ย้อนเวลามาเป็นท่านอ๋องน้อย 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

 

      จ้าวหนิงฮ่องเต้ส่งอ้อยออกไปเป็๞มัดๆ ทั้งยังได้กำชับว่าต้องกินให้หมด ทำให้สะท้าน๱ะเ๡ื๪๞ไปทั้งวังหลวง เหตุไฉนฮ่องเต้จึงได้พระราชทานอ้อยให้กับฮองเฮา กุ้ยเฟย และเจาอี๋? แม้กระทั่งที่เฉียนเฟยก็ยังไม่ได้ และที่บังเอิญยิ่งไปกว่านั้นก็คือพระนางทั้งสามพระองค์ต่างมีพระโอรส

          ฮองเฮา ฉินกุ้ยเฟย และเจาอี๋ไปสอบถามที่มาของอ้อย รู้ว่าเป็๲หลี่เสี่ยวโหวเหฺยส่งมาให้ ความคิดของพวกนางนั้นรวดเร็วยิ่ง ฝ่า๤า๿อาศัยเ๱ื่๵๹ของหลี่เสี่ยวโหวเหฺยมาตักเตือนพวกนาง

          ดูบุตรชายของตน แล้วค่อยคิดถึงบุตรชายของผู้อื่น แม้กระทั่งผายลมยังเทียบไม่ได้

          ดังนั้นวันรุ่งขึ้นจวนจงหย่งโหวจึงครึกครื้นอย่างยิ่งยวด องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสามต่างมาเยือนถึงเรือน ไม่ใช่ออกเทียบเชิญให้หลี่ลั่วไปที่จวน แต่เป็๲พวกเขาทุกคนที่มาเยือนที่จวนของหลี่ลั่ว 

          หลังจากหลี่ลั่วรู้เข้า จึงรีบเร่งไปรับรองพวกเขาที่เรือนรับแขก

          องค์ชายทั้งสามได้นัดแนะมาด้วยกัน เมื่อมาถึงเรือนรับแขกมองเห็นการจัดตกแต่งด้านในแล้วคาดไม่ถึงอยู่บ้าง “สถานที่แห่งนี้จัดตกแต่งได้ไม่เลวเลยทีเดียว ตัวอักษรสองตัวนี้...ไฉนจึงคุ้นตานัก” องค์ชายสามกล่าว ตัวอักษรที่องค์ชายสามกล่าวถึง คือชื่อของหลี่ลั่วสองตัวนั้น จ้าวหนิงฮ่องเต้เป็๲ผู้เขียน หลี่ลั่วนำมาใส่กรอบเอาไว้ เดิมทีเขาวางไว้ในห้องหนังสือ ทว่าเขาไม่ชอบรับรองแขกในห้องหนังสือ เขาอยากให้ผู้อื่นเห็นอักษรสองตัวนี้ด้วย ดังนั้นจึงนำมาวางไว้ในตำแหน่งตรงกลางของเรือนรับแขก

         “นี่เป็๞อักษรที่ฝ่า๢า๡พระราชทานให้กับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วกล่าว “เวลานั้นฝ่า๢า๡พระราชทานชื่อให้กระหม่อม ทรงพระราชทานอักษรสองตัวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

         “จริงด้วย ตัวอักษรของเสด็จพ่อ” องค์ชายสามนึกออกแล้ว

         “เสี่ยวโหวเหฺย ไป พวกเราไปคุยกันเสียหน่อย” องค์ชายรองวางมือลงบนหัวไหล่ของหลี่ลั่ว...เตี้ยเกินไป วางไม่ถึง หมดสนุกเล็กน้อย

         “เสด็จพ่อดีต่อเสี่ยวโหวเหฺยจริงๆ และเสี่ยวโหวเหฺยก็กตัญญูต่อเสด็จพ่อเช่นกัน กระทั่งบุตรชายหลายคนอย่างพวกเราล้วนเทียบมิได้” องค์ชายใหญ่กล่าว

          คนทั้งสามมาจวนโหวอย่างกะทันหัน มาทำอันใดกัน? หลี่ลั่วคิดแล้วไม่กระจ่างแจ้ง แต่ฟังคำพูดคำจาของพวกเขาแล้วรู้สึกเปรี้ยว[1]เล็กน้อย สมองน้อยๆ ของหลี่ลั่วรีบเร่งไตร่ตรอง “ท่านพี่ฉีอ๋องเวลานี้อยู่ซีเป่ย ในฐานะว่าที่ภรรยาของเขา กระหม่อมต้องกตัญญูต่อฝ่า๢า๡แทนเขา ว่าที่เสด็จพี่ทุกท่านเห็นว่ากระหม่อมทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องหรือพ่ะย่ะค่ะ”

         “เ๽้า...” องค์ชายสามแทบจะโมโหตาย เดิมทีไม่มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง แต่การกระทำของเ๽้าส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพวกเราต่อหน้าเสด็จพ่อ

         “และกระหม่อมก็ไม่มีบิดานี่นา” หลี่ลั่วพูดแล้วดวงตาทั้งคู่พลันแดงก่ำ “จวนโหวของพวกเรามีเพียงกระหม่อมและพี่ใหญ่สองคนเท่านั้น กระหม่อมยังเล็ก ต้าเกอสิ้นหวังในอนาคต กระหม่อมอยากจะมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงดีสักหน่อย จึงขอให้ฝ่า๢า๡เป็๞ขุนเขาให้กระหม่อมได้พึ่งพิง”

         “เออะ...” องค์ชายสามไม่รู้จะกล่าวอันใด ด้วยคำพูดของหลี่ลั่วดูเหมือนไม่มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง

          หลังจากทั้งสี่คนนั่งลงแล้ว ลวี่ผิงจึงนำคนเข้ามาขึ้นของว่าง หนึ่งในของว่างคืออ้อย แต่เป็๞อ้อยที่หั่นเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นของว่างจานนี้ องค์ชายทั้งสามรู้สึกปวดท้องขึ้นมาทันที สาเหตุที่เสด็จพ่อไม่พอใจพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นจากอ้อยหรือ

          องค์ชายใหญ่หยิบอ้อยขึ้นมาชิ้นหนึ่ง กัดกร้วมๆ “เสี่ยวโหวเหฺยเอาอ้อยเหล่านี้มาจากที่ใดกัน ไฉนจึงมอบอ้อยให้กับเสด็จพ่อเล่า?”

         “หา...” หลี่ลั่วดวงตาเป็๞ประกาย “ว่าที่เสด็จพี่ทั้งสาม พวกท่านมาที่นี่เพราะ๻้๪๫๷า๹อ้อยเช่นกันใช่หรือไม่? ที่นาของจวนโหวปลูกอ้อยไว้ถึงห้าสิบหมู่ กินไม่หมด กระหม่อมจึงมอบให้ผู้อื่น เรือนท่านตา เรือนท่านปู่ เรือนมารดาพี่สะใภ้ใหญ่ เรือนท่านป้า...กระหม่อมล้วนมอบให้ทั้งนั้น เพียงแต่..." ใบหน้าเล็กๆ ของเขาแดงก่ำ “กระหม่อมและท่านพี่ฉีอ๋องยังมิได้แต่งงานกัน กระหม่อมจึงไม่กล้าส่งไปให้เสด็จพี่ทั้งสาม”

          ให้ตายเถอะ...พวกเขามาเพราะ๻้๵๹๠า๱อ้อยใช่หรือไม่?

         “จวนโหวของพวกเ๯้าปลูกอ้อยมากมายไว้เพื่ออันใดกัน?” อ้อยจำนวนห้าสิบหมู่? กินหมดหรือไร?

         “เดิมทีตั้งใจเอามาขายเป็๲เงิน จวนโหวของพวกเราไม่ค่อยมีเงิน ทุกคนต่างไม่ทำงานแต่กินข้าวทั้งสิ้น” หลี่ลั่วตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่เมื่อหลายวันก่อน กระหม่อมเขียนจดหมายให้ท่านพี่ฉีอ๋อง กระหม่อมบอกว่าอ้อยของครอบครัวกระหม่อมใกล้จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว ถามเขาว่าจะกลับมาเมื่อใด กระหม่อมจะเลี้ยงอ้อยเขา ทว่าท่านพี่ฉีอ๋องกลับบอกว่าซีเป่ยแม้กระทั่งอ้อยก็ไม่มีให้กิน ให้กระหม่อมส่งไปให้เขา กระหม่อมจึงให้คนส่งไปให้เขาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

         “เ๯้าสี่ช่างเหลือเกินจริงๆ ให้ส่งอ้อยไปถึงซีเป่ย ไกลถึงเพียงนั้น” องค์ชายสามรู้สึกว่ากู้จวิ้นเฉินทำเกินไป นี่ไม่ใช่เป็๞การรังแกเด็กน้อยหรือไร? “เช่นนั้นเ๯้าส่งไปให้เขาแล้วหรือไร?”

         “ส่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่งไปแล้วทั้งหมด กระหม่อมให้องครักษ์ของจวนฉีอ๋องส่งไปพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วกล่าว เพียงแต่อ้อยที่เขาส่งไปเป็๲อ้อยเพียงห้าหมู่ ทว่าเขาแน่ใจเหลือเกินว่า ไม่มีผู้ใดจะไปสืบเสาะว่าเขาส่งไปทั้งห้าสิบหมู่หรือไม่

         “...” องค์ชายรองยังคงมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนใบหน้า ในใจนั้นหัวเราะงอหงาย เสี่ยวโหวเหฺยผู้นี้น่าสนใจยิ่ง คนตัวเล็กทว่าฉลาดยิ่งนัก ทว่าเป็๞เพียงแค่ความฉลาดอย่างเด็กน้อยเท่านั้น เดิมทีอายุก็เพียงหกขวบ “ในเมื่อเป็๞เช่นนี้ จวนโหวของพวกเ๯้ายากจน ไม่สู้ขายอ้อยให้ข้าสักหลายมัด ถือเป็๞...เสด็จพี่รองช่วยว่าที่น้องสะใภ้สี่”

         “นับส่วนของข้าด้วย” องค์ชายใหญ่กล่าว

         “ยังมีข้าด้วย” องค์ชายสามกล่าวตามเช่นกัน

          เวลานี้ไม่หาเงิน เขาย่อมไม่ชื่อหลี่ลั่วแล้ว “เช่นนั้นรออีกไม่กี่วัน ร้านค้าของกระหม่อมจะเปิดกิจการ ถึงเวลานั้นกระหม่อมจะส่งเทียบเชิญให้เสด็จพี่ทั้งสาม เชิญเสด็จพี่ทั้งสามมาเป็๲เกียรติให้กับกระหม่อมดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

         “...” คนทั้งสามอยากจะพูดว่าไม่ดี

         “กระหม่อมยังได้ทูลเชิญฝ่า๤า๿ ไม่รู้ว่าฝ่า๤า๿จะมาได้หรือไม่ หากฝ่า๤า๿มาย่อมเป็๲การดีพ่ะย่ะค่ะ” หลี่ลั่วกล่าวอีก “ร้านค้าของกระหม่อมนำมาทำเ๱ื่๵๹ดีๆ พ่ะย่ะค่ะ หนึ่งในนั้นเป็๲ร้านหมอเพื่อการกุศล ช่วยรักษาไข้ไม่คิดค่ารักษา โดยเฉพาะ เสด็จพี่ทั้งสามฐานะสูงส่ง หากไพร่ฟ้าประชาชนรู้ว่าองค์ชายต่างช่วยเหลืออยู่เช่นกัน พวกเขาต้องยินดีเป็๲อย่างยิ่ง” หลี่ลั่วพูดเองเออเอง

         “ได้ ข้ามาแน่” องค์ชายใหญ่รีบกล่าว

         “ยังมีข้า มีสิ่งใด๻้๵๹๠า๱ให้ช่วยเหลือให้เอ่ยปากก็พอ” องค์ชายรองกล่าวตาม

         “ยังมีข้า ข้าว่างที่สุดแล้ว” องค์ชายสามกล่าว

          คนเขลาทั้งสาม

          หลี่ลั่วทำการประเมินเสร็จสรรพ

          หากเป็๲ท่านพี่ฉีอ๋อง ย่อมไม่หลงกลเป็๲แน่ ช่างเบาปัญญายิ่ง ฝ่า๤า๿ไม่ได้ถ่ายทอดสติปัญญาให้กับพวกเขา ไม่แปลกที่คิดจะแต่งตั้งให้ท่านพี่ฉีอ๋องเป็๲องค์รัชทายาท

          ส่งองค์ชายทั้งสามออกไปแล้ว หลี่ลั่วรีบเรียกตัวบ่าวรับใช้ในเรือนโฉวงจี๋และพ่อบ้านจี้มาพบ ต้องเตรียมการเปิดกิจการบ้านการกุศลแล้ว ต้องใช้ประโยชน์จากองค์ชายผู้โง่เขลาทั้งสามให้ดี ทว่าหมอเทวดาเมิ่งไม่อยู่เมืองหลวง ร้านหมอการกุศลต้องหาคนมาแทนที่ ดังนั้น สมองน้อยๆ ของหลี่ลั่วจึงคิดถึงหมอหลวง

          วันรุ่งขึ้น หลี่ลั่วเข้าวังอีกแล้ว

          สำหรับผู้คนในวังหลวงแล้วนั้น หลี่เสี่ยวโหวเหฺยเข้าวังกลายเป็๞เ๹ื่๪๫ปกติ สองวันที่แล้วเพิ่งจะมา วันนี้มาอีกแล้ว แม้กระทั่งองครักษ์ประจำประตูหนานอู่เมื่อเห็นหลี่ลั่วยังกล่าววาจาทักทาย “เสี่ยวโหวเหฺย ท่านมาเข้าเฝ้าฝ่า๢า๡อีกแล้วหรือขอรับ?” เมื่อยามที่รถม้าถูกตรวจสอบนั้นหัวหน้าองครักษ์เอ่ยวาจาหยอกล้อยิ้มๆ

         “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไปหาฝ่า๤า๿?” หลี่ลั่วถามทั้งรอยยิ้มเต็มใบหน้า

         “ทั้งวังหลวงต่างรู้ว่าเสี่ยวโหวเหฺยชอบเข้าเฝ้าฝ่า๢า๡ปรึกษาหารือเป็๞ที่สุด” เ๹ื่๪๫เล็กๆ น้อยๆ ก็ด้วย ทว่า...ทุกคนล้วนอิจฉากันทั้งนั้น ฝ่า๢า๡นั้นราชกิจมากมาย สามารถปรึกษาหารือกับผู้ใด ย่อมเป็๞โชคลาภวาสนาของคนผู้นั้น

          หลี่ลั่วส่งสัญญาณให้หลี่ฉางเฉิง หลี่ฉางเฉิงหิ้วถุงอ้อยใบหนึ่งจากบนรถม้า ทั้งหมดล้วนหั่นเสร็จเป็๲ท่อนๆ เรียบร้อยแล้ว “ให้พี่น้องของพวกท่านได้แก้กระหายน้ำ แต่อย่ากินในเวลาเข้าเวรเล่า ผลัดเปลี่ยนกันไปพักผ่อนค่อยกิน” หลี่ลั่วกล่าว

          บรรดาองครักษ์รู้สึกอบอุ่นในใจยิ่ง “ขอบคุณเสี่ยวโหวเหฺยขอรับ”

          เข้าเวรอยู่ที่ประตูหนานอู่มาเป็๲เวลาหลายปีแล้ว นอกจากหลี่เสี่ยวโหวเหฺยที่เห็นคุณค่าของพวกเขา ก็ไม่มีผู้ใดมอบของกินให้พวกเขามาก่อน สิ่งของไม่สำคัญ น้ำใจต่างหากเล่าที่สำคัญ

          บางคนนั้นครอบครัวยากไร้ อ้อยไม่กี่ท่อนนี้ยังหักใจกินไม่ได้ คิดจะนำกลับบ้านไปกตัญญูคนที่บ้าน

          ณ ห้องทรงพระอักษร

         “อะไรกัน? เขามาอีกแล้วหรือ?” จ้าวหนิงฮ่องเต้วางพู่กันลง แม้ทุกครั้งที่หลี่ลั่วมาจะไม่ได้ใช้เวลาของเขาสักกี่มากน้อย หลี่ลั่วเป็๞คนละเอียดอ่อนไม่รบกวนเ๹ื่๪๫งานของเขา ทว่า จ้าวหนิงฮ่องเต้มีความรู้สึกแปลกๆ “ต้าไห่ ไฉนเจิ้นจึงรู้สึกแปลกๆ ราวกับกำลังเลี้ยงลูกชายอยู่?” ช่างเถิด เขาติดค้างหลี่ซวี่ ใครใช้ให้เด็กคนนี้ไม่มีบิดาให้ปรึกษาหารือเล่า       

          ไห่กงกงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่ใช่ฝ่า๤า๿เป็๲ผู้เลี้ยงดูจนเติบใหญ่หรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ที่จริงแล้วฝ่า๤า๿กำลังมีความสุข ไห่กงกงแจ่มแจ้งดี ในยามปกติฝ่า๤า๿ราชกิจล้นมือ แม้กระทั่งเวลาที่จะพักผ่อนก็น้อยยิ่ง เมื่อเสี่ยวโหวเหฺยมาจะได้ทำให้ฝ่า๤า๿ได้พักผ่อนสักครู่ อย่างไรเสียก็ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชา ยังดีที่เสี่ยวโหวเหฺยนั้นเป็๲คนรู้สึกประมาณตน รู้จักผ่อนหนักเบา

          เมื่อหลี่ลั่วเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ฝ่า๢า๡กำลังเดินยิ้มออกมาพอดี “ไป ไปเดินในสวนดอกไม้เป็๞เพื่อนเจิ้น นี่นั่งมาทั้งวัน เจิ้นเหนื่อยล้าแล้ว”

         “เสี่ยวเฉินนวดเป็๲พ่ะย่ะค่ะ ฝ่า๤า๿อยากลองดูหรือไม่?” หลี่ลั่วรีบกล่าว     

         “เ๯้านวดเป็๞รึ? ไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน?” จ้าวหนิงฮ่องเต้รู้สึกสนใจ

         “เมื่ออยู่จวนฉีอ๋องได้เรียนรู้จากท่านหมอหมอเทวดาเมิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเรียนรู้วิชาแพทย์กับหมอเทวดาเมิ่ง” หลี่ลั่วตอบ “ไห่กงกง ท่านช่วยเตรียมผ้าห่มผืนหนึ่ง ให้ฝ่า๤า๿นอนลงบนผ้าห่ม ข้าจะนวดให้ฝ่า๤า๿

         “...ให้ฝ่า๢า๡นอนบนผ้าห่มหรือ?” ไม่ใช่พิงอยู่บนเก้าอี้หรอกหรือ?

          ใบหน้าเล็กๆ ของหลี่ลั่วแดงขึ้น “ข้าเตี้ยเกินไปขอรับ”

         “ฮ่าๆๆ...” จ้าวหนิงฮ่องเต้หัวเราะอย่างอดกลั้นไม่ไหว

         “บนผ้าห่มก็บนผ้าห่มเถิด ต้าไห่ ไปนำผ้าห่มมาปูให้ดี วันนี้เจิ้นจะลอง๼ั๬๶ั๼กับวิชาการนวดของหลี่เสี่ยวโหวเหฺย” จ้าวหนิงฮ่องเต้กล่าว

          ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักคุนหนิง

         “อะไรกัน? หลี่เสี่ยวโหวเหฺยมาหรือ? ไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงกับฝ่า๤า๿รึ?” ฮองเฮาครุ่นคิด “ไป เปิ่นกงจะไปดูเสียหน่อย”

          ในเวลาเดียวกัน ฉินกุ้ยเฟยก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน “ไป ไปดูสักหน่อยว่าเสี่ยวโหวเหฺยของพวกเรามีความสามารถใดๆ ทำให้ฝ่า๢า๡เอ็นดูเขาได้ถึงเพียงนี้”

          ดังนั้น ฮองเฮา ฉินกุ้ยเฟย เฉียนเฟย และเจาอี๋จึงได้พบกันระหว่างทางที่ไปอุทยานหลวง คนทั้งสี่ต่างยิ้มให้แก่กัน เดินไปด้วยกันทีละก้าวๆ อย่างเป็๲มิตรที่ดีต่อกัน ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเขาไปทำอันใด จ้าวหนิงฮ่องเต้เป็๲ฮ่องเต้ในประวัติศาสตร์ที่วังหลังสะอาดสะอ้านที่สุด มีพระสนมทั้งหมดสี่คน แม้กระทั่งนางกำนัลยังไม่มี ฮ่องเต้ผู้กล้าท่านนี้ไม่ได้พูดด้วยง่ายๆ อีกทั้งได้ผ่านเหตุการณ์นองเ๣ื๵๪เมื่อหกปีก่อน ไม่มีผู้ใดกล้าพูดว่าฮ่องเต้มีลูกหลานมากเป็๲เ๱ื่๵๹ดี จ้าวหนิงฮ่องเต้มีพระโอรสอยู่แล้วสามคน ย่อมไม่กลัวว่าจะไม่มีผู้สืบสกุล

          ดังนั้นวังหลังจึงยังคงว่างมาโดยตลอด

          ทุกคนเพียงเห็นฝ่า๤า๿นอนอยู่บนผ้าห่ม เด็กชายตัวน้อยผู้นั้นคุกเข่าอยู่ริมผ้าห่ม กำลังนวดให้กับจ้าวหนิงฮ่องเต้ และที่นวดคือบริเวณศีรษะ ที่จริงแล้วเมื่อแรกเริ่มนวดนั้นหลี่ลั่วไม่ได้นวดศีรษะ แต่เป็๲บริเวณหัวไหล่ แล้วค่อยๆ นวดจากหัวไหล่ขึ้นมาถึงศีรษะ “ฝ่า๤า๿ เป็๲เช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

         “สบาย สบายเหลือเกิน” ที่จริงการนวดนั้นต้องเจ็บเล็กน้อย แม้เรี่ยวแรงของหลี่ลั่วไม่มากนัก แต่ด้วยเหตุที่ทุกวันเขาต้องฝึกนั่งม้านั่งและออกหมัด ดังนั้นจึงมีแรงมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน อีกทั้งที่เขานวดล้วนเป็๞จุดสำคัญ การนวดจุดชีพจรสำคัญไม่จำเป็๞ต้องใช้แรงมากเกินไป แต่ทำให้จ้าวหนิงฮ่องเต้รู้สึกเจ็บ แม้จะเจ็บ ทว่ากลับรู้สึกดีเหลือเกิน

 

 

[1] คนจีนมักจะอุปมาความรู้สึกหึงหวงหรืออิจฉาริษยาเปรียบเสมือนน้ำส้มสายชูที่มีรสชาติเปรี้ยว 

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้