“นายไม่ได้เป็คนเอาไปให้” ชวีเสี่ยวปอพูดประโยคที่เซี่ยเจิงพูดไปเมื่อครู่ซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของเขามีทั้งความงุนงงและใผสมกัน “หมายความว่ายังไง”
“ความหมายก็เป็แบบเดียวกับที่นายคิดนั่นแหละ” เซี่ยเจิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาชวีเสี่ยวปออีกครั้ง ครั้งนี้ชวีเสี่ยวปอยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ไม่ได้ขยับหลบหลีกไปไหน
“นายพูดให้เข้าใจขึ้นหน่อยได้ไหม” ถึงแม้ปากของชวีเสี่ยวปอจะพูดเช่นนั้น แต่ที่จริงแล้วในใจของเขาเข้าใจอย่างชัดเจน เพียงแต่เขาไม่อาจยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันราวกับฟ้าถล่มดินทลายนี้ได้ในเวลาอันแสนสั้น
“จดหมายรัก” เซี่ยเจิงพูด “ฉันไม่ได้เป็คนเอาไปให้ครู”
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกจุกขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ฟังเซี่ยเจิงอธิบายอย่างละเอียดแล้ว ชวีเสี่ยวปอผงะไปชั่วครู่เมื่อมีคำถามผุดขึ้นมาว่า : แล้วใน่นี้เขาแข่งกับเซี่ยเจิงไปเพื่ออะไรกัน? ทั้งหมดล้วนเป็เพราะความเข้าใจผิดของตัวเขาเองงั้นเหรอ?
หลังจากที่เข้าใจขึ้นมาแล้ว ความอับอายก็ถาโถมเข้ามาทันที ชวีเสี่ยวปอไม่กล้าที่จะสบสายตาเซี่ยเจิงตรงๆ หากลองกลับกันดู ถ้าเขาเป็เซี่ยเจิง เขาก็คงจะมีเื่กับตัวเองไปสักแปดหนแปดรอบแล้วล่ะ
ทั้งสองคนยืนเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆ เช่นนี้มาสักพักใหญ่แล้ว ชวีเสี่ยวปอไม่รู้เลยว่าเซี่ยเจิงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของเขาเข้าแล้ว จนกระทั่งเซี่ยเจิงกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จึงได้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“หัวเราะ! หัวเราะบ้านนายสิ! ” ชวีเสี่ยวปอะโเสียงดัง รู้สึกว่าตัวเองอับอายขายขี้หน้ามาก “ทำไมนายไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้? ”
“นายให้ฉันพูดหรือไงล่ะ” เซี่ยเจิงหัวเราะจนตาหยี ั้แ่ที่เขารู้จักชวีเสี่ยวปอในวันนั้น เขาก็มักจะทำตัวอวดดีอวดเก่งอยู่ตลอด นานๆ ทีจะได้เห็นเขาเสียหน้าสักครั้งก็สนุกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“นายตั้งใจใช่ไหม” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกอับอายเลยพาลโกรธออกมา ทว่าไม่ได้รู้สึกโกรธจริงๆ เขาแกล้งทุบไปที่ไหล่ของเซี่ยเจิงหนึ่งครั้งพลางพูดว่า : “เห็นฉันขายหน้าแล้วมีความสุขมากหรือไง !”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น” เซี่ยเจิงไม่ได้หลบเลยแม้แต่นิด “ฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย ไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็แค่คิดว่ามันไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร”
ชวีเสี่ยวปอไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี จึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมา หลังจากอัดอั้นอยู่นานในที่สุดเขาก็พูดคำนี้ออกมา : “ลูกผู้ชาย” ทั้งยังยกนิ้วโป้งให้เซี่ยเจิงอีกด้วย
“ได้ ไปกินข้าวกันเถอะ” เซี่ยเจิงยกแขนขึ้นไปโอบไหล่เขา พร้อมทั้งพูดเลียนแบบน้ำเสียงของชวีเสี่ยวปอ ล้อเขาไปว่า : “ตอนที่นายมาหาเื่ฉันก็ลูกผู้ชายสุดๆ เหมือนกัน”
“ไสหัวไปเลยนะ !” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะพลางด่าไปด้วย
เวลาผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็กินอะไรง่ายๆ กันไปมื้อหนึ่ง และเดินเข้าห้องเรียนไปเรียนคาบเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำในตอนที่กริ่งดังขึ้นมาพอดี ขณะที่เขาเพิ่งจะนั่งลง ชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแตะที่ด้านหลังของเขา เขาจึงหันไปดู ก็เห็นเจียงอี้หยางที่กำลังมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“พวกนายสองคนศึกษาเคล็ดลับในการเอาชนะได้แล้วเหรอ? ”
“ฮะ อะไรนะ? ” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้ตอบกลับไปในทันที
“ดูท่าแล้วน่าจะไม่ใช่” เจียงอี้หยางพูดกับตัวเอง “ก็ฉันเห็นพวกนายสองคนดูมีความสุข เลยนึกว่าคงจะหาวิธีที่จะทำให้คว้าที่หนึ่งมาได้แล้ว”
“วิธีคว้าที่หนึ่งไม่มี” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะเสียงเบา “มีแต่ที่หนึ่งที่นับจากสุดท้าย”
แต่ว่าพวกเขาสองมีความสุขงั้นเหรอ?
ชวีเสี่ยวปอยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองสองครั้ง เขาดูเหมือนจะอารมณ์ดีจริงๆ นั่นละ แต่ว่ามันเห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ
เขารีบยกศอกขึ้นมาสะกิดเซี่ยเจิง เซี่ยเจิงที่เป็เด็กเรียนแบบนี้ พอนั่งลงก็กางสมุดแบบฝึกหัดออกมาขีดๆ เขียนๆ ชวีเสี่ยวปอก็ไม่ค่อยอยากที่จะรบกวนเขาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ถามออกไปก็รู้สึกอึดอัดใจ
“มีอะไร? ” เซี่ยเจิงหยุดเขียนและวางปากกาในมือลง
“ฉันดูเป็ยังไงบ้าง? ” สีหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอยของชวีเสี่ยวปอกำลังรอคำตอบจากเซี่ยเจิงอยู่ แต่เขาไม่ได้ระวังเลยสักนิดว่าสีหน้าที่แสดงมันดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
เซี่ยเจิงผงะไป แต่ก็ยังประเมินใบหน้าของชวีเสี่ยวปอไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาว่า : “หล่อมาก”
“ให้ตายเถอะ” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะออกมาเสียงดัง ห้องเรียนที่เงียบสงบก็ดูคล้ายกับเกิดเื่อะไรขึ้นมาอย่างกะทันหัน นักเรียนที่อยู่ในห้องหลายคนหันมามองเขา ชวีเสี่ยวปอจึงรีบฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะทันที แล้วจึงพูดกัดฟันอย่างยากลำบากออกไปว่า : “ฉันรู้ว่าฉันหล่อ ฉันจะถามว่าฉันดูมีความสุขเหรอ?”
“นายหัวเราะออกมาขนาดนี้แล้วยังไม่มีความสุขอีกหรือไง? ” เซี่ยเจิงถามกลับไป
“ช่างมันเถอะๆ ไม่มีอะไรแล้ว” ชวีเสี่ยวปอหันศีรษะกลับมาอีกครั้ง โดยรู้ว่าก็คงจะถามไม่ได้ความอยู่ดี
เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำแบบฝึกหัดต่อ
ชวีเสี่ยวปอดูเขาเขียนอยู่สักพัก แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ซือจวิ้นบอกเมื่อตอนสายน่าจะเป็เื่จริง
ความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยเจิงคลี่คลายลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว หากจะ ใช้คำว่าคลี่คลายลงก็คงจะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ ใช้คำว่าสนิทกันน่าจะตรงกว่า
ต่อให้จะยังไม่สามารถลบล้างความเข้าใจผิดอันน้อยนิดที่เกิดจากจดหมายรักก่อนหน้านี้ได้ ชวีเสี่ยวปอก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าเซี่ยเจิงไม่ได้เป็คนที่เลวร้ายอะไรเหมือนอย่างที่ตัวเขาคิด ตรงกันข้ามถ้าไม่ได้มีเื่เข้าใจผิดนั้นเลยั้แ่ต้น ไม่แน่ตัวเขาเองก็อาจจะเป็เพื่อนกับเซี่ยเจิงั้แ่แรกเริ่มเลยก็ได้ใครจะไปรู้
ทว่าเื่ราวเหล่านี้ชวีเสี่ยวปอก็เก็บซ่อนอัดแน่นไว้ในใจของเขามาโดยตลอด แต่เพราะว่ากำแพงกั้นระหว่างเขากับเซี่ยเจิงนั้นได้พังทลายลงมาแล้ว ตัวเขาเป็เช่นนั้น และเขาก็เชื่อว่าเซี่ยเจิงก็เป็เช่นนั้นเหมือนกัน ลูกผู้ชายอกสามศอกทั้งสองจะไม่เอาเื่เล็กๆ เพียงแค่นี้มาทำให้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ยืดเยื้อออกไปเป็อันขาด ถ้าเป็เช่นนั้นจริงก็คงจะไม่มีเหตุผลมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามชวีเสี่ยวปออารมณ์ดีก็จริง ทว่าอารมณ์ดีนั้นก็ไม่ได้ยืดระยะเวลาออกไปยาวนานสักเท่าไหร่
และแล้วโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็สั่นขึ้น ชวีเสี่ยวปอจึงหยิบออกมาดู พบว่าเวินลี่ส่งข้อความมาหาเขา
เป็รูปรูปหนึ่ง
มีเพิ่มมาอีกประโยคหนึ่งว่า “ลูกชาย พ่อขอลูกเป็คนซื้อให้ทั้งหมดเลย !”
ชวีเสี่ยวปอไม่แม้ที่จะกดเข้าไปดูรูปเลยด้วยซ้ำ จากนั้นจึงหันไปหาเซี่ยเจิงแล้วพูดว่า : “เดี๋ยวคืนนี้ฉันไปเยี่ยมคุณป้าหน่อยนะ? ”
“ได้สิ” เซี่ยเจิงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้นายก็บอกไปแล้วนะ? ”
“บอกไปแล้วเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอพึมพำออกมา จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว... ช่างคุ้นเคยเสียจริงๆ นี่คือวิธีที่ชวีอี้เจี๋ยใช้เพื่อทำดีกับเขา เวินลี่คงจะไปพูดให้เขาให้เข้าใจเื่ของต้วนเหล่ยแล้วเป็แน่ สิ่งของก็ส่งมาแล้วด้วย ถ้าอย่างนั้นชวีอี้เจี๋ยก็ต้องอยู่ที่บ้านแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ชวีเสี่ยวปอไม่ได้อยากเจอเขาเลยสักนิด
“มีเื่อะไรเหรอ? ” เซี่ยเจิงสังเกตเห็นได้ทันทีว่าชวีเสี่ยวปอดูเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่นี้ ชวีเสี่ยวปอเขาคนที่เก็บอารมณ์ของตัวเองไม่เป็ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้ามีเื่อะไรก็จะแสดงออกมาทางสีหน้าของเขา และในตอนนี้เขาก็กำลังคอตกราวกับมีคนมาติดหนี้เขาสิบแปดล้านอย่างไรอย่างนั้น เซี่ยเจิงกวาดตามองไปยังมือถือของชวีเสี่ยวปอหนึ่งรอบ ทั้งยังเดาออกด้วยว่าคงมีใครส่งอะไรบางอย่างมาทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่มีอะไรหรอก” ชวีเสี่ยวปอไม่ตอบ เซี่ยเจิงจึงไม่ได้ถามอะไรต่อแล้ว
คาบเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำสามคาบนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซือจวิ้นและพวกเขาทั้งสองคนเดินออกจากโรงเรียนไปพร้อมกัน ในตอนที่ซือจวิ้นรู้ว่าชวีเสี่ยวปอจะไปบ้านของเซี่ยเจิง เขาก็ทำท่าทางกัดผ้าเช็ดหน้าแล้วพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “ชวีเสี่ยวปอนายมันเป็คนทรยศ” ความสัมพันธ์ของชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงคลี่คลายลงแล้ว ซือจวิ้นก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับเซี่ยเจิงแล้วเช่นกัน ทั้งสามคนหัวเราะเฮฮาด้วยกันอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงค่อยแยกย้ายกันไปตรงทางแยก
“ฉันว่านะ” ชวีเสี่ยวปอเตะก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่อยู่ข้างเท้าของตัวเอง “หาที่กินข้าวก่อนได้ไหมอะ? ฉันหิวแล้ว” เมื่อของจุกจิกที่กินไปก่อนหน้านี้ไม่อยู่ท้อง ใน่คาบที่สองของคาบเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกว่าท้องของตัวเองมีเสียงร้องออกมาแล้ว
เซี่ยเจิงจูงจักรยาน ขณะนั้นก็ดึงกระเป๋าเป้ของเขาให้สูงขึ้นด้วย “ตรงแถวบ้านฉันมีร้านขายซาลาเปารสชาติใช้ได้อยู่ ถ้างั้นถือโอกาสแวะสักหน่อยไหม? ”
“ได้เลย” ชวีเสี่ยวปอทั้งเดินทั้งะโออกไปสองก้าวอย่างมีความสุข