เมื่อเซียวเฉินฟื้นขึ้นมา สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุคือห้องอันเรียบง่าย แปลกตา ส่วนตนเองนอนพันผ้าพันแผลทั้งตัวอยู่บนเตียง เมื่อขยับตัวก็เจ็บจนแยกเขี้ยว สูดลมหายใจ
เวลานี้ ประตูห้องเปิดออก บุรุษคนหนึ่งเดินเข้ามา เห็นเซียวเฉินได้สติแล้วมุมปากก็มีรอยยิ้ม “เ้าฟื้นแล้วหรือ? ตอนน้องสาวข้าไปพบ เ้าเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย นึกว่าเ้าไม่รอด คิดไม่ถึงว่าเ้าจะได้สติแล้ว”
“ที่นี่คือที่ใด?”
น้ำเสียงของเซียวเฉินอ่อนแอไร้กำลัง
การต่อสู้ครั้งนั้น ทำให้ภายในและภายนอกของเขาเสียหายสุดขีด ชีพจริญญาภายในร่างกายแทบใช้การไม่ได้ เื่นี้ทำให้เซียวเฉินมีสีหน้าไม่น่าดู
ต่อให้มีคัมภีร์หงสาานิรวาณ ทว่าตอนนี้ภายในร่างกายของเขาก็พังเป็แถบ
ตอนเขายังมีสติรู้สึกว่าตนเองอยู่ในเทือกเขาแห่งหนึ่ง หลังจากได้สติก็นอนอยู่ที่นี่ เซียวเฉินรู้ว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือ
“ที่นี่คือบ้านของข้า หมู่บ้านเหลยถิง เ้าพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ได้” เหลยอวิ๋นถิงกล่าว หลังจากยกอาหารมาไว้ข้างกายของเซียวเฉินแล้ว เขาก็จากไป
เวลานี้ เซียวเฉิน้าพักผ่อน เมื่อเหลยอวิ๋นถิงจากไป เขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง เขาต้องพักรักษาตัว รักษาชีพจริญญาภายในร่าง อวัยวะภายในที่ได้รับาเ็ รวมถึงาแภายนอก ใช้เวลาเกือบหนึ่งวันก็สามารถฟื้นฟูได้
พริบตา เวลาก็ผ่านไปสามวัน สามวันนี้ เหลยอวิ๋นถิงมาส่งอาหารให้เซียวเฉินตามเวลา ทุกครั้งที่เขามา แม้เซียวเฉินหลับอยู่แต่ก็กินอาหารจนเกลี้ยง
รักษาอาการาเ็จำเป็ต้องใช้แรงกายและอาหาร
สามวันต่อมา นอกจากอาการาเ็ภายในแล้ว เซียวเฉินก็ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ เพียงแต่สีหน้ายังซีดขาวจนแทบไร้สีเื ทำให้เซียวเฉินเกิดความรู้สึกว่าตนเองป่วย าแภายนอกสมานตัวแล้ว ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่คืออาการาเ็ภายในและความเสียหายของอวัยวะภายใน
เื่ทุกอย่างนี้ต้องใช้เวลา
ต้องใช้เวลารักษาและซ่อมแซม หากเซียวเฉินไม่มีคัมภีร์หงสาานิรวาณและร่างเทพอัสนี คาดว่าหมัดของลั่วเทียนอู่คงโจมตีสังหารเขาจนตายคาที่ไปแล้ว
ตอนนี้ แม้เซียวเฉินไม่ตาย แต่เขาก็ได้รับาเ็สาหัสจนแทบพิการ
คิดถึงตรงนี้ แววตาของเซียวเฉินก็มีความคิดฆ่าขึ้นมา
“ลั่วเทียนอู่ สถานศึกษาเทียนเฉิน สถานศึกษาเซิ่งเต้า หากข้าเซียวเฉินไม่ตาย วันหน้าต้องกลับแคว้นชางหวงไปฆ่าพวกเ้าทุกคนแน่ ข้าเซียวเฉินต้องชำระแค้นนี้ให้ได้!”
น้ำเสียงของเซียวเฉินเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็งอย่างน่าประหลาด
จากนั้น เซียวเฉินเดินออกจากห้อง เพิ่งออกจากห้องก็ถูกสายตาอันแหลมคมจับจ้อง แล้วเขาก็ได้ยินเสียงไม่เป็มิตร
“เศษสวะ เหตุใดตระกูลเราจึงเลี้ยงเศษสวะอย่างเ้าได้นะ? อายุยี่สิบสามปีแล้ว แต่เพิ่งอยู่แค่ขั้นแรกกำเนิดสี่ชั้นฟ้า!” เสียงดังขึ้นไม่ไกลนัก เซียวเฉินได้ยินแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
อายุยี่สิบสามปีเพิ่งขั้นแรกกำเนิดสี่ชั้นฟ้า เป็เศษสวะจริงๆ
เซียวเฉินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
“เหลยอวิ๋นถิง เ้าช่างมีความสามารถจริงๆ เวลาหนึ่งปี พยายามฝึกวิชามากกว่าคนอื่นหนึ่งเท่าแต่กลับไม่ก้าวหน้า เ้าดูสิ เส้าอวี่ที่อายุเท่าเ้าย่างสู่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าแล้ว ตระกูลเราเลี้ยงเ้าเอาไว้จะมีประโยชน์อันใด ถ้าภายในครึ่งปีเ้ายังไม่บรรลุขั้นแรกกำเนิดเจ็ดชั้นฟ้า ข้าจะขับเ้าออกจากตระกูลเหลย ตระกูลเหลยไม่้าเศษสวะอย่างเ้า”
ฝีเท้าของเซียวเฉินชะงัก
เหลยอวิ๋นถิงคือคนที่ช่วยเขาไว้...
เสียงค่อยๆ เงียบลง เหลยอวิ๋นถิงยืนคอตกอยู่ไม่ไกลนัก สีหน้าของเขาในยามนี้ไม่น่าดู แววตาดื้อรั้น มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น
“เพราะเหตุใด...เหตุใดจึงเป็เช่นนี้!” เหลยอวิ๋นถิงคำรามต่ำๆ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ คำพูดของผู้าุโตระกูลเหลยเมื่อครู่ทิ่มแทงศักดิ์ศรีและจิตใจของเขาอย่างลึกล้ำ
เขาชอบมรรคาบู๊ั้แ่เล็ก ตั้งปณิธานว่าจะเป็ผู้เข้มแข็งด้านวิชายุทธ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่ได้รับผลลัพธ์เท่าที่ลงแรงไป เพราะเขามีพร์จำกัด ดังนั้น ต่อให้เขามีความพยายามมากกว่าคนทั่วไปก็ยังก้าวหน้าอย่างเชื่องช้า ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน คนที่แย่ที่สุดมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าขึ้นไป มีเพียงเขาที่ยังอยู่ขั้นแรกกำเนิดสี่ชั้นฟ้า ตั้งหนึ่งปีแล้วไม่ก้าวหน้าเลยสักนิด
เขามิใช่ไม่พยายาม ตรงกันข้าม เขาพยายามอย่างถึงที่สุด พยายามมากกว่าคนอื่นๆ หนึ่งเท่า แต่ยังเป็เช่นเดิม
ตอนนี้ แม้กระทั่งตระกูลเหลยก็จะทอดทิ้งเขา
หัวใจของเหลยอวิ๋นถิงมีความผิดหวังและไม่ยินยอมพลุ่งขึ้นมาอย่างเข้มข้น
น้ำตาเอ่อ แต่กลับไม่ยอมหยดลงมา
บ่าวรับใช้ที่เดินผ่านด้านข้างก็ถอนหายใจเบาๆ
“นายน้อยอวิ๋นถิงน่าสงสารจริงๆ ฝึกวิชาอย่างยากลำบากแต่ก็ยังเลื่อนขั้นไม่ได้ เฮ้อ...”
“นั่นสิ นายน้อยอวิ๋นถิงมีจิตใจเมตตา นิสัยเถรตรง เหตุใดคนดีจึงไม่ได้ดีนะ”
“์กลั่นแกล้งคน เล่นตลกกับนายน้อยอวิ๋นถิงมาตลอด ดูท่า นายน้อยอวิ๋นถิงจะต่อต้านโชคชะตาไม่ได้”
“...”
เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงอารมณ์โดดเดี่ยวอ้างว้างจึงเดินไปหา เห็นเหลยอวิ๋นถิงเหม่อลอยก็กล่าวว่า “เ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่?”
เหลยอวิ๋นถิงเงยหน้ามองเซียวเฉินแล้วอึ้งนิดๆ จากนั้นใบหน้าเผยรอยยิ้ม “เ้าลงจากเตียงได้แล้ว!”
เซียวเฉินไม่ตอบคำถาม แต่เอ่ยคำพูดเมื่อครู่ซ้ำ “ข้าถามเ้าว่า เ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่?”
เหลยอวิ๋นถิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“แม้ฝันข้าก็อยาก!” จากนั้นก็ยิ้มเย้ยหยันตนเองอีก ใครบ้างไม่อยากแข็งแกร่ง? แต่เขาจะทำได้หรือ? คุณสมบัติและพร์เช่นตนเองอาจจะเป็เศษสวะโดยกำเนิด จ่ายค่าตอบแทนเป็ความพยายามเหนือกว่าผู้อื่นแต่กลับไม่ได้สิ่งใดตอบแทน
การโจมตีทั้งหมดแทบทำให้ความเชื่อมั่นของเขาพังทลาย
สิ่งที่ประคองเขาไว้ในตอนนี้เหลือเพียงความยึดติดและการปกป้องเท่านั้น
เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?
ชาติหน้ากระมัง...
เซียวเฉินเห็นสีหน้าของเหลยอวิ๋นถิงจึงกล่าวต่อไปว่า “เ้ารู้สึกว่าเป็ไปไม่ได้หรือ? เช่นนั้น ข้าจะเล่านิทานให้เ้าฟังเื่หนึ่งเป็อย่างไร? อยากฟังหรือไม่?”
เหลยอวิ๋นถิงผงกศีรษะ
“ในอดีต มีบุคคลผู้หนึ่งเกิดในตระกูลสูง เป็บุตรชายคนโตในภรรยาเอก แต่เพราะฝึกวิชาไม่ได้จึงถูกเหยียดหยามรังแก เป็นายน้อยแต่กลับมีชีวิตเช่นบ่าวรับใช้ทุกวัน สุดท้ายถูกขับออกจากตระกูล แต่เด็กหนุ่มคนนั้นมีหัวใจของผู้เข้มแข็ง เขาพยายามฝึกวิชา เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต สุดท้ายเขาฝึกวิชาจนมีความสำเร็จอยู่บ้าง และกลับไปสังหารคนทั้งตระกูลเพื่อล้างอาย”
เซียวเฉินเอ่ยอย่างราบเรียบ แต่ดึงความสนใจจากเหลยอวิ๋นถิงได้ เขามองเซียวเฉิน ส่วนเซียวเฉินยิ้ม
“ข้าคือนายน้อยเศษสวะผู้นั้น ปีนี้ข้าอายุสิบแปดปี มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้า”
ประโยคเดียว ทำเอาเหลยอวิ๋นถิงเบิกตาโต
อายุสิบแปดปี มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้า!
เื่นี้เป็ความจริงหรือ ต้องรู้ก่อนว่า ในหมู่บ้านเหลยถิง คนอายุยี่สิบปีที่บรรลุขั้นเสวียนฟ้ามีอยู่นับนิ้วได้ ขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้ามีเพียงเหลยเผิงลูกพี่ลูกน้องของเหลยอวิ๋นถิงที่บรรลุ แต่เหลยเผิงอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ไม่มีทางเทียบเซียวเฉินได้เลย!
“สิ่งที่เ้าพูดเป็ความจริงหรือ?” หลังจากที่เหลยอวิ๋นถิงใ เขาก็มองเซียวเฉินด้วยสีหน้าสงสัยอยู่บ้าง เื่นี้ทำให้เซียวเฉินยิ้ม
“เ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
ระหว่างที่พูดจาก็ใช้อานุภาพกดดันมหาศาลกดทับไปทางเหลยอวิ๋นถิง ทำให้เหลยอวิ๋นถิงมีสีหน้าแปรเปลี่ยนในพริบตา เขารู้สึกว่าพื้นที่ว่างรอบด้านมีพลังกดดันมหาศาลกดทับใส่ตนเอง ลมหายใจเปลี่ยนเป็กระชั้น
ความรู้สึกเช่นนี้ แม้แต่เหลยเผิงก็เทียบไม่ติด
ยามนี้ เขามองเซียวเฉิน แววตากระตือรือร้นและนับถือ
จากนั้น คุกเข่ากับพื้น กล่าวว่า “ข้ายินดีกราบเ้าเป็อาจารย์!”