หลังออกจากห้องสองสามีภรรยาเฒ่ามา เจิ้งหยวนก็ยกชามสองใบไปตักน้ำล้างที่ลานบ้าน เจิ้งเอ๋อตามหลังเธอออกมาติดๆ ด้วยเช่นกัน
“คูปองนี้ ให้เธอใช้ดีกว่า…” เจิ้งเอ๋อกำคูปองผ้าสองใบไว้ในมือแน่นตลอดเวลา หลังออกมาก็ตั้งท่าจะยัดใส่มือเจิ้งหยวนเสียให้ได้ ทว่าเจิ้งหยวนกลับชักมือหนีและเอ่ยว่า “ฉันไม่เอาจริงๆ พี่ พี่เก็บไว้เถอะ”
เจิ้งเอ๋อยัดเยียดให้อีกที “อย่าเลย แกแต่งงานนะ ต่อให้ไม่ทำผ้าห่ม ก็เอาไว้ตัดเสื้อชุดใหม่ให้ตัวเองก็ได้นี่”
เจิ้งหยวนวางชามลงบนก้อนหินข้างบ่อน้ำ แล้วดันคูปองผ้าสองใบคืน “ฉันไม่เป็ไรจริงๆ พี่ พี่เขยให้มันกับพี่ หากพี่ยกคูปองให้ฉัน พี่เขยจะไม่โกรธเหรอ”
ชาติก่อนเจิ้งเอ๋อตายเพราะคลอดยาก แม่สามีของเจิ้งเอ๋อจะให้เธอคลอดลูกที่บ้านให้ได้ ผลสุดท้ายพอคลอดยากแม่สามีก็ตัดสินใจช่วยเด็กก่อน ขนาดศตวรรษที่ 21 ยังเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้บ่อยครั้ง นับประสาอะไรกับยุคสมัยนี้ แถมยังเป็ลูกคนแรกที่เจิ้งเอ๋อเพิ่งได้มาหลังแต่งงานมาหลายปีด้วย แม้เจิ้งหยวนจะชิงชังครอบครัวสามีของเจิ้งเอ๋อแค่ไหน แต่เธอยังหวังให้พี่สาวเธอกับพี่เขยใช้ชีวิตกันอย่างดี เมื่อเจิ้งเอ๋อตั้งครรภ์ในอีกหลายปีข้างหน้า เธอค่อยเตือนพวกเขาว่าต้องไปคลอดที่โรงพยาบาลเอาก็ได้ ถูกต้องที่พี่เขยยอมจนเจิ้งเอ๋อตายบนเตียงผ่าตัดั้แ่ยังสาว ทว่าเจิ้งหยวนก็รู้ดี พวกเขาชนชาติจีนให้ความสำคัญกับการสืบทอดวงศ์ตระกูล เห็นความสำคัญของเด็กกับพี่สาวมากที่สุด เธอเรียกร้องอะไรไม่ได้ คูปองผ้าสองใบเป็น้ำใจของพี่เขย เธอจะรับน้ำใจส่วนนี้มาเป็ของตัวเองได้อย่างไร?
เจิ้งเอ๋อไม่รู้คิดอะไรอยู่ ตัวสั่นเทาขึ้นมากะทันหัน ถึงกระนั้นก็ไม่เกลี้ยกล่อมให้เจิ้งหยวนรับคูปองผ้าอีก
เจิ้งหยวนไม่คิดมากอะไร ส่วนเจิ้งเอ๋อช่วยเธอกดน้ำ สองสามรอบก็ล้างชามจนสะอาดแล้ว
เจิ้งเอ๋อไม่ได้อยู่บ้านนานนัก ครั้นคุยกับเฉินชุ่ยอวิ๋นและเจิ้งหยวนหลังเจิ้งเฉวียนกังไปสำนักงานต่อสักพักก็จะไปแล้ว ก่อนจะไป เฉินชุ่ยอวิ๋นยังให้เจิ้งหยวนหยิบปลาหนีชิว [1] กับปลาไหลนาหลายจินที่ห้องครัวให้เจิ้งเอ๋ออีกด้วย
“หลายวันนี้พี่ชายแกพาเทียนเลี่ยงไปที่บึงโคลนหลังเลิกงาน จับมาได้หลายตัวทุกวัน ที่บ้านกินไม่หมด แกเอาไปสองจินเถอะ” เฉินชุ่ยอวิ๋นบอก
แม้เจิ้งเอ๋อจะไม่ได้กลิ่นเนื้อมานานแล้ว แต่ก็ยังพูดปฏิเสธไม่หยุดหย่อน ทว่าสุดท้ายก็โดนเจิ้งหยวนยัดใส่มืออยู่ดี
หลังพี่สาวกลับไป เฉินชุ่ยอวิ๋นหันมาถอนหายใจเฮือกใหญ่กับเจิ้งหยวน “นิสัยพี่สาวแกน่าเป็ห่วงนัก… ขนาดแต่งงานไปสองปีแล้วก็ยังไม่ตั้งครรภ์ ต้องโดนรังแกที่บ้านสามีแน่นอน กลับบ้านมาก็ไม่เล่าอะไร คิดว่าคนเดาไม่ออกเหรอ ดูสิ ตัวผอมเชียว! ไม่รู้เหมือนกันว่าปลาหนีชิวสองจินจะตกถึงท้องพี่แกไหม”
แม่ของเธอเป็เดือดเป็ร้อนแทนลูกสาว!
เจิ้งหยวนเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปลอบเฉินชุ่ยอวิ๋น “ของที่บ้านเดิมให้ สกุลจางไม่พอใจแค่ไหน ก็ต้องให้พี่สาวกินสักคำแหละค่ะ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นชะงักไปพักหนึ่งและบ่นพึมพำกับตัวเอง “นี่ แกว่าฉันทำยาพื้นบ้านให้เธอกินสักหน่อยดีไหม? ทำไมตั้งครรภ์ไม่ได้สักทีล่ะ?”
เจิ้งหยวนได้ยินแล้วหลุดหัวเราะร่วน ก่อนโอบไหล่เฉินชุ่ยอวิ๋นแล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อมผู้เป็แม่ว่า “โธ่ แม่ อย่าให้พี่สาวกินยาพื้นบ้านมั่วซั่วเชียว วางใจเถอะ พี่สาวคลอดได้แน่นอน!” ชาติก่อนเจิ้งเอ๋อเสียชีวิตด้วยเื่คลอดบุตรนี่แหละ
ดวงมีบุตรของเธอแค่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น
กลัวเสียแต่ว่าเฉินชุ่ยอวิ๋นคิดว่าเธอพูดส่งเดช เลยรีบอธิบาย “ดูแม่สิ
มีลูกตั้งห้าคน ปกติลูกสาวมักจะเหมือนแม่ แม่คลอดเก่งขนาดนี้
พี่สาวต้องไม่ต่างกันแน่ แค่ดวงลูกของเธอยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง”
เฉินชุ่ยอวิ๋นเห็นเธอพูดจาด้วยท่าทางแสนมั่นอกมั่นใจ ก็แค่นเสียงว่า “แกยังเป็แค่เด็กจะรู้อะไร!” หากเป็เมื่อก่อนเธอคงไม่พูดประเด็นนี้กับเจิ้งหยวน
แต่เจิ้งหยวนจะแต่งงานปลายปีแล้ว ต้องเข้าใจเื่ทำนองนี้ไว้บ้าง ดังนั้น
ในฐานะคนที่เคยเป็แม่มาก่อนจึงอธิบาย
“การมีลูกเป็เื่ใหญ่สำหรับลูกผู้หญิงอย่างพวกเรา
ขอเพียงมีลูกชายจะทำให้มีที่ยืนในบ้านสามี ปลายปีไม่รู้เจี้ยนเหวินจะอยู่บ้านกี่วัน
แกต้องทำการบ้านหนักๆ พยายามมีลูกให้ได้ภายในหนึ่งเดือนละ!”
เจิ้งหยวนกลอกตาขึ้นฟ้า ของแบบนี้เธออยากมีก็มีได้เลยที่ไหนกัน? หากเฝิงเจี้ยนเหวินเป็พวกเสื่อมสมรรถภาพทางเพศน่ะ
เธอพยายามคนเดียวก็ไม่มีประโยชน์หรอก? แต่เธอไม่กล้าพูดมันออกไป
มิอย่างนั้นต้องโดนเฉินชุ่ยอวิ๋นตีตายแน่
ตกกลางคืน ครั้นเฝิงิเยว่เลิกงานกลับมา เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงตัดสินใจคุยเื่คูปองกับเธอ
เฉินชุ่ยอวิ๋นบอกว่า “เธออยู่กลุ่มเย็บปัก ดูให้หน่อยได้ไหมว่าคนไปทำเสื้อผ้ามีคูปองเหลือหรือเปล่า พวกเราจะจ่ายเงิน หรือแลกเอาก็ได้!”
เฝิงิเยว่ลำบากใจเล็กน้อย เธออยู่กลุ่มเย็บปักรับทำงานของทั้งคอมมูน ในยุคสมัยนี้ชาวนาล้วนมีฐานะยากจน ไม่มีเงินมากพอจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ทุกปี ต้อง่แต่งงานหรือฉลองปีใหม่เท่านั้นถึงจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาบ้าง ส่วนเวลาอื่นๆ คงมีเพียงเวลาคนในเมืองมาสั่งทำเสื้อผ้าเท่านั้นละถึงจะได้เงินบ้าง เพราะคนในเมืองพวกนั้นเห็นว่ากลุ่มเย็บปักในชนบทคิดราคาถูก แต่ในเมื่อคนเขามาทำเสื้อผ้าใหม่ คูปองผ้าในมือย่อมต้องใช้ซื้อผ้าหมดแล้วแน่ๆ จะมีเหลือได้อย่างไร
ครั้นเฉินชุ่ยอวิ๋นเห็นสีหน้าเธอเหมือนลำบากใจ คล้ายไม่อยากทำ จึงถามเสียงเคลือบความไม่พอใจไว้จางๆ ว่า “ทำไมล่ะ ซื้อไม่ได้เหรอ?”
เฝิงิเยว่เอ่ยตอบอย่างจำใจ “ฉันว่ายากค่ะ” จากนั้นเธอจึงค่อยแจกแจงเหตุผลให้เฉินชุ่ยอวิ๋นฟังอย่างละเอียด
เฉินชุ่ยอวิ๋นเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลเสียทีเดียว เธอเข้าใจทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของเฝิงิเยว่ ก่อนหน้านี้เธอคิดไม่ถึงเอง คูปองในมือของคนที่ไปกลุ่มเย็บปักต้องเอาไปแลกเป็ผ้าหมดแล้วเป็ธรรมดา หรือต่อให้ยังเหลืออยู่ ก็คงน้อยมาก
“ดูท่าต้องไปหาอาสะใภ้สามของเธอแล้ว” เฉินชุ่ยอวิ๋นเอ่ยพลางโบกพัดใบปาล์ม
เป็จังหวะที่เจิ้งหยวนยกโต๊ะกลมออกมาจากห้องครัวพอดิบพอดี พอได้ยินเฉินชุ่ยอวิ๋นบอกว่าจะไปหาอาสะใภ้สามโดยไม่ทันตั้งตัว จึงพึงตระหนักว่า ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งต่อต้านอาสะใภ้สามไป แต่ตอนนี้ดันจะไปหาถึงที่ ไม่ใช่หาเื่ใส่ตัวหรอกหรือ! เธอพลันวางโต๊ะลงกลางลานบ้าน
ก่อนถาม “แม่จะไปหาอาสะใภ้สามทำไมเหรอ?”
“ไปซื้อผ้าน่ะสิ ผ้าห่มชั้นนอกกับชั้นใน ต้องใช้ผ้าเยอะเลย” เฉินชุ่ยอวิ๋นวางพัดใบปาล์มลงด้านข้างแล้วลุกขึ้น ก่อนเข้าไปช่วยยกจานชามในครัวมาวางบ้าง
“ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าสี่ผืน? จะไปหาอาสะใภ้สามอีกทำไม?” เจิ้งหยวนว่าพลางเดินตามเข้ามายังห้องครัว
เฉินชุ่ยอวิ๋นอธิบายให้เจิ้งหยวนข้างๆ ฟังเสียงแ่เบา “คราวนี้พ่อแกเป็คนบอกให้ไปหาอาสะใภ้สามเองน่ะ ฉันคิดดูแล้วอย่าเพิ่งสนใจเลยว่าจะให้สินสอดกี่ผืน ไปถามทางอาสะใภ้สามก่อนดีกว่า ที่นั่นราคาถูกและก็ไม่ต้องใช้คูปองผ้าด้วย อย่างน้อยๆ ถ้าประหยัดคูปองผ้าได้ จะซื้อเสื้อผ้าใหม่เพิ่มก็ยังได้ แกแต่งงาน่ฤดูหนาว เสื้อกางเกงบุนวมต้องใส่ตัวใหม่ใช่ไหมล่ะ? แถมต้องสวมเสื้อคลุมทับข้างนอกอีกชั้นด้วยนี่? คูปองผ้าเท่านี้อาจจะไม่พอใช้เลย” สิ้นเสียงเธอก็ยกชามโจ๊กมันเทศฝาน
ก่อนหันหลังออกไปปล่อยให้เจิ้งหยวนยืนนิ่งงัน จิตใจสับสนอลหม่านอยู่คนเดียว
เฉินชุ่ยอวิ๋นยกชามไปแล้วรอบหนึ่ง หลังวางเสร็จก็มายกที่เหลือ แต่พอเห็นเจิ้งหยวนยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเลยเร่งเร้า “ทำอะไรอยู่น่ะ ยังไม่รีบยกชามอีก”
“อื้อๆ” เสียงเรียกของผู้เป็แม่ดึงให้เจิ้งหยวนหลุดจากห้วงภวังค์
“ิเยว่ เธอไปเรียกเทียนิ เจวียนจื่อกับเทียนเลี่ยงที่บึงโคลนเถอะ บอกพวกเขาว่าได้เวลากินข้าวแล้ว” เฉินชุ่ยอวิ๋นวางชามลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับลูกสะใภ้เสร็จสรรพ แล้วจึงหันไปสั่งหลานสาวตัวน้อยบ้าง “ซิงซิง ไปเรียกคุณปู่ในห้องมากินข้าวหน่อย”
เจิ้งหยวนยกกับข้าวออกมาพลางเอ่ยขึ้น “แม่ พรุ่งนี้ฉันไปซื้อผ้ากับอาสะใภ้สามเอง” ด้วยกลัวเฉินชุ่ยอวิ๋นไม่ให้เธอไป เธอจึงอ้างเหตุผลขึ้นมาฉับพลัน “อาสะใภ้สามน่ะขี้งกจะตาย ใครจะไปรู้ ถ้าแม่ไปแล้วเธออาจจะโกงเงินแม่ก็ได้นะ”
เธอไม่ได้พูดโกหก อาสะใภ้สามเคยทำเื่เช่นนี้จริงๆ เธอได้ผ้าที่ขายไม่ออกมาจากโรงงาน ครั้นทำใส่ไม่ไหว ขายก็ไม่ได้ เลยหลอกขายให้ญาติๆ ในชนบท ปากบอกดิบดีว่าเป็ผ้าเนื้อดี ลายขวางสองลายอะไรไม่รู้ แย่หน่อยที่เฉินชุ่ยอวิ๋นเสียรู้เข้าเต็มเอา ไม่ทราบว่ามันเป็เพียงผ้าธรรมดา พอไปลองถามที่สหกรณ์ หึ... ขายแพงกว่าสหกรณ์อีกด้วยซ้ำ!
เชิงอรรถ
[1] ปลาหนีชิว หมายถึง ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายปลาไหล แต่สั้นและผอมกว่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้