี่ประมุขหวงไม่ใช่รึ? ข้าเพิ่งรู้เื่ได้ไม่กี่วัน ท่านก็จะมาทวงเงินคืนกับข้า? เฮ้อ ข้าถามท่านหน่อย ข้าได้หยิบยืมเงินจากตระกูลหวงท่านหรือไม่?” หวังเค่อมองหน้าประมุขท่านนั้น
“ข้า…”
“ท่านถูกเนี่ยเทียนป้าตะล่อมไปลงชื่อในสัญญากู้ยืม ท่านให้เนี่ยเทียนป้ายืมเงินไป ไม่ใช่ข้า อีกอย่าง ประมุขหวง ท่านควรทราบว่าเงินของท่านถูกเนี่ยเทียนป้าคดโกง ไม่ใช่กงการอะไรข้า ข้าหวังเค่อหากรับเงินย่อมต้องจำได้ เื่นี้ไม่มีใครพึ่งข้าได้ทั้งนั้น! ข้ามีส่วนรับผิดชอบแค่เงินซื้อแผนการลงทุนเท่านั้น!” หวังเค่อขึ้นเสียง
“จริงด้วย!” ฝูงชนที่ซื้อแผนการลงทุนต่างพากันตื่นเต้นยินดี
คำพูดของประมุขตระกูลผู้ฝึกฌานทั้งหลายต่างถูกกลืนลงคอกันไปจนหมด ทุกคนล้วนหน้าแดงก่ำ ตกลงวันนี้จะได้เงินคืนหรือไม่อย่างไร? เรือนน้ำชาทำทีใกล้จะะเิอยู่รอมร่อแล้ว
“แน่นอน ข้าทราบว่าประมุขทุกท่านล้วนแต่เสียเงินไป ที่ข้าเชิญพวกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อช่วยท่านทวงเงินคืน! ประมุขทุกท่าน โปรดสงบสติอารมณ์ด้วย!” หวังเค่อกล่าว
ช่วยพวกเราทวงเงินคืน? ประมุขทั้งหมดที่กำลังจะะเิอารมณ์พลันเงียบไปทันที
ทุกคนรอบด้านเองก็เงียบตาม
หลังสูดหายใจลึก หวังเค่อค่อยกวาดตามองทุกคน “ทุกท่าน ข้าหวังเค่อตั้งรกรากในเมืองจูเซียนนี้มาสิบปี ทุกท่านต่างเห็นตระกูลหวังข้าเติบโตขึ้นทีละก้าว! พวกท่านโดนหลอกเงินไป ข้าย่อมเสียใจ แต่ตัวข้าเล่า? ตระกูลหวังข้ามีคนทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบคน ทุกคนจากไปหมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว!”
หวังเค่อตีหน้าเศร้า กระตุ้นความสงสัยของทุกคน
“เหตุใดวันนี้ข้าถึงได้สวมเสื้อดำ? ไม่ใช่เพราะข้าเปลี่ยนรสนิยม แต่เพื่อไว้อาลัยคนตระกูลหวังหนึ่งร้อยหกสิบคนของข้าที่ต้องตายอย่างไม่เป็ธรรม! พวกท่านทราบหรือไม่? พวกท่านแค่เสียเงิน ตระกูลหวังข้าสูญเสียทุกอย่าง ท่านทราบหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตระกูลข้า?” หวังเค่อตะเบ็งเสียงใส่ทุกคนด้วยตาแดงก่ำ
พอได้รับฟัง ทุกคนล้วนต่างแปลกใจ วาจานี้ของหวังเค่อหมายความเช่นไร?
“ประมุขหวัง ท่านจะบอกว่าตระกูลท่านถูกล้างบาง? นี่เื่อะไรกัน? เป็ฝีมือใคร?” “ตัวช่วย” ในฝูงชนะโสวนมา ถามถึงเื่ที่ทุกคนไม่ได้สนใจอะไร
“วันนั้น ตระกูลหวังข้าต้องจ่ายราคาค่างวดมหาศาลเพื่อจับตัวองค์หญิงโยวเยว่! พอพาตัวนางกลับมาถึงคฤหาสน์ เตรียมตัวรอศิษย์พรรคอีกาทองคำมารับนางไป พวกท่านอยากเห็นหน้านาง ข้าก็ได้แต่น้อมสนอง แล้วเป็อย่างไร? ผลลัพธ์คือเนี่ยเทียนป้าหมายตาคิดชิงตัวองค์หญิงโยวเยว่ไป มันฆ่าล้างโคตรตระกูลหวังข้าในชั่วข้ามคืน ถ้าหากข้าไม่รีบพาองค์หญิงโยวเยว่หนีไป เกรงว่าแม้แต่ข้าเองก็คง…!” หวังเค่อปั้นหน้าปวดร้าว
“เ้าโกหกหรือเปล่า? ที่เ้ามีคือองค์หญิงโยวเยว่ตัวปลอม เ้าใช้นางหลอกชิงตัวจริงมาจากเนี่ยเทียนป้า แถมยังโกหกฉวยโอกาสเก็บเงินค่าเข้าชมจากพวกเราอีก!” ประมุขท่านหนึ่งะโสวนมา
คนที่เหลือกำลังคิดตาม ก่อนจะถูกหวังเค่อขัดกลางปล้อง “ประมุขท่านนี้ ท่านถูกเนี่ยเทียนป้าหลอกมาใช่หรือไม่ ท่านเชื่อที่มันพูดด้วยรึ?”
“ข้า? ข้าเห็นมากับตา ที่ตระกูลหวังเ้าไม่มีร่องรอยการต่อสู้สักนิด แถมใต้คฤหาสน์ตระกูลหวังก็มีอุโมงค์ลับ เ้าขนข้าวของตระกูลหวังหนีไปจนเกลี้ยง แม้แต่กระดาษชำระยังไม่เหลือทิ้งไว้!” ประมุขท่านนั้นจ้องตาเขม็ง
“ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านเห็นมากับตารึ? ยังคิดเื่เป็ไปไม่ได้พรรค์นั้นออกมาได้!” หวังเค่อแค่นเสียงขัดขึ้น
“ตัวช่วย” ในฝูงชนขมวดคิ้วกล่าว “พอมานึกดูให้ดีแล้ว เื่นี้เป็ไปไม่ได้ ประมุขหวังเป็บุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองจูเซียน บุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดเชียวนะ ทุกวันได้กำไรตั้งกี่มากน้อย มีหรือจะสนใจกับแค่กระดาษชำระสักม้วน? เ้าเนี่ยเทียนป้าใช่ตั้งใจใส่ความจนเผลอทำพลาดหรือไม่?”
ทุกคนต่างชะงักไป จริงแท้ บุรุษผู้ร่ำรวยที่สุด รวยที่สุดในเมืองเชียวนะ คนแบบนี้ยังต้องเหลียวมองกระดาษชำระอีก? เื่นี้ต่อให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ
“แต่คฤหาสน์ตระกูลหวังเ้า...!” ประมุขท่านนั้นยังไม่ยอมแพ้
“ใช่แล้ว ในคฤหาสน์ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เพราะเนี่ยเทียนป้าซื้อตัวพ่อครัวตระกูลข้าไป พวกเราทุกคนถูกวางยา ถูกวางยาพิษอย่างไร แล้วจะมีร่องรอยการต่อสู้ได้ยังไง? ส่วนอุโมงค์ลับนั่นรึ? ข้าไม่เคยรู้เห็นมาก่อน แล้วจะรู้ต้นสายปลายเหตุได้อย่างไร ถ้าให้ข้าเดา เกรงว่าเป็เนี่ยเทียนป้าลอบขุดไว้เพื่อเตรียมตัวทำลายตระกูลหวังข้า พวกมันสมควรเริ่มขุดอุโมงค์ไว้นานแล้ว ทั้งหมดเป็ฝีมือเนี่ยเทียนป้าทั้งนั้น! สุดท้ายแล้วมันยังโบ้ยความผิดทั้งหมดมาใส่ข้าด้วย ฮ่าฮ่า ท่านยังไม่เข้าใจอีก?” หวังเค่อชี้หน้าประมุขผู้นั้น
ประมุขผู้นั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูคล้ายหาจุดจับผิดคำพูดหวังเค่อไม่ได้
“แล้วจางเสินซวีของพรรคอีกาทองคำนั่นเล่า? มันเป็ยอดคนขั้นดวงธาตุทองคำ ข้าเห็นมันซัดเนี่ยเทียนป้าปลิวด้วยนิ้วมือเดียวมากับตา!” ประมุขคนหนึ่งเอ่ย
“มาเถอะ เถ้าแก่เรือนน้ำชากงอี้ ท่านลองฟันดาบใส่ข้าดู!” หวังเค่อะโใส่เถ้าแก่เรือนน้ำชากงอี้
ขณะที่ทุกคนกำลังสับสน เถ้าแก่เรือนน้ำชากงอี้ก็เดินขึ้นเวทีพร้อมสะบัดมีดดาบใส่หวังเค่อ ดาบเล่มยาวแฝงลมปราณสภาวะดุดันรุนแรง สายลมกรรโชกหมุนวนคล้ายคิดสังหารหวังเค่อให้ตายคาเวที
“ชิ้ง!”
หวังเค่อกลับใช้สองนิ้วคีบดาบเอาไว้
“อะไรกัน? เถ้าแก่เรือนน้ำชากงอี้เป็ยอดฝีมือ แต่หวังเค่อที่บรรลุเพียงเซียนเทียนขั้นสองกลับใช้สองนิ้วรับไว้ได้? เื่นี้เป็ไปไม่ได้! ยกเว้นแต่มันจะเป็ยอดคนขั้นดวงธาตุทองคำ!” ใครสักคนส่งเสียงขึ้น
“เ้าจะไปรู้อะไร? นี่เขาเรียกว่าการแสดง หวังเค่อกับเถ้าแก่เรือนน้ำชากงอี้ไม่ได้ลงมือกันจริงๆ! เ้าดูให้ดี บนใบดาบมีรอยร้าวอยู่เห็นไหม แปลว่ามันเป็ของที่ถูกเตรียมไว้แล้ว” “ตัวช่วย” ในฝูงชนอธิบาย
ทุกคนเห็นหวังเค่อสะบัดนิ้วมือ
“ตูม!”
เถ้าแก่เรือนน้ำชากงอี้ปลิวไปพร้อมดาบที่แตกกระจายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เถ้าแก่ส่งเสียงร้อง “อั่ก” ก่อนจะปลิวไปกระแทกกำแพงไม่ไกลนัก ตัวกำแพงที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าพังทลายในพริบตา
ภาพตรงหน้านี้เหมือนกับฉากตอนจางเสินซวีโค่นเนี่ยเทียนป้าไม่มีผิด
เหมือนกันเป๊ะ? คนจำนวนมากต่างปากอ้าตาค้าง
“แสดงว่าเนี่ยเทียนป้าคิดเบี้ยวหนี้ั้แ่แรก? มันจงใจแสดงละคร? จางเสินซวีนั่นก็คือตัวปลอม? เนี่ยเทียนป้าจงใจหานักต้มตุ๋นมาแสดงละคร?” ประมุขคนหนึ่งถาม
“เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้ วัสดุตัดเย็บชุดที่จางเสินซวีผู้นั้นสวมมาจากพรรคอีกาทองคำไม่ผิดแน่ ข้าอยู่ในแวดวงอาภรณ์วิเศษล้ำค่า เพียงแรกเห็นก็บอกได้เลยว่าอาภรณ์พรรคอีกาทองคำใช้วัสดุแตกต่างจากโลกภายนอก มันต้องเป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำตัวจริงไม่ผิดแน่!” ใครสักคนะโมาจากฝูงชน
ขณะทุกคนกำลังสงสัย พวกมันก็เห็นหวังเค่อล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ามิติ ก่อนจะนำชุดคลุมตัวหนึ่งออกมาโยนให้ “ดูเถอะ ใช่วัสดุแบบนี้หรือไม่!”
ที่เมืองหลางเซียนไม่นานมานี้ หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าได้ลอกคราบศิษย์พรรคอีกาทองคำขั้นดวงธาตุทองคำและเซียนเทียนมาอย่างละคน
เฒ่าแก่ร้านตัดเย็บรีบเข้าไปดู ทุกคนรอบด้านต่างมีสีหน้าสงสัยใคร่รู้รอฟังคำตอบจากมัน
“หา? เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้ เสื้อคลุมของศิษย์ขั้นดวงธาตุทองคำพรรคอีกาทองคำ? ทำไมเ้าถึงมีได้?” เฒ่าแก่ร้านตัดเย็บมองหวังเค่ออย่างใ
“เหอะ ความรู้เท่าหางอึ่ง! อย่ามาพูดจามั่วซั่ว! เนี่ยเทียนป้าตามหาคนมาเล่นละครเป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำ จะหาเสื้อผ้าสักชุดลำบากนักรึ? เมืองจูเซียนไม่มีขาย แล้วเมืองเซียนแห่งอื่นต้องไม่มีด้วย? ชุดนี้ข้าซื้อมาจากเมืองเซียนแห่งอื่น ที่นั่นมีเสื้อผ้าอาภรณ์หลากหลาย ท่านอยากได้เท่าไหร่? บอกข้ามา เดี๋ยวข้าช่วยซื้อมาฝาก ว่าอย่างไร?” หวังเค่อเอ่ยอย่างดูแคลน
เถ้าแก่ร้านตัดเย็บเองก็เคยไปเมืองเซียนอื่นมาเหมือนกัน ทำไมมันถึงไม่เคยเห็นมาก่อน? แต่ในเมื่อความจริงเป็เช่นนี้ หวังเค่อออกปาก แสดงว่าเป็มันเองที่ความรู้เท่าหางอึ่ง! เฒ่าแก่ร้านตัดเย็บหน้าแดงเรื่อ ไม่ทราบควรตอบกลับอย่างไร
“ไม่ ไม่ เ้าบอกว่าเสื้อผ้าหาซื้อได้ แล้วกระเรียนมงกุฎแดงเล่า? จางเสินซวีขี่กระเรียนมา ข้ารู้จักกระเรียนมงกุฎแดง มันคือสัญลักษณ์ของพรรคอีกาทองคำไม่ผิดแน่!” ประมุขอีกคนแทรกขึ้นมา
“จริงด้วย นกกระเรียนมงกุฎแดง สัญลักษณ์ประจำพรรคอีกาทองคำ! จางเสินซวีขี่กระเรียนมา! พวกเราต่างเห็นกับตา!” อีกคนะโขึ้น
ขณะหวังเค่อกำลังขบคิด คนของเรือนน้ำชากงอี้ก็นำเตาถ่านออกมา
หวังเค่อนำขนกระเรียนที่เพิ่งถอนสดๆ เมื่อวานนี้ออกมา “ดูเถอะ ใช่ขนแบบนี้หรือไม่?”
ประมุขตระกูลทั้งหลายชะงักนิ่งค้าง ก่อนจะเดินเข้าไปตรวจสอบ ขนนกนั่นดูคล้ายขนกระเรียนของจางเสินซวีเลยไม่ใช่หรือไง?
“นี่คือ…?” ประมุขคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“พวกท่านติดอยู่ในเมืองจูเซียนนานเกินไปแล้ว ไม่ได้พบเจอโลกภายนอก วิหคเซียนประจำพรรคอีกาทองคำอันใด? ฮ่าฮ่า ที่อื่นก็มีตั้งเยอะแยะ นี่ข้าซื้อมาจากเมืองเซียนแห่งอื่น ขนาดเนื้อนกกระเรียนก็ยังกินได้ ขนกระเรียนพวกนี้มีไว้เผาสร้างความอบอุ่น!” หวังเค่อกล่าว
จากนั้น มันก็โยนขนนกลงไปเผาในเตาถ่าน
ทุกคนรอบด้านพากันปากอ้าตาค้าง เผาขนกระเรียนเซียนเพื่อความอบอุ่น? นี่ นี่ เป็ไปได้อย่างไร?
“เ้าเผาขนกระเรียนทิ้งแบบนี้ คิดทำลายหลักฐาน?” ประมุขอีกคนถามอย่างลังเล
แต่พริบตาต่อมา หวังเค่อก็ล้วงขนกระเรียนออกมายื่นส่งให้พวกมันอีกเต็มกำมือ
“ไม่ต้องห่วง ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านเองก็ลองเผาััความรู้สึกดู!” หวังเค่อบอกทุกคน
ขนกระเรียนเซียนเอามาเป็เชื้อเพลิง? หวังเค่อเ้าเปิดร้านขายเสื้อขนสัตว์ก็ได้ ขนกระเรียนเซียนทำเสื้อขนสัตว์จะงดงามถึงปานไหน!
ทุกคนลองตรวจสอบดูแล้ว พอเห็นว่าขนนกนี้ตรงกับกระเรียนมงกุฎแดงของจางเสินซวีไม่ผิดแน่ ทุกคนก็พากันเงียบสนิท
จะเผาทำความอบอุ่นไม่ใช้ไม้ฟืนเล่า? ทำแบบนี้ไม่สิ้นเปลืองเกินไปหรือไร? แม้จะดูสิ้นเปลือง แต่หวังเค่อไม่อาจไม่เผาทิ้งได้ กำไลมิติช่วยปิดบังกลิ่นอายขนกระเรียนให้ แต่ถ้านำออกมาแล้วไม่รีบเผา ไม่นานคงถูกกระเรียนพรรคอีกาทองคำตัวอื่นััได้แน่
“เผาทำไม? ไม่ใช่สิ้นเปลืองหรอกหรือ?” ประมุขท่านหนึ่งเอ่ยอย่างลังเล
“คนรวยย่อมมีวิถีชีวิตของคนรวย!” หวังเค่อตบบ่าประมุขท่านนั้นพลางกล่าว
ความนัยที่แฝงมาชัดเจนยิ่ง เพราะว่าเ้ายากจน ก็เลยจินตนาการถึงชีวิตของคนรวยไม่ออกยังไงเล่า
ประมุขผู้นั้นคิดอยากโต้แย้ง แต่วาจาหวังเค่อช่างสมจริงและมีเหตุผล สุดท้ายมันก็เถียงไม่ออก
“โกหก โกหกหมดเลย สรุปที่เนี่ยเทียนป้าพูดมาล้วนเป็เื่หลอกลวง? มันโกหกเอาเงินพวกเราไป? มันจงใจโกงเงินพวกเรา?” ประมุขผู้หนึ่งผุดลุกขึ้น
“ขนาดศิษย์พรรคอีกาทองคำยังเป็ตัวปลอมเลย! เซียนแซ่จางสามครั้งอะไรกัน? ผายลมเถอะ เห็นพวกข้าโง่เรอะ?”
“โกงเงินพวกข้าไปแล้วยังไม่คิดจ่าย แถมยังทำร้ายพวกเราอีก เนี่ยเทียนป้า ไอ้นักต้มตุ๋น!”
“เงินตระกูลข้า เงินตระกูลข้า!”
………
………
……
……
…
…
หลังจากประมุขตระกูลทั้งหลายปักใจเชื่อแล้วว่าจางเสินซวีเป็ตัวปลอม
ความเกลียดชังของทุกคนที่มีต่อเนี่ยเทียนป้าก็ท่วมทะลักออกมา
เ้ามองพวกข้าเป็คนโง่? ถึงกับโกหกจูงจมูกพวกเรา?
“ทุกท่าน ทราบหรือไม่ว่าสิ่งใดเ็ปที่สุดในโลกนี้?” หวังเค่อร่ำร้อง
ทุกคนต่างหันไปมองหวังเค่อ
“สิ่งที่เ็ปที่สุดในโลกคือคนยังอยู่ แต่เงินไม่มี!” หวังเค่อพูดจากใจจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้