แม้จากรูปลักษณ์ภายนอกเย่เฟิงจะไม่พบว่า ‘ลุงแปด’ คนนี้มีอะไรพิเศษ แต่พอคิดดูแล้วในเมื่อเป็ถึงสมาชิกหัวกะทิของ NSA เขาก็คงมีกึ๋นพอตัว และหลงหว่านเอ๋อร์ยังบอกอีกว่า สมาชิกหัวกะทิของ NSA มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
เย่เฟิงสังเกตชายคนนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง เสื้อเชิ้ตสีเทาและกางเกงยีน ผมตัดสั้น หน้าตาทั่วไป ท่าทางอายุเพียงยี่สิบต้นๆ แต่กลับไว้หนวดเครารุงรัง ให้ความรู้สึกค่อนข้างขัดแย้งมาก
“คุณหนูหลิน ถ้าผมขอยืมคู่หมั้นคุณสักวันจะเป็อะไรไหม?”
จ้าวปาจิบชา ก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“กลัวแต่ยืมไปแล้วไม่เอามาคืนน่ะสิคะ” หลินซือฉิงส่งยิ้มกลับไป “ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ก็คงต้องขอปฏิเสธค่ะ”
ไม่คิดว่าจะตรงไปตรงมาขนาดนี้!
เย่เฟิงงุนงงเล็กน้อย เขาไม่้าให้หลินซือฉิงช่วยตนเสียหน่อย ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงคิดเองเออเอง? ความจริงต่อให้ถูก NSA จับตัวไป เขาก็มีวิธีจัดการมากมายอยู่แล้ว
“คุณหนูหลินคงไม่ทำให้ลุงแปดคนนี้ลำบากใจหรอกใช่ไหม?”
จ้าวปายิ้มหน้าเจื่อน
“ที่ไหนกันล่ะคะ ถึงคิดพาตัวเย่เฟิงไปยังไงก็คงทำไม่ได้อยู่ดี หรือไม่คุณก็ลองไปคุยกับคุณปู่ฉันเองนะคะ”
หลินซือฉิงเหมือนจะไม่พอใจจึงโยนเื่นี้ให้หลินหงชวน
“ในเมื่อคุณหนูหลินเป็ห่วงคู่หมั้นขนาดนี้ ลุงแปดคงพาเขาไปไม่ได้เสียแล้ว แต่ติดอยู่เื่เดียว” จ้าวปากล่าว ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็จริงจังขึ้นมา เขามองใบหน้างดงามของหลินซือฉิง “คุณหนูหลิน คุณได้อ่านจดหมายรักที่ผมเขียนให้ครั้งก่อนแล้วหรือยัง? คู่หมั้นของคุณมีแฟนสาวอยู่สองคนแล้ว แต่คุณยังไม่เคยมีแฟนเลย ผมเป็ห่วงคุณ...”
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเย่เฟิงก็เหงื่อตกทันที
“คุณกลับไปเถอะค่ะ”
หลินซือฉิงเริ่มโมโห แต่ไม่อยากใช้คำหยาบคาย
“อะแฮ่ม งั้นก็ช่างมันเถอะครับ” จ้าวปากระแอมเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองเย่เฟิงด้วยรอยยิ้มขณะสองมือล้วงกระเป๋า “ในเมื่อคุณหนูหลินพูดแบบนี้ ดูเหมือนกลับไปผมต้องโดนลงโทษแน่เลย แต่ว่าเย่เฟิง พวกเรามาคุยกันหน่อยดีไหม?”
“ครับ”
เย่เฟิงพยักหน้ารับ พลางคิดว่าได้คุยกับหน่วย NSA ก็ดีเหมือนกัน ดูท่าทีแล้ว อีกฝ่ายเหมือนจะชอบหลินซือฉิงและเชื่อฟังเธอมาก นอกจากนั้นดูเหมือนจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะพาตัวเขาไปแล้ว แน่นอนว่านั่นเป็เพียงท่าทีที่แสดงออกมา ชายหนุ่มไม่ได้เชื่อคำพูดคนตรงหน้าทั้งหมดและระวังตัวอยู่เสมอ เย่เฟิงคิดในใจขณะเดินเข้าไปหาจ้าวปา
หลินซือฉิงรู้ว่าทั้งสองคนมีเื่จะคุยกัน จึงลุกขึ้นยืนและหันมายิ้มให้เย่เฟิง จากนั้นเดินผ่านชายหนุ่มไป
“ทำไมถึงช่วยผมล่ะ?” เย่เฟิงถามเสียงเบา
“เพราะนายช่วยพี่ไว้ พี่เลยตอบแทนนายคืน” หลินซือฉิงก้าวเข้าไปกระซิบข้างหู “ไม่ต้องห่วง จ้าวปาเชื่อฟังคำพูดพี่อยู่แล้ว”
เย่เฟิงเดินไปโต๊ะมุมห้องที่จ้าวปานั่งอยู่ เวลานี้เขากำลังคิดถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหลินซือฉิงที่ลอยมาแตะจมูก มันแตกต่างจากกลิ่นของหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหาน ผู้หญิงแต่ละคนมีกลิ่นที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวสินะ
หลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานต่างมองด้วยความเป็ห่วง ส่วนเย่เวิ่นเทียนก็คอยสังเกตการณ์และพร้อมจะลงมือทุกเมื่อเช่นกัน
นี่คือเหตุผลที่เย่เฟิงกล้าเข้าไปโดยไม่รู้รายละเอียดอะไรทั้งนั้น เพราะมีเย่เวิ่นเทียนอยู่ จ้าวปาไม่มีทางใช้กำลังพาตัวชายหนุ่มไปได้ ไหนจะการรับรู้ผ่านจิตหยั่งรู้ของตนอีก ชายคนนี้เป็แค่คนธรรมดาที่ไม่มีอุปกรณ์ล้ำสมัยติดตัวสักอย่าง
“ยินดีที่ได้รู้จัก น้องชายเย่ มาๆ เดี๋ยวพี่รินชาให้ก่อน”
เมื่อเย่เฟิงนั่งลง จ้าวปาก็ยิ้มและรินน้ำชาให้เขา
“ไม่ต้องสุภาพไปหรอก ลุงแปดมีเื่อะไรก็พูดมาตามตรงเลยดีกว่าครับ”
เย่เฟิงหรี่ตามอง
“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เื่ไร้สาระน่ะ” จ้าวปากล่าวสบายๆ ขณะลูบเคราตัวเอง “น้องชายเย่ ขอพูดตรงๆ เลยนะ ถึงนายจะไม่สนใจก็เถอะ แต่ฉันได้รับคำสั่งมาว่าให้พานายกลับไปด้วย และต่อให้ฉันทำไม่สำเร็จ เบื้องบนก็จะส่งคนใหม่มาอยู่ดี...”
ประโยคเ่าั้ จ้าวปากล่าวด้วยเสียงไม่ดังนัก เหมือนแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่กำลังเริ่มคุยกันอย่างเป็ทางการแล้ว
“แล้ว?” เย่เฟิงยิ้ม
“ดังนั้น ถ้ามีอะไรก็บอกฉันได้นะ” จ้าวปายังคงนั่งยิ้มผ่อนคลาย
“ไม่มีปัญหา”
เย่เฟิงตอบตกลงอย่างง่ายดาย เขารู้ว่าอีกฝ่าย้ารู้เื่แถบทะเลตะวันออก เช่น เื่ของซูเฟยหยิ่ง ชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปี รวมถึงเื่ที่เขาทำลายเรือดำน้ำและอื่นๆ แต่เย่เฟิงย่อมไม่บอกเื่นี้แก่พวกเขา เพราะชายหนุ่มมีไพ่ตายที่จะทำให้หน่วย NSA ไม่มายุ่งกับเขาอีกเลย
“หลังจากกลับไปแล้ว ผมจะไปที่กองบัญชาการ NSA ผมมีของสำคัญที่จะส่งมอบให้ประเทศ” เย่เฟิงกระซิบบอกด้วยคำพูดที่ดูลึกลับ
“ของสำคัญอะไร?” จ้าวปาขมวดคิ้ว
“คุณไม่จำเป็ต้องรู้หรอก” เย่เฟิงยิ้ม “บอกได้แค่ว่ามันเป็ของเกี่ยวกับเทคโนโลยีย้ายสสารผ่านอากาศ”
เขาตั้งใจจะมอบแกนวาร์ปที่อยู่ในแหวนของซูเฟยหยิ่งให้หน่วย NSA เพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็ใช้การไม่ได้แล้ว
ตอนที่ซูเฟยหยิ่งลืมตาตื่นที่ทะเลตะวันออก เธอใช้ทักษะดวงดาวเคลื่อนย้ายและโยนแกนวาร์ปในทะเลตะวันออกที่ใช้การไม่ได้แล้วใส่ในแหวนมิติ และใช้อีกหนึ่งอันตอนอยู่ทีู่เาฉางไป๋ แกนวาร์ปที่ใช้การไม่ได้แล้วจึงมีอยู่สองอัน แน่นอนว่าเย่เฟิงต้องเลือกชิ้นที่มีคุณภาพต่ำสุดให้หน่วย NSA การนำของสิ่งนี้ให้คนพวกนั้นศึกษา เย่เฟิงมั่นใจว่าพวกเขาคงไม่มาวุ่นวายกับตนไปอีกพักใหญ่
สาเหตุที่จ้าวปาไม่สร้างปัญหาให้เขานักก็คงเพราะเห็นแก่หน้าเย่เวิ่นเทียนและตระกูลหลินไม่ใช่เหรอ? แต่สุดท้ายหน่วย NSA ก็คงส่งคนใหม่มาตามรังควานเขาอีกอยู่ดี
“เทคโนโลยีย้ายสสารผ่านอากาศ?”
จ้าวปาได้ยินดังนั้นก็สั่นไปทั้งตัว ใบหน้าตกตะลึง ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
ตอนนี้เ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย NSA ้ารู้เป็อย่างยิ่งว่าเทพธิดาคนนั้นโบยบินบนท้องฟ้าได้อย่างไร แล้วเื่ที่หายตัวไปอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเื่นี้ช่างล่อใจพวกเขามาก ตอนนี้เย่เฟิงบอกว่าจะมอบของที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีย้ายสสารผ่านอากาศให้ บอกได้เลยว่า สิ่งนี้จะทำให้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของประเทศจีนเติบโตแบบก้าวะโ!
“ถูกต้อง” เย่เฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง
ความจริงแล้วแกนวาร์ปอันนั้นไม่ใช่ผลผลิตทางเทคโนโลยี แต่เป็ผลผลิตจากผู้ฝึกวิถีเซียน หากนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยี้าศึกษาของสิ่งนี้คงเป็เื่ยากไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่เื่ของเขา ขอแค่อีกฝ่ายไม่มาตามรังควานก็ถือเป็เื่ดีแล้ว ส่วนคนพวกนั้นจะศึกษาวิจัยได้สำเร็จหรือไม่ เย่เฟิงไม่สนใจ
“ของสิ่งนั้นค่อนข้างหนัก ผมต้องหาวิธีเอามันมาก่อน” เย่เฟิงยิ้ม “คุณกลับไปบอกพวกของคุณด้วยว่าอย่ามาวุ่นวายกับผมอีก ไม่งั้นผมไม่รับประกันหรอกนะว่าจะมอบของสิ่งนี้ให้”
“ถ้าเป็อย่างที่พูดจริงก็ไม่มีปัญหา” จ้าวปายิ้มด้วยความพึงพอใจ “กำหนดวันมาสิ แล้วฉันจะกลับไปรายงานเบื้องบน”
เขาไม่กลัวว่าเย่เฟิงจะหนีไป เพราะเย่เวิ่นเทียนไม่มีทางพาเย่เฟิงหนีออกนอกประเทศแน่ ตาแก่คนนั้นเป็พวกชาตินิยม ยึดมั่นว่าเกิดที่ประเทศจีน ก็ต้องตายที่ประเทศจีน
“ภายในสองเดือน ผมจะติดต่อลุงหลินกลับไป” เย่เฟิงกล่าว
ลุงหลินที่ว่าก็คือหลินเต๋อเทียน เมื่อจ้าวปาเข้าใจแล้ว ก็หยัดกายลุกขึ้นแล้วโบกมือลา “งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน”