หานหลินเยว่เงยหน้าขึ้นมองไปทางห้องพิเศษ ตี้ เช่นกัน ดวงตาของนางเปล่งประกายเจิดจ้า “พวกเราต้องเชื่อมั่นในตัวนาง! นางมักจะสร้างปาฏิหาริย์เสมอ ทำเื่ที่เป็ไปไม่ได้ให้เป็ไปได้ ครั้งนี้จะต้องไม่ใช่ข้อยกเว้นแน่นอน!”
หานไท่ฟู่พยักหน้าเห็นด้วย เด็กสาวคนนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเขามากมายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงพ่ายแพ้ให้กับนางครั้งแล้วครั้งเล่า!
ต่อมา บนกระดานหมาก หมากขาวใคร่ครวญอยู่นาน ปาฏิหาริย์ที่พวกเรารอคอยกลับไม่เกิดขึ้น
ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ นาทีนี้เฟิ่งเฉี่ยนกำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกายและสภาพจิตใจ
มีคนมากมายไม่เข้าใจและมองนักเดินหมากล้อมเช่นซือคงเซิ่งเจี๋ยไม่ออก ทว่านางกลับมองออกทันที นี่เป็ค่ายกลใหม่ที่ซือคงเซิ่งเจี๋ยเพิ่งจะคิดออกมาได้ เป็ค่ายกลที่เรียกได้ว่า เป็ค่ายกลอัจฉริยะ!
สาเหตุที่ขนานนามมันว่า อัจฉริยะ นั่นเป็เพราะในค่ายกลนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป กล่าวว่ามันไร้ขอบเขตก็ไม่เกินไปนัก วิธีการรับมือย่อมยากจะทำลายเช่นกัน
ที่นางยังไม่เดินหมากก้าวต่อไปเสียที มิใช่เพราะนางไม่รู้จะวางตำแหน่งใด แต่เป็เพราะทางเลือกที่มีให้นางเลือกมีมากเกินไป ทุกๆ ก้าวจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างไร้ขอบเขต ทันทีที่นางเดินผิด จะส่งผลให้ทุกอย่างตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ตายอย่างไร้หลุมฝังศพ!
หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็ท่าไม้ตายปลิดชีพแปดในสิบส่วน!
ทันทีที่ค่ายกลนี้เริ่มขึ้น ไม่ใช่เ้าตายก็ข้าม้วย หากไม่อาจควบคุมคู่ต่อสู้ได้ เช่นนั้นก็ต้องทำลายตนเอง!
จึงกล่าวได้ว่าค่ายนี้อันตรายยิ่งยวด ทั้งสองฝ่ายจำเป็ต้องพุ่งสมาธิและพละกำลังทั้งหมดลงในการเดินหมาก จะเดินพลาดไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว!
เดินพลาดก้าวเดียวแพ้ทั้งกระดาน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็การประลองความสามารถในการคำนวณล้วนๆ ดูว่าความสามารถในการคำนวณของผู้ใดที่แม่นยำกว่ากัน!
เฟิ่งเฉี่ยนในตอนนี้ เพราะร่างกายเปียกชุ่มนานเกินไป ความหนาวเย็นกัดกร่อนร่างกาย ร่างของนางเริ่มสั่นสะท้านน้อยๆ สมองของนางไม่อาจรวบรวมสมาธิได้เต็มร้อย
ดังนั้น นางจึงตัดสินใจไม่ได้
และเทพเ้าแห่งความโชคร้ายยังมีผลอีกหนึ่งชั่วยาม นางไม่แน่ใจว่านางจะผ่านไปได้หรือไม่
เวลาหนึ่งกาน้ำชาผ่านไป!
เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป!
หมากขาวยังคงไม่เคลื่อนไหว!
คนทั้งหมดงงงันอยู่กับที่ หรือหมากขาวไม่มีทางสู้แล้วจริงๆ
หลานเยว่หรูเห็นเช่นนั้น จึงอดที่จะซ้ำเติมไม่ได้ “ก็ไม่เท่าไหร่!”
ทันทีที่สิ้นเสียง สายตาของทุกๆ คนพุ่งมาที่นางราวกับลูกธนู ราวกับนางพูดอะไรบางอย่างที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง แต่ละคนมองนางราวกับเป็ศัตรู!
“แม่นาง ตกลงเ้าอยู่ฝ่ายใดกันแน่”
“เ้าไม่สนับสนุนแม่นางเฟิงได้ แต่เ้าอย่าพูดจาไม่เป็สิริมงคล!”
“ตกลงเ้าเป็คนแคว้นเป่ยเยียนหรือไม่ ไฉนจึงไม่รักชาติรักแผ่นดินแม้แต่นิดเดียว”
หลานเยว่หรูลอบขบฟัน เจอผีแล้วจริงๆ เหตุใดคนพวกนี้จึงปกป้องเฟิงเฉี่ยนปานนั้น แต่ละคนถูกนางล้างสมองไปแล้วใช่หรือไม่”
ไม่ไกลออกไปนัก ผู้ชมจากแคว้นหนานเยียนเห็นเหตุการณ์นี้จึงได้แต่พากันหัวเราะครืน
“แม่นางที่สวมผ้าโปร่งท่านนั้น ไม่สู้มานั่งกับพวกเราที่นี่ พวกเราที่นี่ไม่มีใครขัดขวางเ้าบ่อนทำลายแม่นางเฟิง!”
“ถูกต้อง เ้ามานั่งที่พวกเรานี่ พวกเราไม่เพียงไม่ขัดขวางเ้า แต่จะช่วยเหลือและสนับสนุนเ้าเหยียบย่ำแม่นางเฟิงอีกด้วย!”
“มานี่เถิด! พวกเรายินดีต้อนรับเ้า!”
“มานี่เถิด!”
“ฮ่าๆๆ...”
สีหน้าของหลานเยว่หรูยิ่งย่ำแย่ลง นางนั่งต่อไปไม่ไหว จึงลุกพรวดขึ้นแล้วไปจากชุมนุมหมากล้อมทันที
“น้องสาว เ้าจะไปไหน” รอข้าด้วย--” หลินไห่เฟิงเห็นเช่นนั้นได้แต่รีบลุกตามไป
เพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ขาของหลานเยว่หรูพลันสะดุดสิ่งของบางอย่างเข้า ร่างของนางล้มคะมำไปด้านหน้า!
เห็นอยู่กับตาว่าใบหน้าของนางกำลังจะกระแทกกับพื้น หลินไห่เฟิงตาไวมือไวประคองนางเอาไว้ได้ทัน จึงทำให้นางพ้นเคราะห์มาได้
หลานเยว่หรูหน้าตาแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย นางหันไปมองคนทั้งหมด “ใคร ใครที่ลอบโจมตีข้า”
สวบ!
กระบี่ยาวชักออกจากฝัก
หลานเยว่หรูดึงกระบี่ประจำกายออกจากเอว นางโกรธแล้วจริงๆ!
องครักษ์ชุดดำสวมเกราะกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นรอบๆ ชุมนุมหมากล้อมในตอนนี้เอง หลานเยว่หรูถูกล้อมไว้ทันที
“บังอาจ! ผู้ใดกล้าลอบทำร้ายองค์ไท่จื่อและองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยียนของพวกเรา” องครักษ์ที่เป็หัวหน้าตวาดเสียงเข้ม
คนทั้งหมดตกตะลึงทันที
คิดไม่ถึงว่าไท่จื่อแห่งแคว้นหนานเยียนได้ซุ่มวางยอดฝีมือไว้รอบๆ ชุมนุมหมากล้อมมากมายเช่นนี้ พวกเขาเห็นหลานเยว่หรูดึงกระบี่ออกมา จึงเข้าใจว่าหลานเยว่หรูคิดจะลอบทำร้ายไท่จื่อและองค์ชายสามทันที ดังนั้นพวกเขาจึงปรากฏตัวออกมา!
ดวงตาทั้งคู่ของหลานเยว่หรูหดแคบลงอย่างคิดไม่ถึง เมื่อเห็นว่ายอดฝีมือแต่ละคนล้วนมีความสามารถเหนือนาง นางไหนเลยจะสู้พวกเขาได้
มือที่กุมกระบี่เริ่มสั่นน้อยๆ...
หลินไห่เฟิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบก้าวขึ้นข้างหน้าแล้วชิงกระบี่ในมือของนางพร้อมกับหันไปพูดกับหัวหน้าองครักษ์ “เข้าใจผิด! เป็ความเข้าใจผิดโดยแท้!”
หัวหน้าองครักษ์มองประเมินคนทั้งสองด้วยสายตาเ็าปราดหนึ่ง เขาพูดเสียงเย็น “ไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
“เ้า...” หลานเยว่หรูเป็ถึงคุณหนูใหญ่ของสกุลหลาน ศิษย์ผู้มีความโดดเด่นของสำนักศึกษาเทียนหง เคยถูกดูิ่ดูแคลนเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน นางกำหมัดแน่น หันไปมองหัวหน้าองครักษ์ด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะ “เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร เ้าถึงกับกล้าสั่งให้ข้าไสหัวไปหรือ”
คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าองครักษ์ผู้นั้นจะเป็คนหัวแข็งคนหนึ่ง เขาไม่สนใจนางสักนิด ซ้ำยังกล่าววาจาถากถาง “พวกเราเป็องครักษ์คนสนิทขององค์ไท่จื่อแห่งแคว้นหนานเยียน พวกเราฟังเพียงคำสั่งขององค์ไท่จื่อเท่านั้น ต่อให้พวกเ้าเป็เชื้อพระวงศ์ของแคว้นเป่ยเยียน พวกเราก็ไม่กลัว ยิ่งไปกว่านั้น หากยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็รีบหายตัวไปจากสายตาของข้าเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้ว...”
เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น เหล่าองครักษ์ผู้ที่ติดตามค่อยๆ ดึงกระบี่ยาวออกมา รังสีสังหารเข้มข้น
หลานเยว่หรูโมโหแทบคลั่ง!
นางสั่นไปทั้งตัว!
วันนี้เป็อะไร เหตุใดทุกคนจึงเป็ปรปักษ์กับนาง
ใครบอกเฟิงเฉี่ยนถูกเทพเ้าแห่งความโชคร้ายตามตัว
นางต่างหากเล่าที่ถูกเทพเ้าแห่งความโชคร้ายตามตัว!
ลำดับแรกถูกน้ำแกงร้อนๆ รดใส่หน้าอก ต่อมาถูกคนรอบด้านบีบคั้นกดดัน จากนั้นถูกคนของแคว้นหนานเยียนเยาะเย้ย สุดท้ายยังถูกคนลอบโจมตี ตอนนี้ถูกองครักษ์ของแคว้นหนานเยียนลบหลู่ดูิ่ สั่งให้นางไสหัวไปต่อหน้าธารกำนัล...วันนี้เป็วันที่นางมีเคราะห์แน่นอน!
ซวยที่สุด!
“พวกเ้าดี พวกเ้าดีเหลือเกิน! พวกเราคอยดูกันต่อไป!” หลานเยว่หรูขบฟันแน่น กล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่งแล้วหันหลังจากไป
“น้องสาว! น้องสาว!” หลินไห่เฟิงรีบตามไป
หัวหน้าองครักษ์หัวเราะเสียงเย็น เขาโบกมือให้องครักษ์เสื้อเกราะทั้งหมดถอนกำลังทันที ทุกคนสลายตัวแยกย้ายไปตามมุมต่างๆ ของชุมนุมหมากล้อม
เฟิ่งเทียนรุ่ยเห็นทุกอย่างทว่ากลับไม่มีอารมณ์จะหัวเราะ ซือคงจวินเย่ลอบวางกำลังองครักษ์เสื้อเกราะไว้รอบๆ ชุมนุมหมากล้อม เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
เขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีรางๆ
ในวังหลวง บรรดาขุนนางเงยหน้ารอเนิ่นนาน ไม่เห็นหมากขาวเคลื่อนไหว ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
“หมากขาวไม่ไหว ความสามารถห่างชั้นกันเกินไป!”
“หมากดำควบคุมเกมการเดินหมากทั้งหมดแล้ว!”
“หมากขาวคิดจะพลิกสถานการณ์ ยาก! ยาก! ยาก!”
“ดูท่าแล้วข้าวางเดิมพันถูกข้าง เซียนหมากล้อมก็คือเซียนหมากล้อม อาศัยความสามารถที่แท้จริง!” เฟิ่งชังมีสีหน้าราวกับเขาคาดการณ์ทุกอย่างถูกต้อง “ที่จริงฝีมือการเดินหมากของแม่นางเฟิงไม่เลวเช่นกัน เพียงแต่นางเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับแนวหน้าเช่นซือคงเซิ่งเจี๋ย พ่ายแพ้นั้นเป็เื่ธรรมดา!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้