การตายของนางกำนัลหลี่ซิ่วเต็มไปด้วยปริศนามากมาย และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หนีเจียเอ๋อร์ไม่อาจสืบหาความจริงได้ ยิ่งนึกถึงโจวชิงหวาซึ่งอยู่ในคุก หญิงสาวก็ยิ่งร้อนใจ
เมื่อหร่วนรั่วสุ่ยเห็นท่าทีร้อนรนของนาง ก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย แต่ตนเป็เพียงนางกำนัลชั้นผู้น้อย จึงช่วยอะไรมิได้มากนัก ยามนี้สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ ก็คงจะมีแค่การปลอบใจอีกฝ่ายเท่านั้น “คุณหนูเ้าคะ คุณชายโจวเป็คนดี ์มีตา ย่อมคุ้มครองคนดีเ้าค่ะ”
หนีเจียเอ๋อร์ตบไหล่นาง แล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดี ข้าจะต้องหาตัวคนร้าย แล้วช่วยโจวชิงหวาออกมาได้แน่”
ซึ่งประโยคหลังนั้น นางกำลังพูดให้กำลังใจตัวเอง...
หลังออกจากวังหลวง หญิงสาวก็มุ่งหน้าไปยังจวนสกุลโจวเพื่อสอบถามสือหวู่ ว่าพอจะมีคนในวัง ที่สามารถช่วยสืบเื่ของหลี่ซิ่วได้บ้างหรือไม่
ตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นบนถนน เป็เหล่าทหารของกู่หังจิ่นที่มาพร้อมม้วนกระดาษในมือ
หนีเจียเอ๋อร์เข้าไปใกล้ รอจนพวกเขาติดป้ายเสร็จ นางก็วิ่งเข้าไปหมายจะอ่านมัน แต่เพราะด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คนที่มาอ่านประกาศ จึงทำให้ยากที่เข้าถึงได้ “ขอโทษนะ ขอทางหน่อย... ขอทางหน่อย”
หญิงสาวต้องใช้ความพยายามอยู่นาน กว่าจะมาถึงหน้าป้ายประกาศ พอไล่สายตาอ่านข้อความบนประกาศ จึงพบว่าเป็ราชโองการของฝ่าา ที่ให้รวบรวมหมอฝีมือดีจากทั่วใต้หล้ามายังวังหลวง เพื่อรักษาพิษให้องค์ชายรัชทายาท หากผู้ใดสามารถรักษาได้ จะตกรางวัลอย่างงาม
รักษาองค์ชาย? ไม่อยากจะคิดเลย ว่ารางวัลตอบแทนจะมากมายสักเพียงใด...
หนีเจียเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่นาน หากตนล้างพิษให้องค์รัชทายาทสำเร็จ ก็จะสามารถร้องขอให้ฮ่องเต้สืบสวนเกี่ยวกับการตายของหลี่ซิ่วได้
เมื่อคิดเช่นนั้น หญิงสาวจึงกลับมาที่วังหลวงอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังตำหนักบูรพาทันที
ตำหนักบูรพานั้น ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวังหลวง ถือเป็ตำหนักที่ดีที่สุดรองมาจากตำหนักฮ่องเต้
...
บัดนี้ หนีเจียเอ๋อร์ยืนอยู่นอกอาคาร และกำลังจะเดินตรงไปยังประตูตำหนักอันงดงาม
กระบี่คมสองเล่มพาดไขว้กันทันที ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “หยุด นี่คือตำหนักขององค์รัชทายาท ผู้ที่มิได้รับอนุญาต ห้ามเข้า!”
หญิงสาวชะงัก ยกยิ้มบางๆ ก่อนกล่าวอย่างนอบน้อม “ข้ามีนามว่าหนีเจียเอ๋อร์ เป็บุตรสาวของขุนนางหนี เสนาบดีกรมพิธีการ ที่จวนมีเื่ด่วน ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอพบหนีเจียเฮ่อ ผู้ติดตามขององค์ชายรัชทายาท ท่านพอจะช่วยตามเขาออกมาพบข้าหน่อยได้หรือไม่?”
กระบี่สองเล่มถูกเก็บเข้าที่เดิม หนึ่งในสององครักษ์พูดว่า “โปรดรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปเชิญใต้เท้าหนีออกมาพบท่าน”
หนีเจียเอ๋อร์โค้งคำนับ “ขอบคุณเ้าค่ะ”
หนึ่งในนั้นตอบกลับ “เป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องเกรงใจ อีกทั้งใต้เท้าหนีก็ดูแลพวกเราเป็อย่างดี ถือเป็เกียรติของเรา ที่ได้ช่วยเหลือใต้เท้าหนี”
หลังจากรออยู่พักใหญ่ หนีเจียเฮ่อก็เปิดประตูออกมา
เมื่อมาถึง เขาก็รีบดึงมือนางไปยังจุดลับสายตาผู้คนหลังก้อนหินใหญ่ทันที พลางถามอย่างเป็ห่วง “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
หนีเจียเอ๋อร์หยิบป้ายหยกของกู่อวี่เสวียนออกมาจากแขนเสื้อ “ข้ายืมป้ายหยกขององค์หญิงใหญ่มา ส่วนเื่อื่นไว้จะอธิบายทีหลัง ท่านพี่ ข้าเห็นราชโองการของฝ่าา ที่ประกาศให้หมอฝีมือดีจากทั่วใต้หล้ามารักษาองค์ชาย ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เมื่อพูดถึงองค์ชาย ท่าทีของเจียเฮ่อก็หดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด องค์รัชทายาทน้อยที่ประพฤติตัวดีมาโดยตลอด กลับต้องมาเจอเื่โหดร้ายเช่นนี้ ช่างเป็เื่ที่เกินจะรับได้จริงๆ
“พิษในร่างกายขององค์รัชทายาทนั้นแปลกมาก จนถึงตอนนี้ หมอหลวงก็ยังไม่พบหนทางที่จะรักษา ทั้งไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามันคือพิษชนิดใด แต่มิใช่เพราะหมอหลวงไร้ความสามารถ หากเป็เพราะพิษนี้อันตรายยิ่งนัก”
หนีเจียเอ๋อร์เริ่มกังวล แต่ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ “ท่านพี่พอจะบอกอาการเบื้องต้นขององค์ชาย ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
หนีเจียเฮ่อพยายามทบทวนถึงสิ่งที่หมอหลวงเคยพูดเอาไว้ “กล่าวกันว่า รูม่านตาของพระองค์หดแคบ กล้ามเนื้อกระตุก หายใจหอบถี่ ทั้งหัวใจยังเต้นผิดปกติอีกด้วย”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “หลังจากได้รับพิษ ริมฝีปากก็เปลี่ยนเป็สีดำ ใช่! ข้าเห็นริมฝีปากพระองค์เปลี่ยนเป็สีคล้ำ ซึ่งเื่นี้ แม้แต่หมอหลวงก็ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสิ่งใด”
เมื่อได้ฟังอาการคร่าวๆ หนีเจียเอ๋อร์ก็รู้สึกคุ้นๆ ราวกับเคยอ่านเจอที่ไหนมาก่อน แต่พยายามนึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก...
ทว่า นางต้องเคยอ่านผ่านตามาจากตำราแพทย์เล่มใดเล่มหนึ่งเป็แน่!
“ท่านพี่ ข้าอาจจะพบวิธีล้างพิษก็ได้ ขอตัวก่อน!” พูดจบ หญิงสาวก็วิ่งออกไปทันที
หนีเจียเฮ่อวิ่งตามมาเพียงสองสามก้าว ก่อนะโไล่หลัง “เดินทางปลอดภัยล่ะ ระวังตัวด้วย!”
หนีเจียเอ๋อร์ตอบกลับ โดยไม่หันมามอง “เข้าใจแล้ว!”
พอกลับมาถึงจวน หญิงสาวก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่กินไม่นอน เอาแต่หยิบตำราแพทย์ทั้งหมดที่ตนมี ออกมาอ่านไม่หยุดหย่อน
ตำราแพทย์เล่มบนสุด เป็หนังสือที่โจวชิงหวามอบให้ นางจึงจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า ดูเหมือนตนจะเคยพบอาการแบบเดียวกันกับองค์ชายเป็ จากหนังสือเล่มนี้
หนีเจียเอ๋อร์จึงหยิบตำราขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น พลางพลิกอ่านไปทีละหน้า ในที่สุด ก็พบสิ่งที่้าบนหน้าที่หนึ่งร้อยแปดสิบสอง หลังจากอ่านทวนอยู่หลายรอบ นางก็เริ่มแน่ใจ
หนีเจียเอ๋อร์ร้องด้วยความยินดี “เสี่ยวเสวียน ช่วยฝนหมึกหน่อย!”
สาวใช้คนสนิทผลักประตูเข้ามา ก่อนฝนหมึกอย่างขะมักเขม้น จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ? เหตุใดจึงดูอารมณ์ดีเช่นนี้ หรือว่าคุณหนูจะหาทางช่วยคุณชายโจวได้แล้ว!”
“แค่พอจะมีหนทางน่ะ ข้ารู้วิธีที่จะล้างพิษให้องค์ชายแล้ว!”
หนีเจียเอ๋อร์ตวัดพู่กัน คัดลอกวิธีรักษาลงในกระดาษ โดยระวังมิให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว เพราะหากเกิดอะไรขึ้น ผลที่ตามมาย่อมกลายเป็หายนะครั้งใหญ่...
เมื่อได้ยินข่าวดี เสี่ยวเสวียนก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “คุณหนู ท่านเก่งยิ่งนักเ้าค่ะ!”
หนีเจียเอ๋อร์กล่าวว่า “หากโจวชิงหวามิได้มอบตำราเล่มนี้ให้ ข้าก็คงไม่อาจหาวิธีรักษาได้”
คัดลอกเสร็จ นางก็ต้องรอเวลาเพื่อให้หมึกแห้ง
...
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านพ้น แทนที่ด้วยแสงแรกแห่งรุ่งอรุณของวันใหม่
หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้นมากินอาหารเช้า และใช้เวลาเกือบหนึ่งก้านธูปไปกับการแต่งกายให้เรียบร้อย สมฐานะของบุตรสาวขุนนางชั้นสูง
นางมองเงาสะท้อนของตนในกระจก เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดี ก็คว้ากระดาษคัดลอกวิธีรักษาขึ้นมา แล้วรีบเดินทางเข้าวังไปหาหนีเจียเฮ่อทันที
...
ภายในท้องพระโรง
กู่หังจิ่นนั่งบนบัลลังก์ั ด้านหน้าคือขุนนางซึ่งยืนขนาบข้างอยู่สองฝั่ง พื้นที่ว่างตรงกลาง มีร่างของหนีเจียเอ๋อร์นั่งอยู่
ด้วยท่าทีสงบนิ่งและแววตาอันแน่วแน่ ทำให้หญิงสาวในตอนนี้ ดูเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ฮ่องเต้จึงจับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา
“แม่นางหนี แม้แต่หมอหลวงก็ยังไม่อาจทำอะไรได้ แต่เ้ากลับบอกว่าตัวเองสามารถรักษาองค์ชายได้ เช่นนั้นหรือ? นี่หาใช่เื่ล้อเล่น ด้วยเกี่ยวข้องกับชีวิตขององค์รัชทายาท และเ้าเองก็มิใช่หมอ แล้วจะให้ข้าฝากชีวิตขององค์ชายไว้กับเ้าได้อย่างไร!”
