สายลมพัดเข้ามาในห้องโถง ผ้าม่านหร่วนเยียนลัว[1]ที่ปักลวดลายดอกบัวด้วยด้ายสีทองปลิวไสว
ไป๋เหล่าฮูหยินนั่งอยู่้า สีหน้ามืดครึ้มเสียจนแทบคั้นน้ำได้ แผ่กลิ่นอายไม่พอใจออกมาทั่วสรรพางค์กาย
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าอย่าได้ทะนงตนเกินไปนัก เ้าต้องรู้ว่าแม้เ้าจะเป็ชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต แต่ก็เป็บุตรสาวจากภรรยาเอกของจวนสกุลไป๋เช่นกัน หากไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งของจวนสกุลไป๋ให้เ้าพึ่งพา เ้าคิดว่าเ้าจะครองตำแหน่งนี้ได้หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอไม่ตอบ ทั้งยังไม่ได้โกรธเคืองด้วย นางเพียงมองอีกฝ่ายอย่างเรียบเฉย ดวงตานั้นลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
“นอกจากนี้ ด้วยนิสัยของเ้า จะเป็หวังเฟยได้นานเพียงใด? เมื่อถึงเวลาเ้าอาจถูกขับออกจากจวน และอาจไม่ได้กลับบ้านเดิมอีก”
ชิ นางยังไม่ทันแต่งก็สาปแช่งให้นางถูกขับออกจากจวนเสียแล้ว
นี่คือ ‘บ้านเดิม’ ที่ไป๋เหล่าฮูหยินพูดถึงหรอกหรือ?
“วางใจเถิด ถึงแม้จะมีวันที่ข้าถูกขับออกจากจวนจริงๆ ข้าก็จะไม่เหยียบย่างมาที่จวนสกุลไป๋แม้เพียงสักก้าว”
ความเย็นะเืซึมเข้าไปในแผ่นหลัง หัวใจ และม้ามของไป๋เหล่าฮูหยิน
“เ้า...ทางที่ดีเ้าจดจำคำพูดของตัวเองในวันนี้เอาไว้ให้ดี หากถึงเวลานั้นแล้วเ้าคิดจะเข้ามาในจวนสกุลไป๋ ประตูจวนก็จะไม่เปิดต้อนรับเ้า!”
เมื่อกล่าวจบ ก็มีถ้วยชาลอยมาตกแตกในจุดที่ไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่เมื่อครู่นี้จนเกิดเสียงดัง
ทว่าไป๋เซี่ยเหอเพียงอมยิ้มเ็าที่มุมปาก ก่อนจะย่างกรายออกนอกประตูไป
เมื่อไป๋เซี่ยเหอจากไปแล้ว เงาร่างสายหนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวออกมาจากด้านหลังฉากกันลม
“ท่านย่า ท่านเห็นหรือไม่เ้าคะว่าข้าพูดไม่ผิดเลย” สตรีในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเลปักลวดลายสายน้ำกล่าว ชุดนี้ขับให้นางดูอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
นางถือโอกาสเดินไปที่ข้างกายของไป๋เหล่าฮูหยิน ก่อนจะส่งสายตาให้แม่นมโจว จากนั้นก็เข้าไปยืนแทนที่ตำแหน่งของอีกฝ่าย แล้วบีบนวดให้ไป๋เหล่าฮูหยินอย่างเบามือ
หลายวันมานี้นางได้เรียนรู้วิธีปรนนิบัติผู้คน เพื่อจะทำให้ตนเองกลายเป็ผู้ถูกปรนนิบัติในวันข้างหน้า
“นางคือคนแปลกหน้าสำหรับจวนสกุลไป๋”
ไป๋เหล่าฮูหยินพึมพำ รู้สึกเสียใจเล็กน้อยว่าในปีนั้นไม่ควรปฏิบัติเช่นนั้นกับไป๋เซี่ยเหอเลย
โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ผู้ใดจะคิดว่าไป๋หว่านหนิงที่ถูกตั้งความหวังไว้มากที่สุด ตอนนี้กลับเป็เพียงเช่อเฟยเท่านั้น ไม่ได้รับสินสอดมากมายก็ช่างเถิด ทว่ายังทำให้จวนสกุลไป๋ต้องเสียทรัพย์สินอีก
ทว่าผู้ที่ไม่ถูกดูดำดูดีมากที่สุด กลับแต่งให้เซ่อเจิ้งอ๋องเสียนี่!
แม้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะเ็า ไร้เมตตา และโเี้ ทว่าผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าจวนเซ่อเจิ้งอ๋องคือคลังสมบัติที่รวมเอาของล้ำค่าในแคว้นนี้เอาไว้
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเ้าคะ? ข้าเห็นว่าจวนของเราเป็หนี้มากขึ้นเรื่อยๆ...”
น้ำเสียงของไป๋ซูเหอฟังดูกระอักกระอ่วน ทั้งยังเจือความเศร้าสร้อยเล็กน้อย ทำให้หัวใจของไป๋เหล่าฮูหยินบีบแน่นอย่างอดไม่ได้
พูดตามหลักแล้ว ไป๋เสียนอันมีฐานะเป็ถึงแม่ทัพ ย่อมไม่ขาดแคลนเงินทอง ทว่าผู้ใดให้เขามีมารดาที่เป็จอมล้างผลาญกันเล่า?
เรือนโซ่วอันประดับตกแต่งอย่างโอ่อ่าตระการตา มีเครื่องเรือนล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน
“หากนางไม่ยอมให้จวนสกุลไป๋ของเราใช้ประโยชน์ เช่นนั้นก็...ไม่ต้องให้นางตำแหน่งอันดีงามปานนั้นแล้ว”
ไป๋ซูเหอยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีเป็ธรรมชาติ ใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทว่าในใจกลับดีใจแทบตาย
“เช่นนั้น...ความหมายของท่านย่าคือ?”
“เด็กดี ย่ารู้ว่าเ้าไม่เหมือนพี่ใหญ่ของเ้า เ้าเป็เด็กกตัญญู ต้องช่วยเหลือจวนสกุลไป๋อย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”
“หลานคิดเช่นเดียวกับท่านย่าเ้าค่ะ จวนสกุลไป๋ไม่เพียงแต่เป็บ้านของหลาน ยังเป็ที่พึ่งพิงของหลานด้วย หลานย่อมไม่อาจมองดูมันพังทลาย เพียงแต่เซ่อเจิ้งอ๋องคือพี่เขยของหลาน...”
ไป๋ซูเหอมีสีหน้าเขินอาย ดูลำบากใจเล็กน้อย
ไป๋เหล่าฮูหยินลูบหลังมือของไป๋ซูเหออย่างปลอบโยน “เด็กเอ๋ย อย่าได้ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แม้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะมีสมรสพระราชทาน แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้แต่งเข้าไป เหตุการณ์เหนือความคาดหมายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างนั้น ผู้ใดก็ไม่อาจคาดเดาได้ไม่ใช่หรือ?”
“แต่ว่า หลาน...”
“เอาล่ะ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ่นี้เ้าต้องเรียนรู้กฎระเบียบและมารยาทให้มากเข้าไว้ อย่าได้ทำตัวเหมือนพี่ใหญ่ของเ้า เ้าต้องแบกรับหน้าที่นี้ เป็หน้าเป็ตาของจวนสกุลไป๋และจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง”
หลังออกมาจากเรือนโซ่วอัน
ไป๋ซูเหอหยุดยืนอยู่หน้าประตู ก่อนจะสูดอากาศสดชื่นเฮือกใหญ่
อยู่ข้างกายไป๋เหล่าฮูหยินนั้นช่างอุดอู้ ทำให้หายใจไม่คล่อง
ทว่านางต้องเอาอกเอาใจและเชื่อฟังอีกฝ่ายเท่านั้น จึงจะหาสามีที่ดีและมีอนาคตที่สวยงามได้
“คุณหนูสาม บ่าวคิดว่าทำเช่นนี้ออกจะเสี่ยงเกินไปหน่อยเ้าค่ะ”
ชิงเอ๋อร์กำผ้าเช็ดหน้าและมีท่าทีอ้ำอึ้ง คุณหนูในตอนนี้เปลี่ยนไปเสียจนกลายเป็คนที่นางไม่รู้จัก ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว
ไป๋ซูเหอยกข้อมือของตนเองขึ้น กำไลหยกบนข้อมือดูงดงามไร้สิ่งเจือปน นางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย “ชิงเอ๋อร์ กำไลวงนี้งดงามหรือไม่?”
“งดงามเ้าค่ะ”
ชิงเอ๋อร์ไม่ทราบว่าเหตุใดไป๋ซูเหอถึงได้ถามออกมาอย่างกะทันหัน ทว่านางทำได้เพียงพูดความจริงเท่านั้น
“ใช่แล้ว มันงดงามยิ่งนัก แต่ตัวข้าในอดีตไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่า วันหนึ่งกำไลที่งดงามเช่นนี้จะสวมอยู่บนข้อมือของข้าได้”
มุมปากของนางประดับรอยยิ้มอันล้ำค่า นางคว้ามือของชิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างกาย ก่อนจะวางกำไลหยกลงบนมือของอีกฝ่าย
“ชิงเอ๋อร์ เ้าก็รู้ว่าั้แ่เล็ก ท่านพ่อไม่เอ็นดูข้า ท่านแม่ก็ไม่รักข้า ข้ามีเพียงเ้าเท่านั้น ไม่ว่าข้า้าจะทำอะไร เ้าต้องสนับสนุนข้า เ้าเห็นด้วยหรือไม่?”
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนดุจสายน้ำ ทว่าแฝงไว้ด้วยความเย้ายวนเล็กน้อย
ชิงเอ๋อร์ปรือตาก่อนจะพยักหน้า ทว่ายังคงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “แต่ว่าหากเฉินอี๋เหนียงรู้เข้า นางต้องไม่ยอมพบท่านอีกแน่เลยเ้าค่ะ”
ไป๋ซูเหอแค่นเสียงเบาอย่างดูแคลน “ก็ดี ข้าไม่คิดจะไปดูหน้าอัปลักษณ์ของนางอยู่แล้ว ให้กำเนิดข้าทว่ากลับไม่เลี้ยงดู ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ว่านางดันเสแสร้งวิ่งออกจากจวนอย่างมีเกียรติอะไรนั่นอีก จนทำให้อนาคตของข้าต้องขึ้นอยู่กับความโปรดปรานของท่านพ่อ”
“นางคือคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะตำหนิข้ามากที่สุดบนโลกนี้!”
“ทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นแก่ตัว ทั้งมารดาของข้า ทั้งพี่รอง คำกล่าวที่ว่าความสัมพันธ์ฉันพี่น้องอะไรนั่น เป็เพียงคำลวงที่หลอกข้าจนหัวหมุน ตอนนี้นางลืมเลือนข้าไปนานแล้ว”
“ชิงเอ๋อร์เ้ารู้หรือไม่ว่า หากข้าไม่วางแผนให้ตนเอง ชีวิตนี้ของข้าก็ย่อยยับแล้ว”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ ไป๋ซูเหอก็ส่งเสียงสะอื้นออกมาอย่างอดไม่ได้ และนั่นก็ทำให้ชิงเอ๋อร์ได้สติทันที
“คุณหนู บ่าวไม่ได้มีเจตนาอื่นนะเ้าคะ บ่าวย่อมยืนอยู่ฝั่งเดียวกับท่านอยู่แล้ว ขอเพียงท่าน้า แม้ว่าจะให้บ่าวบุกน้ำลุยไฟ บ่าวจะไม่ยอมแพ้เ้าค่ะ”
“ชิงเอ๋อร์คนดี ข้ามองเ้าไม่ผิดจริงๆ”
ไป๋ซูเหอเช็ดน้ำตา ทว่ามุมปากกลับยกขึ้นเล็กน้อย
ชิงเอ๋อร์เดินตามหลังไป๋ซูเหออย่างไม่รีบร้อน “แต่ว่าคนอย่างคุณหนูรองยังพ่ายแพ้ให้คุณหนูใหญ่ในท้ายที่สุด บ่าวกลัวว่า...”
“กลัวอะไร? เ้าคิดว่าไป๋เซี่ยเหอคือเทพเซียนมาจุติหรือ? นางจะเก่งกาจเพียงใดกัน? พี่รองพ่ายแพ้ให้เศษสวะอย่างนางเพียงเพราะถูกคนประคบประหงมเกินไป หลงคิดไปเองว่าตนเองมีสถานะสูงส่ง ผู้ใดล้วนต้องยอมให้นางถึงสามส่วน”
“นอกจากนี้ เ้าดูความงามอันหยาดเยิ้มและเย้ายวนของไป๋เซี่ยเหอสิ? ไหนเลยจะคู่ควรเป็ว่าที่พระชายาของเซ่อเจิ้งอ๋อง? สตรีที่คู่ควรย่อมต้องเป็คนที่อ่อนโยน มีคุณธรรม เรียบร้อย และใจกว้างอย่างข้า”
เมื่อเห็นแผ่นหลังที่ดูเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างอธิบายไม่ถูกของไป๋ซูเหอ ชิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าควรจะแนะนำอีกฝ่ายอย่างไร ทว่านางกลับรู้สึกว่าคำกล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น นางยังได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ในตอนนี้ไม่ง่ายที่จะต่อกรด้วยแม้แต่น้อย
“แต่ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะทรงยินยอมหรือเ้าคะ?”
ถึงอย่างไรการสมรสก็ถือเป็เื่ใหญ่ เซ่อเจิ้งอ๋องจะยอมให้ผู้คนตัดสินใจตามอำเภอใจหรือ?
ไป๋ซูเหอหยุดฝีเท้า ก่อนจะหมุนกายมาจ้องชิงเอ๋อร์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน
“ชิงเอ๋อร์ เ้าเองก็คิดว่าข้าด้อยกว่าเศษสวะอย่างไป๋เซี่ยเหอเหมือนกันใช่หรือไม่? ขอเพียงข้าแต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋องได้อย่างราบรื่น ทรัพย์สินของเซ่อเจิ้งอ๋องย่อมกลายเป็ทรัพย์สินของข้า เพียงเจียดเงินสักเล็กน้อยมาให้จวนสกุลไป๋ เซ่อเจิ้งอ๋องที่ร่ำรวยขนาดนั้นย่อมไม่ถือสาเป็แน่”
------------------------
[1] ผ้าม่านหร่วนเยียนลัว หมายถึง ลักษณะของผ้าม่านที่ดูเหมือนควันในระยะไกล