หลังสิ้นเสียงร้องะโแหบแห้งของแม่เฒ่าเคอ กลุ่มคนที่สัญจรไปมาก็ต่างพากันชะงักฝีเท้าลง
คนสมัยก่อนไม่มีกิจกรรมบันเทิงมากนัก ยามปกติชอบพูดคุยถึงเื่ซุบซิบนินทาต่างๆ นานา ทันทีที่มีความครึกครื้นให้ชมจึงพากันล้อมเข้ามาใกล้
ไม่เพียงเท่านั้น นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน พวกเคอโยวหรานก็ถูกกลุ่มคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเื่ชาวบ้านเข้ามาล้อมเอาไว้ถึงสามชั้นเสียแล้ว
ครั้นเห็นว่ากลุ่มคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม่เฒ่าเคอจึงยิ่งมั่นใจกว่าเดิม นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า
“คุณชายท่านนี้ เมื่อครู่ท่านแตะเนื้อต้องตัวบุตรสาวของข้า ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะจ่ายค่าเสียหายให้บุตรสาวของข้ากระมัง?...”
เซ็งแซ่...ปากของแม่เฒ่าเคอไม่แม้แต่จะหยุดพล่าม ความหมายในคำกล่าวล้วนบอกว่าเคอโยวหรานแตะต้องบุตรสาวของนาง จะให้เคอโยวหรานชดเชยค่าเสียหายให้จงได้
ไอ้หยา หลังจากฤทธิ์ยาของแม่เฒ่าเคอหมดลง ลำคอก็เริ่มหายดีแล้วงั้นหรือ? ตนควรจะเพิ่มฤทธิ์ยาให้อีกฝ่ายสักหน่อยดีหรือไม่?
เสียงของแม่เฒ่าเคอช่างชวนให้ผู้คนรู้สึกรำคาญจริงๆ เคอโยวหรานไม่เอ่ยสิ่งใดและลอบเอาเข็มน้ำแข็งออกมาจากตู้แช่เย็น
ครั้นกำลังเตรียมจะลงมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นพลันเหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดสีม่วงยืนตรงหัวมุมชั้นสองของโรงสุรา
ััที่หกของเคอโยวหรานบอกนางว่ามิอาจประเมินคนผู้นี้ต่ำเกินไป และอย่าได้เปิดเผยตัวตนโดยง่าย
อิ่งอีกับอิ่งซานต่างรู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าคืออาหญิงเล็กกับท่านย่าของฮูหยินน้อย ดังนั้นก่อนที่จะทราบถึงเจตนาของฮูหยินน้อย พวกเขาจึงทำได้เพียงยืนคุ้มกันไม่ไหวติงเพื่อรอคำสั่งจากนาง
เคอโยวหรานใคร่ครวญก่อนจะเก็บเข็มน้ำแข็งกลับเข้าไป มุมปากหยักยิ้มถามว่า “พวกเ้าอยากให้ข้ารับผิดชอบเยี่ยงไร?”
ครั้นแม่เฒ่าเคอได้ยินนางตอบกลับเช่นนี้พลันรู้สึกมีความหวัง จึงเหยียดเอวตรงเอ่ยว่า
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชดเชยให้บุตรสาวของข้าเป็เงินจำนวนหนึ่งกระมัง?”
เคอโยวหรานพลันเปลี่ยนสีหน้าจากหรี่ดวงตาเป็มองพิจารณาเคอก่วงเถียนจากหัวจรดเท้า
จากนั้นอาศัยการบดบังของชายแขนเสื้อล้วงเอาพัดพับวาดน้ำหมึกจีนออกมา เชิดปลายคางของเคอก่วงเถียนขึ้นก่อนจะเผยสีหน้าเสเพล
“จิ๊ๆ หน้าตาแม่นางน้อยผู้นี้ช่างงดงามทีเดียว มิสู้อุ่นเตียงให้คุณชายน้อยเช่นข้าสักหน่อย ข้าจะให้เงินเ้าสักสิบอีแปะเป็อย่างไร?”
“อุ๊บ...ฮ่าๆๆ...” บรรดาผู้คนที่เข้ามาล้อมชมต่างพากันหัวเราะชอบใจ พวกเขาชอบดูการเย้าแหย่ลามกเช่นนี้เป็ที่สุด
จะว่าไปแล้วแม่นางน้อยจากชนบทที่อยู่ตรงหน้าก็ผิวขาวสะอาดสะอ้าน มีความงามอยู่บ้างจริงๆ พลันมีคนปากดีจำนวนหนึ่งเอ่ยเย้าหยอกว่า
“คุณชายท่านนี้ หากท่านเล่นสนุกจนเบื่อแล้ว ช่วยยกแม่นางผู้นี้เป็การตกรางวัลในพวกเราได้กินเนื้อบ้างจะได้หรือไม่ ฮ่าๆๆๆ...”
“คุณชายกินเนื้อ พวกเราขอซดน้ำแกงแค่เล็กน้อยเป็พอ พวกเราต่างอดอยากเจียนตายแล้ว...”
ขณะเอ่ย คนเ่าั้ยังน้ำลายไหลออกมาอีกด้วย...
เคอก่วงเถียนใบหน้าซีดเซียวทันใด นางก้าวไปหลบด้านหลังแม่เฒ่าเคอและเก็บหมวกเหวยเม่าขึ้นมาจากพื้นอย่างรีบร้อน
เมื่อครู่นางเห็นว่าคุณชายตรงหน้าผู้นี้มีสีผิวเมล็ดข้าวสาลี บนกายเปี่ยมกลิ่นอายผู้ดี ไม่ว่าจะเป็เครื่องประดับหรือชุดที่สวมใส่ล้วนแต่เป็ของชั้นเลิศ ภายในจวนจะต้องมีเงินทองอย่างยิ่งแน่นอน
อาจเพราะทั้งเคอโยวหราน อิ่งอี และอิ่งซานต่างแปลงโฉม เคอก่วงเถียนจึงจำพวกเขามิได้แม้แต่นิด
ช่างบังเอิญนัก วันนี้เคอก่วงเถียนกับแม่เฒ่าเคอมาซื้อชุดแต่งงานในอำเภอ แต่เพราะเนื้อผ้าของร้านเย็บปักภายในตัวเมืองอำเภอพิถีพิถันอย่างยิ่ง เงินสามสิบตำลึงภายในถุงของพวกนางไม่พอให้เลือกดูแต่อย่างใด
สองแม่ลูกจึงคิดหาหนทางว่าจะมาหาซื้อในตำบลเล็กที่ราคาถูกลงสักหน่อย ดังนั้นจึงจ่ายเงินยี่สิบเหรียญทองแดงเพื่อติดรถม้าขนสินค้ามายังที่นี่
ดังคาด ข้าวของภายในตำบลเล็กทั้งครบครันและราคาถูก คนทั้งสองจึงซื้อข้าวของที่จำเป็ต้องใช้เป็จำนวนไม่น้อย
ท้ายที่สุดมายังร้านเย็บปักแห่งนี้ เคอก่วงเถียนได้ใช้เงินห้าตำลึงซื้อชุดแต่งงานสำเร็จรูปที่นับว่าฝีปักไม่เลวมาหนึ่งชุด
หลังจากจ่ายเงินเสร็จสรรพ เงินสามสิบตำลึงที่พวกเคอก่วงเถียนเอามาก็เหลืออยู่เพียงไม่เท่าใด
เคอก่วงเถียนกับแม่เฒ่าเคอหันหลังออกมาพลางทอดถอนใจ ทันใดนั้นพลันเหลือบไปเห็นเคอโยวหรานที่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ทางร้านเย็บปัก สิ่งที่สะท้อนเข้าในแววตาของเคอก่วงเถียนเป็อันดับแรกก็คือหยกมรกตขนาดเท่าไข่ไก่บนผ้าคาดหน้าผากของเคอโยวหราน
คล้ายกับเป็เวลาเพียงเสี้ยววินาที เคอก่วงเถียนคิดอยากจะไปมาหาสู่สักหน่อย ถ้าเกิดคุณชายท่านนี้ต้องตาตน คิดจะแต่งนางเป็ภรรยา ไม่แน่ว่าอาจจะดีกว่าแต่งเข้าจวนสกุลโฉวเสียอีกกระมัง?
เพราะถึงอย่างไรนิสัยใจคอของนายท่านโฉวก็เป็เช่นนั้น แล้วบุตรชายของเขาจะดีได้อย่างไร? ดังนั้นถึงได้เกิดเื่ราวทั้งหมดนี้ขึ้นมา
ทว่าสมองแม่เฒ่าเคอกลับใช้การไม่ค่อยจะได้นัก ทันทีที่ได้ฟังคำกล่าวของบุตรสาว ทั้งสายตาและหัวใจล้วนแต่เต็มไปด้วยการขู่กรรโชกทรัพย์เคอโยวหราน
นึกไม่ถึงแม้แต่นิดว่าจะกลายเป็สถานการณ์เช่นนี้ ชื่อเสียงของสตรีถือเป็สิ่งสำคัญที่สุด หากสตรีอื่นพบเจอเื่เช่นนี้ยังจะรีบหลบหนีไปด้วยซ้ำ ทว่าแม่เฒ่าเคอกลับยังกระตือรือร้นจะให้เคอโยวหรานชดเชย คิดอยากจะได้เงินทองของอีกฝ่าย
ครั้นได้ยินเสียงเย้าหยอกของผู้คนรอบข้าง แม่เฒ่าเคอก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้แล้วเช่นกัน
ยามนี้เพิ่งจะมองพิจารณาคุณชายตรงหน้า รวมถึงบุรุษร่างสูงใหญ่ทั้งสองคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาโดยละเอียด
แม่เฒ่าเคอลอบคิดในใจ : จบสิ้นแล้ว หากคนผู้นี้ใช้กำลังลักพาตัวเคอก่วงเถียนไป พวกนางจะไปอ้างหลักเหตุผลกับผู้ใดได้ เหตุใดเมื่อครู่ก่อนจะทำเื่เช่นนี้จึงไม่คิดให้ดีเสียก่อน? ยามนี้เื่ยุ่งยากชักจะใหญ่โตกว่าเดิมเสียแล้ว
เคอก่วงเถียนไร้ซึ่งความกระตือรือร้นจะประจบคุณชายท่านนี้ คิดเพียงอยากหนีออกไปโดยเร็ว นางดึงชายแขนเสื้อของแม่เฒ่าเคอก่อนจะคารวะไปทางเคอโยวหรานแล้วเอ่ยว่า
“คุณชายเ้าคะ เมื่อครู่เป็เพียงเื่เข้าใจผิด มารดาของข้าไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจึงลบหลู่คุณชายแล้ว ขอคุณชายโปรดเปิดทางสักนิดเ้าค่ะ”
เคอโยวหรานหาใช่ผู้ที่ไม่ยอมละเว้นผู้อื่น นางยังมีเื่ราวอีกมากให้จัดการ ในเมื่อเคอก่วงเถียนยอมถอยหนึ่งก้าว ตนก็ไม่มีความจำเป็อันใดจะต้องดันทุรังรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ยอมปล่อยผ่าน
ดังนั้นจึงเบี่ยงกาย เตรียมจะให้พวกเคอก่วงเถียนเดินจากไป
ในขณะนั้นเอง ผู้ที่สวมชุดสีม่วงพลันทะยานกายลงมาจากชั้นสองของโรงสุรา ก่อนจะหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างเคอโยวหรานกับเคอก่วงเถียน
บุรุษผู้นี้สูงแปดฉื่อ สันจมูกโด่ง ดวงตาดอกท้อ ใบหน้างามหยาดเยิ้มเสียยิ่งกว่าอิสตรี บนหูซ้ายสวมตุ้มหูผลึกแก้วสีม่วง มีเสน่ห์เย้ายวนเสียจนไม่คล้ายกับคนบนแดนมนุษย์
เสื้อผ้าหรูหราสีม่วงทั้งกายไม่มีรอยยับย่นแม้แต่นิด ภายในมือถือขลุ่ยสีม่วงหนึ่งเลา ช่างดูพราวเสน่ห์เหลือเกิน
เคอโยวหรานมองคนผู้นี้พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ฝีเท้าก้าวถอยหลังอย่างมิอาจสังเกตเห็น
เคอก่วงเถียนกับแม่เฒ่าเคอทอดมองแผ่นหลังของบุรุษชุดม่วงด้วยสายตาเลื่อนลอย ถึงขั้นเกือบจะลืมกระทั่งสูดอากาศหายใจ
ทันทีที่บุรุษพราวเสน่ห์ผู้นี้ปรากฏตัว ตรอกใหญ่ที่เดิมทีเสียงดังจอแจพลันเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นพื้น
อิ่งอีกับอิ่งซานััได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้อันตรายยิ่งนัก พวกเขาจึงสาวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อกันเคอโยวหรานไว้เื้ั
บุรุษชุดม่วงมือหนึ่งถือขลุ่ยตี๋จื่อ อีกมือหนึ่งแบออก เขาใช้ลำขลุ่ยเคาะลงบนฝ่ามือของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า มุมปากยกยิ้มร้ายขณะจ้องมองอิ่งอี อิ่งซาน และเคอโยวหราน
เคอก่วงเถียนดวงตาเป็ประกาย นางแอบนึกภาคภูมิใจในความงามชดช้อยของตนเองเหลือเกิน
พลันนึกอยู่ในใจอย่างปลาบปลื้มว่า : ตนช่างงดงามและมีเสน่ห์ดังคาด ดูเอาเถิด ยามนี้บุรุษรูปงามเช่นนี้ได้ถูกตนดึงดูดจนก้าวเข้ามาเป็วีรบุรุษช่วยหญิงงามแล้วมิใช่หรือ?
เคอโยวหรานในยามนี้กลับรู้สึกไม่สู้ดีนัก เพราะเมื่อบุรุษชุดม่วงผู้นี้ปรากฏตัวก็วางยาพิษอิ่งอีกับอิ่งซานทันที
นอกจากนี้ฝีมือการวางยาพิษของเขายังช่ำชองยิ่งนัก เป็ทักษะที่เคอโยวหรานไม่เคยพบเห็นมาก่อน แม้จะเรียนมาจากท่านอาจารย์พิษไม่น้อย แต่เมื่อต้องรับมือกับคนที่อยู่ตรงหน้าก็ยังนับว่าเหลือบ่ากว่าแรงอยู่บ้าง
แม้เคอโยวหรานจะถอนพิษให้อิ่งอีกับอิ่งซานในทันที แต่หากคนผู้นี้ยังคงใช้พิษต่อไป หรืออาจใช้พิษที่แปลกประหลาดหายากกว่าเดิม เช่นนั้นเคอโยวหรานก็คงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเสียแล้ว
เคอโยวหรานรู้ว่ายามนี้ตนได้พบกับผู้ใช้พิษระดับยอดฝีมือเข้าแล้ว อีกทั้งตนยังมิใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะถึงอย่างไรตนก็เพิ่งเข้าสำนักพิษได้ไม่นาน หากจะประลองกับคนผู้นี้ก็กล่าวได้ว่าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่น้อย