"หลันฮวา เ้าไปดูเป็เพื่อนเสี่ยวเหล่ย ตามฟางขุยมาด้วย ไม่รู้ว่าจิ้งจอกผู้นั้นส่งเ้ากระทิงป่าเถื่อนมาทำไม"
"พี่สาว ข้าทราบขอรับ หากเขาสอบถามสถานะของพวกเรา ห้ามบอกเป็อันขาด" ดวงหน้าน้อยของเซวียเสี่ยวเหล่ยเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา
"อื้ม ไม่ต้องตรงขนาดนั้น ตัวอย่างเช่น เขาถามว่าพวกเ้ามาจากไหน เ้าก็บอกว่ามาจากทางใต้ จะไปที่ใด ก็บอกว่าจะขึ้นเหนือ แค่ไม่บอกรายละเอียดสถานที่ก็พอ แล้วก็ถ้าเขาถามว่าพวกเราเกี่ยวข้องกับเ้าของคฤหาสน์นี้อย่างไร เ้าก็บอกว่าผู้าุโขอยืมพักชั่วคราวไม่กี่วัน พี่เหลียนของเ้าก็นับว่าเป็าุโกระมัง ฮ่าๆ ใช้คารมปั่นหัวเขาสักหน่อย หากไม่รู้จะรับมืออย่างไรจริงๆ ก็ให้ฟางขุยเป็คนคุย"
เซวียเสี่ยวหรั่นตบๆ บ่าเล็กจ้อยของเขา
เซวียเสี่ยวเหล่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง แสดงออกว่าเข้าใจ
"คุณหนูวางใจได้ มีข้าดูอยู่ จะไม่ให้กระทิงเถื่อนผู้นั้นรังแกนายน้อยได้อย่างเด็ดขาด" อูหลันฮวาตบอกรับประกัน
"เอาล่ะ ไปเถอะ ไม่ต้องสนทนากับเขานานเกินไป เหนื่อยก็ยกน้ำชาส่งแขก"
เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือส่งพวกเขาออกไป ส่วนตนเองก็อยู่ดูอาเหลยในสวนดอกไม้ต่อไป
หงกูยกถาดเคลือบเงาสีดำเดินจากทางเดินซึ่งแวดล้อมไปด้วยหมู่ผกาและพรรณไม้เขียวขจีเข้ามาในศาลา
"คุณหนูเซวีย ห้องครัวตุ๋นน้ำแกงเมล็ดบัวเห็ดหูหนูขาวน้ำตาลกรวดมาให้เ้าค่ะ" นางวางน้ำแกงเมล็ดบัวเห็ดหูหนูขาวน้ำตาลกรวดลงบนโต๊ะ
"อ้อ ขอบคุณหงกู"
ยามเห็นเงาร่างของนาง เซวียเสี่ยวหรั่นก็เริ่มนั่งตัวตรงเรียบร้อยไม่กระโตกกระตาก
อกผายไหล่ผึ่งหลังตั้งตรง เก็บคาง สองตามองตรงไปข้างหน้า สองมือวางประสานเรียบร้อยที่เอว
นี่คือท่านั่งที่เซวียเสี่ยวหรั่นแอบสังเกตมาจากเมิ่งหว่านเหนียง เธอลองเลียนแบบ ท่วงท่าโดยรวมคงไม่เลวเท่าไร
หงกูยกน้ำแกงเข้ามาตั้งเรียบร้อย ก็ถอยออกไปยืนด้านข้างอย่างช้าๆ พอเห็นนางนั่งตัวแข็งทื่อ ดวงตาของหงกูพลันฉายแววยิ้มจากก้นบึ้ง
ในฐานะหมัวมัวผู้ดูแลจวนองค์ชาย ปรกติหงกูมีการงานต้องดูแลเยอะมาก เื่กฎเกณฑ์ มารยาทเหล่านี้เดิมทีก็ไม่อยู่ในขอบข่ายความรับผิดชอบของนาง
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงมักถูกผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็หมัวมัวผู้อบรมอยู่เสมอ หงกูยิ้มขื่น อาจเป็เพราะใบหน้าของตนเองเคร่งขรึมเกินไปกระมัง
องค์ชายให้ความสำคัญกับสตรีผู้นี้ แม้ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะกลายเป็เ้านายคนใหม่หรือเปล่า แต่ลำพังแค่นางช่วยดูแลองค์ชายยามต้องพิษไร้กำลังก็เป็บุญคุณยิ่งใหญ่เทียมฟ้าแล้ว
ต่อให้ไม่ใช่เ้านายคนใหม่ แค่บุญคุณเหล่านี้ ก็เพียงพอให้พวกนางยินดีแทนคุณด้วยความซื่อสัตย์ภักดี
เซวียเสี่ยวหรั่นดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวอย่างไม่นำพา สายตาคอยเหลือบมองหงกูอยู่เป็ระยะ ทำไมต้องมายืนเฝ้ากันด้วย น่าอึดอัดจะตาย หรือจะรอจนกว่าเธอกินเสร็จ เก็บถ้วยชามหรือไร
พอคิดแบบนี้ ก็กินน้ำแกงเมล็ดบัวอีกสองสามคำ แล้ววางช้อนเงินในมือลง
คิดในใจว่าครานี้ควรเก็บถ้วยกับช้อนไปได้แล้วกระมัง
หงกูกลับไม่ขยับอยู่นาน ยังคงถือถาดสีดำด้วยสีหน้านอบน้อมยืนอยู่ด้านข้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นจนใจอย่างมาก ได้แต่นั่งตัวตรงต่อไปเรื่อยๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่ อาเหลยก็วิ่งกลับมา
"เจี๊ยกๆ" มันะโเข้ามาข้างกายเซวียเสี่ยวหรั่น ขณะกำลังจะเกาะต้นขาตามความเคยชิน ก็ถูกเซวียเสี่ยวหรั่นคว้ามือเล็กๆ ของมันไว้ก่อน
"เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามดึงเสื้อผ้า อย่าเพิ่งวุ่นวาย ข้าจะรินน้ำให้ดื่ม"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบถ้วยสีแดงใบเล็กของอาเหลยจากด้านข้าง แล้วเทน้ำชาใส่ครึ่งถ้วย
"เอ้า ถือดีๆ ดื่มน้ำอย่าให้หกออกมาล่ะ"
อาเหลยนั่งยองๆ ที่พื้น ยกถ้วยสีแดงขึ้นมาดื่ม แม้ว่าจะมีน้ำไหลจากมุมปากอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว
หงกูเห็นแล้วก็ประหลาดใจ มองอยู่หลายคราโดยไม่รู้ตัว
ลิงตัวนี้แสนรู้จริงๆ ยกถ้วยน้ำชาดื่มเองก็เป็
"ยังอยากเล่นต่อไหม หากไม่เล่นแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นถามพลางชี้ไปที่สวนดอกไม้
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยวางถ้วยสีแดงกลับไปที่โต๊ะ ดวงตาสุกใสกลอกสองสามรอบ ก่อนะโข้ามรั้วออกไปเล่นอีกรอบ
ดูท่าจะยังเล่นไม่พอ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงต้องเฝ้าลิงเล่นต่อไป
ผ่านไปไม่นาน เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าก้นของตนเองนั่งจนปวดไปหมดแล้ว จึงลุกขึ้นเดินลงบันไดอย่างเอ้อระเหย คิดจะออกไปเดินให้ทั่ว
หงกูติดตามมาทันที
"หงกู มีงานอะไรก็ไปทำเถอะ อย่าเอาแต่ตามข้าเลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นทนไม่ได้ ฉีกยิ้มพลางเอ่ยวาจา
"คุณหนู ท่านไม่ชอบมีสาวใช้ปรนนิบัติใกล้ตัว แต่แม่นางหลันฮวาไม่อยู่ ข้างกายท่านจำเป็ต้องมีคนติดตาม"
หงกูรู้ว่านางไม่ชอบให้ตนเองติดตาม แต่จะทิ้งนางไว้คนเดียวในสวนก็ไม่ได้เช่นกัน
ที่แท้เพราะเธอไม่มีคนติดตามข้างกาย ดังนั้นหงกูถึงตามอยู่ตลอด เซวียเสี่ยวหรั่นลูบจมูก เอาเถอะ เมื่อเป็เช่นนี้ให้นางตามก็ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเล่นในสวนดอกไม้เล็กๆ กล่าวว่าเป็ส่วนดอกไม้เล็กแต่แท้จริงก็ไม่เล็ก กลางฤดูร้อนดอกไม้ในสวนบานสะพรั่ง เสียงสกุณาขับขานแว่วมาจากพุ่มไม้เป็ระยะ ขับเสริมบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา
ดอกกุหลาบสีชมพู ดอกพุดสีขาวบริสุทธิ์ ดอกเสาเย่าเย้ายวน ยังมีดอกไม้ประหลาดที่ไม่รู้จักชื่อกำลังประชันความงาม และขับเสริมซึ่งกันและกัน
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินไปตามทางแคบๆ หัวใจผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว ลืมสิ้นว่ามีหงกูติดตามอยู่ด้านหลัง ยลบุปผางามหลากสีสันอย่างละเอียด
"คุณหนู..."
เสียงอูหลันฮวาดังขึ้น เซวียนเสี่ยวหรั่นถึงได้สติกลับมา
เดินย้อนทางเดิมกลับไปยังศาลา อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยเห็นหงกูตามนางอยู่ด้านหลัง ก็ยืนตัวตรงโดยไม่รู้ตัว
หงกูถึงเก็บถ้วยกับช้อนบนโต๊ะ แล้วถอยออกไปอย่างนอบน้อม
"คุณหนู หงกูมาได้อย่างไรเ้าคะ" อูหลันฮวาถามเสียงเบา
อาจเป็เพราะทราบว่าไม่เป็ที่พอใจ ่สองวันมานี้หงกูจึงแทบไม่ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าเซวียเสี่ยวหรั่น
"อ้อ อาจเพราะเห็นข้าอยู่ที่นี่คนเดียว นางก็เลยมา" เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งลง "เคอตาผู้นั้นเป็อย่างไรบ้าง เหตุใดพวกเ้าถึงไปนานนักล่ะ"
"คนผู้นั้นช่างหน้าหนายิ่งนัก นายน้อยยกชาส่งแขกตั้งหลายรอบ แต่เขาแสร้งทำมองไม่เห็น" พูดถึงเื่นี้ อูหลันฮวาก็มีน้ำโห
"เขาถามอะไรบ้างล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นถาม
"เหมือนที่พี่สาวคิดไว้เปี๊ยบเลยขอรับ ถามว่าพวกเรามาจากไปไหน บ้านอยู่แห่งหนใด ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ และจะอยู่นานเท่าไร"
ดวงหน้าเล็กจ้อยของเซวียเสี่ยวเหล่ยบึ้งตึง ย้อนนึกถึงถ้อยคำของตนเองเมื่อครู่นี้ก็ไม่พบว่ามีรูรั่วตรงไหน
"อืม นั่นมันแน่อยู่แล้ว เมื่อวานยามเห็นพวกเราเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ สายตาของพวกเขาก็ผิดปรกติแล้วล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบคาง คิดว่าคงเป็เพราะคฤหาสน์หลังนี้ใหญ่โตโอ่อ่า ดึงดูดความสนใจของจิ้งจอกบ้านข้างเคียง
"ช่างเถอะ มิต้องไปสนใจพวกเขา อย่างไรเสียพวกเราก็พักอยู่แค่ไม่กี่วัน"
เซวียเสี่ยวหรั่นโยนเื่นี้ออกไปจากสมอง
"นายท่าน เด็กผู้นั้นเ้าเล่ห์นัก ถามสิ่งใด เขาก็ตอบแบบอ้อมค้อม อะไรคือมาจากทางใต้ กำลังจะขึ้นเหนือ บ้านพักก็มีผู้ใหญ่ช่วยจัดการให้ เขาไม่ทราบรายละเอียด พยายามหลอกถามด้วยวิธีไหนก็ไม่หลงกลเลยขอรับ"
เคอตาหน้าดำกลับมา
ซ่งจิ่งซีโบกพัดจีบในมือ ใบหน้าฉายแววคลุมเครือ
"ยิ่งปกปิด ก็ยิ่งเผยพิรุธ ให้คนเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวที่นั่นตลอดเวลา"
"ขอรับ จะเฝ้าจับตาอย่างเข้มงวดแน่นอน" เคอตารับปากด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
