ยามอูหลันฮวาหิ้วถังน้ำกลับมา ไม่ได้สังเกตเลยว่าทุกคนต่างมองนางด้วยสายตาชอบกล
นางเห็นแต่น้ำในตุ่มมีเพียงครึ่งเดียว จึงหมุนกายหิ้วถังน้ำไปหลังเขาต่อ
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเงาร่างที่จากไปราวกับเหาะเหิน พลันรู้สึกปวดใจแทน
ซีมู่เซียงถอนหายใจอยู่พักหนึ่งก็ไปทำงานตัดเสื้อในห้องโถงต่อ
ทุกคนเกิดมาต่างมีความยากลำบากของตนเองทั้งสิ้น แม้จะเห็นใจหรือเวทนาสงสาร แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป
เซวียเสี่ยวหรั่นก็จนปัญญา หยิบผ้าขี้ริ้วมายกหม้อลงจากเตาหินเข้าไปในครัวอย่างคับข้องใจ
แม้ว่าตนเองอยากช่วยเหลืออูหลันฮวามาก แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร หรือว่าต้องช่วยหาบุรุษที่เหมาะสมมาแต่งงานกับนาง?
เื่แบบนี้ยากเกินไปสำหรับเธอ
เธอเป็แค่คนที่มาจากภายนอก ไม่คุ้นเคยกับผู้คนที่นี่ ไหนเลยจะมีความสามารถเช่นนั้น
ขณะที่พวกนางถึงทอดถอนใจให้กับชะตากรรมของอูหลันฮวา แต่เ้าตัวกลับทำงานอย่างมีความสุข
นางมองต้าเหนียงจื่อใส่เนื้อติดมันลงไปลวกในหม้อใบใหญ่ พอเห็นเนื้อชิ้นใหญ่ลอยอยู่เต็มหม้อ ก็รู้สึกน้ำลายสอ
"หลันฮวา วันนี้เ้าไม่ต้องทำงานหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นถามเสียงเบา
"ต้องทำสิ" อูหลันฮวาละสายตาอย่างอาลัยอาวรณ์ "ต้องขุดหญ้าจูเฉ่า [1] กับตัดฟืน"
หากนางกล้าไม่ทำงาน ก็เลิกคิดถึงเื่กินข้าวได้เลย
แม้ว่าทุกครั้งปริมาณอาหารที่ให้จะไม่อิ่มท้อง แต่อย่างน้อยก็ไม่ให้อดตาย
ดังนั้นย่อมต้องทำงาน
"งั้นเ้าไปทำงานก่อนเถอะ ทำเสร็จเรียบร้อยจะได้ไม่ต้องถูกด่าทอ อีกประเดี๋ยวก่อนพระอาทิตย์ตกดินค่อยมาอีกครั้ง ข้าจะเตรียมอาหารดีๆ ไว้ให้" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากให้งานของนางล่าช้าเพราะตนเอง
อูหลันฮวาส่ายหน้าอย่างไม่นำพา "ถึงทำเสร็จก็ถูกด่าเหมือนกัน"
คนบ้านนั้นแค่เห็นนางว่างหน่อยเป็ต้องหาเื่ ไหนเลยจะสนใจว่าตนเองจะทำงานเสร็จหรือไม่
ดังนั้นนางจึงได้เรียนรู้ เมื่อไม่มีอะไรแตกต่างยามว่างก็เอ้อระเหยอยู่ข้างนอกนานหน่อยไม่ต้องรีบทำงานให้เสร็จ
เซวียเสี่ยวหรั่นพูดไม่ออก แม่นางผู้นี้เฉลียวฉลาดมากทีเดียว
อูหลันฮวาไปต้องไปเก็บหญ้าจูเฉ่า เซวียเสี่ยวหรั่นคืนตะกร้าผักที่ยืมมาให้แก่นาง
เงยหน้าขึ้นเห็นดวงตะวันเริ่มคล้อยไปทางตะวันตก เซวียเสี่ยวหรั่นก็รีบเร่งมือ
เตาทั้งสองล้วนติดไฟอยู่ หลังจากล้างข้าวใส่หม้อหุง ก็หั่นเนื้อ ตุ๋นน้ำแกง ตั้งกระทะ ผัดทอด ทุกความเคลื่อนไหวล้วนชำนิชำนาญ
เมื่อก่อน่ปิดเทอม เธอมักไปช่วยคุณปู่จัดการเลี้ยงตามหมู่บ้านต่างๆ มีประสบการณ์การจัดงานที่มีแขกั้แ่หลักสิบถึงหลักสองสามร้อยมาแล้ว
การจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เช่นนี้จึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับเธอ
ยิ่งกว่านั้น อาหารหลักล้วนเป็เนื้อหมู ไม่มีเป็ดไก่ปลาหรือสัตว์ที่ต้องฆ่าก่อน จึงสะดวกขึ้นมาก
อาหารกลิ่นหอมฉุยฟุ้งกระจายไปทั่วทุกมุมเรือนหลังน้อย
ซีมู่เซียงเดิมทียังไม่หิว ยังถูกกลิ่นหอมยั่วยวนจนท้องร้องโครกคราก
ยามพวกซีต้าเฉียงมาถึง ก็มีของติดไม้ติดมือมาไม่มากไม่น้อย
ซีมู่คุนหิ้วปลาเฉ่าตัวใหญ่หนักราวสามสี่ชั่งมาด้วย ซีมู่เซิงถือผักสดที่เพิ่งเด็ดใหม่มาหนึ่งตะกร้า ซีหย่วนเก็บใบอ้ายเย่ [2] มาหนึ่งตะกร้า ส่วนซีต้าเฉียงน้องชายก็หิ้วผักใบเขียวต่างๆ และพุทราเขียวมาอีกหนึ่งตะกร้า
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบเก็บกวาดห้องโถง ให้ซีมู่เซียงไปห้องปีกตะวันตกของนางแทน
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านกับหลางจวินมิได้พักห้องเดียวกันหรอกหรือ" ซีมู่เซียงมองหมอนใบเดียวบนเตียงพลางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปชั่วขณะ "เอ่อ ขาของเขายังเจ็บอยู่ไม่ค่อยสะดวกน่ะ"
ซีมู่เซียงทำสีหน้าตระหนักได้ "เป็เช่นนี้เอง"
"น้องมู่เซียง เ้านั่งตรงนี้ไปก่อนนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นปาดเหงื่อ
"ต้าเหนียงจื่อ ข้าจะเข้าครัวกับท่าน พวกเขามากันเยอะ ท่านยุ่งจะแย่อยู่แล้ว" ซีมู่เซียงวางเข็มและด้ายลงในตะกร้า
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดแล้วก็พยักหน้า พวกนางคุ้นเคยกันแล้ว พูดคุยเื่ไหนก็สะดวก
ครั้นแล้วทั้งสองก็เข้าไปทำงานในครัว
อาหารจานหลักทำเสร็จหมดแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นวางแผนจะทำน้ำแกงกับชิงไช่ [3] ผัดน้ำมัน
ซีมู่เซียงช่วยยกกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วไปตั้งในห้องโถง
สามชั้นน้ำแดงสีแดงเป็มันย่อง เนื้อกลับกระทะกลิ่นหอมฟุ้ง ซี่โครงเปรี้ยวหวานรสโอชา กระเพาะหมูเส้นผัดพริกเผ็ดร้อน ยังมีอุ้งตีนหมูตุ๋นเปื่อยนุ่มจนแทบละลายในปาก ค่อยๆ ยกขึ้นตั้งโต๊ะทีละจาน
อาหารเต็มโต๊ะกลิ่นหอมยั่วยวนชวนให้คนน้ำลายสอ
เซวียเสี่ยวหรั่นยกน้ำแกงเห็ดลูกชิ้นหมูที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ เข้ามา แล้วตั้งไว้หน้าเหลียนเซวียน
"ท่านลุงซี ยามพวกเราสองคนหลงทางในป่าดวงตาเหมือนมืดแปดด้าน เหลียนเซวียนก็ได้รับาเ็ ต้องขอบคุณพวกท่านที่ช่วยหามคนลงจากเขา ทั้งยังช่วยเป็ธุระขายหมีดำให้ ทั้งยังหาที่พักอาศัยให้แก่พวกเรา ที่จริงควรเชิญพวกท่านมากินอาหารนานแล้ว แต่ก็ผัดผ่อนมาถึงทุกวันนี้ รู้สึกละอายยิ่งนัก อาหารมีแต่เรียบง่ายหวังว่าพวกท่านจะไม่รังเกียจ"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางพูดเปิดงาน
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว พวกเราต่างหากที่ได้พึ่งใบบุญของพวกท่านทั้งสอง ท่านกล่าวเช่นนี้พวกเรากลับรู้สึกละอายใจ ยามออกมานอกบ้านมักมีความไม่สะดวกหลายประการ ช่วยเหลือผู้อื่นก็เหมือนช่วยตนเอง ใจเขาใจเรา"
ไม่เสียแรงที่ซีต้าเฉียงเป็ถึงผู้นำตระกูลซี กอปรไปด้วยความรู้และวิสัยทัศน์
"ผู้าุโซีถ่อมตัวแล้ว ผู้สกุลเหลียนต่างหากที่ต้องขอบคุณ"
เหลียนเซวียนค่อยๆ เปล่งเสียง ประสานมือขอบคุณ เขากับเซวียเสี่ยวหรั่นออกมาจากป่าอย่างราบรื่น ก็เพราะได้พบกับพวกเขา แม้ว่าจะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็ต้องยอมรับในความช่วยเหลือของพวกเขา
ทุกคนบนโต๊ะต่างรีบแสดงความเคารพกลับ
พวกเขาต่างรู้เื่ที่หลางจวินสกุลเหลียนพูดได้แล้ว แต่น้ำเสียงทุ้มและลุ่มลึกของเขาเจือไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามที่มิอาจสบประมาทได้ ชวนให้คนฟังอดรู้สึกหวาดหวั่นในใจมิได้
"เหลียนหลางจวินเกรงใจไปแล้ว" ซีต้าเฉียงประสานมือคารวะกลับ
"เอาล่ะๆ ทุกคนก็อย่าเกรงใจไปเลย พูดมาพูดไป อาหารล้วนเย็นหมดแล้ว เหลียนเซวียน ท่านต้อนรับแขกไปก่อนนะ ข้าจะไปผัดชิงไช่มาอีกอย่าง" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบสลายบรรยากาศที่เคร่งขรึมเป็ทางการทิ้งไป
"เหลียนเซวียน กับข้าวสองอย่างตรงหน้าท่านไม่เผ็ด สามารถกินได้ ท่านลุงซี พวกท่านอย่าเกรงใจไปเลย รีบกินเถอะเ้าค่ะ ข้ากับน้องมู่เซียงกินข้าวอยู่ห้องข้างๆ เชิญพวกท่านตามสบาย มีอะไรก็เรียกข้าได้เลย"
นางยิ้มพลางกำชับอีกสองสามประโยคก็ออกไป
ได้ยินนางเรียกว่า "เหลียนเซวียน" ซีต้าเฉียงฟังแล้วก็รู้สึกชอบกล มีภรรยาที่ไหนเรียกชื่อแซ่ของสามีโดยตรงบ้าง
เพียงแต่คิดอยู่ในใจไม่ได้แสดงออกมา
ชาวบ้านกินอาหารร่วมกัน ย่อมไม่ยึดถือธรรมเนียมห้ามพูดระหว่างมื้ออาหาร
ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนทำอาหารรสชาติดียิ่ง ทุกคนต่างชมไม่ขาดปาก
เด็กหนุ่มค่อนข้างสำรวมสามสี่คนนั้นกินกันปากมันแผลบ หน้าชื่นตาบาน คำพูดเริ่มมากขึ้นตามลำดับ
"สามชั้นน้ำแดงของต้าเหนียงจื่ออร่อยมากจริงๆ นุ่มละมุนลิ้น แม้จะมันแต่ไม่เลี่ยน ข้าสามารถกินได้หมดทั้งชามเลย" ซีหย่วนคีบหมูสามชั้นสองชิ้นเข้าปาก
"เ้าเด็กหนุ่มพวกนี้ฝันหวานไปแล้ว คนเดียวจะกินเนื้อทั้งชามเลยรึ ระวังเหอะจะจุกตายเสียก่อน" ซีต้าเฉียงทั้งฉิวทั้งขัน
"กระเพาะหมูเส้นผัดพริกจานนี้ก็อร่อยมาก ทั้งผอมทั้งเผ็ดทั้งนุ่มหนึบ ถูกปากคนที่นี่อย่างพวกเราที่สุด" ซีมู่เซิงชี้ไปที่กระเพาะหมูเส้นผัดพริก
"ซี่โครงหมูอร่อยกว่า เปรี้ยวหวานกลมกล่อม เจือรสเผ็ดน้อยๆ" ซีต้าเฉียงผู้ประหยัดคำพูดเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง
"เนื้อกลับกระทะนี่ก็หอมจริง เ้าดูสิเนื้อสีเหลืองเกรียมกำลังดี กรอบนุ่มยามเคี้ยวในปาก รสชาติดีมาก" ซีมู่คุนร่วมผสมโรงอีกประโยค
เหลียนเซวียนคีบลูกชิ้นหมูตรงหน้ากินเงียบๆ มุมปากโค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้
"เสียดายไม่มีสุรา" ซีเอ้อบ่นพึมพำเสียงเบา
เซวียเสี่ยวหรั่นยกผัดผักชิงไช่เข้ามาได้ยินเข้าพอดี
"ไอ้หยา ข้านี่สะเพร่าจริงๆ ลืมซื้อสุรามาจนได้"
...
[1] หญ้าจูเฉ่า คือวัชพืชชนิดหนึ่ง ลำต้นสูงั้แ่ 20-150 ซม. เติบโตได้ดีในฤดูใบไม้ผลิ เหี่ยวเฉา่ฤดูใบไม้ร่วง เป็พืชที่มีดอกและผล มีสรรพคุณทางยา ใบสามารถนำมาทำเป็อาหารหมูได้
[2] อ้ายเย่หรือโกฐจุฬาลัมพา มีสรรพคุณทางยา รสเผ็ด ขม อุ่น มีพิษเล็กน้อย ช่วยขับความเย็นระงับปวด อบอุ่นเส้นลมปราณเพื่อห้ามเื
[3] ชิงไช่ คือผักกาดกวางตุ้ง
