“สืออี ตามพวกเขาไป”
เมื่อเห็นสตรีรับใช้เดินลึกเข้าไปในจวนเหลียง เวินซีก็สั่งสืออีเบาๆ นางะโลงจากหลังคาแล้วแอบตามไป สืออีก็เดินตามไปติดๆ
พวกนางเดินคดเคี้ยวไปตามทางเดินในจวนเหลียงกว่าสิบห้านาที ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่ซ่อนอยู่ในเรือน
สตรีรับใช้และคนรับใช้คนอื่นๆ วางเสื้อผ้า ยา และเชือกไว้ที่ประตู
หัวหน้าของสตรีรับใช้ก้าวเดินไปด้วยความเคารพและเคาะประตูเบาๆ “นายน้อยเหลียง เราได้เตรียมของมาแล้วเ้าค่ะ ออกมาเอาได้เลย พวกเราต้องขอตัวไปก่อน หน้าประตูมีเสี่ยวฉานอยู่ มีเื่อันใดเรียกใช้นางได้เลยเ้าค่ะ”
“รู้แล้ว รีบออกไปเสีย” เสียงที่ไร้ความอดทนดังมาจากประตู
เหล่าสตรีรับใช้และคนรับใช้พากันกลับออกไป เหลือเพียงคนเฝ้าประตูเพียงคนเดียว
“อู้...เหลียงฝู...อู้...ช่วย...ช่วยด้วย...”
ประตูถูกเปิดออก มีบุรุษอ้วนเตี้ยคนหนึ่งออกมาหยิบของที่พื้น ในตอนที่ปิดประตู เวินซีก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของสตรีดังมาเป็ระยะ
ไม่คิดเลยว่าจะมีสตรีอยู่ข้างใน เวินซีจึงเดินขึ้นไปบนหลังคาด้วยสีหน้าเ็า โดยมีสืออีตามไปด้วย
ทั้งสองช่วยกันเปิดชิ้นส่วนของหลังคาออก พลันมองลงไป
ในห้องมีเทียนหลายเล่มจุดอยู่ ทำให้ห้องสว่างไสว
สตรีคนหนึ่งถูกมัด นางขดตัวอยู่ที่พื้น เหลียงฝูหรู่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ไม่ไกลจากนาง
ใบหน้าของสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา นางมองดูแผ่นหลังของเหลียงฝูหรู่ก็ส่ายศีรษะร้องไห้สะอื้นไม่หยุด แลดูสิ้นหวังเป็อย่างยิ่ง
“เ้าคิดสิว่าหากเ้าเต็มใจจะอยู่กับข้า เ้าจะต้องทรมานเฉกเช่นวันนี้หรือไม่ หากเ้ายอมอยู่กับข้า ข้าคงจะเอาใจเพียงเ้า น่าเสียดายเสียจริง...”
“พ้นคืนนี้ไป เ้าก็เป็ของข้าแล้ว ผู้ใดให้เ้ารังเกียจข้า ปฏิเสธข้ากัน คืนนี้ข้าจะทำเ้าให้ตาย”
“ร้องไปสิ ะโไปเถิด ดูสิว่าจะมีผู้ใดมาช่วยเ้าได้หรือไม่”
“ที่นี่คือจวนเหลียง ทุกคนล้วนเป็คนของข้า พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งข้า ทำได้เพียงเชื่อฟัง เห็นหรือไม่ว่าของพวกนี้ พวกนั้นน่ะนำมาให้ข้า เ้ายังคิดหรือว่าจะมีผู้ใดช่วยเ้าได้?”
ในขณะที่เหลียงฝูหรู่ยิ้มเยาะ บนร่างของเขาก็เหลือเพียงกางเกงขนสัตว์เพียงตัวเดียว เขาเดินยิ้มไปหาสตรีนางนั้นด้วยร่างที่มีมัดกล้าม
สตรีผู้นั้นยิ่งดิ้นขัดขืนมากขึ้น
ในขณะนั้นมีธูปก้านหนึ่งถูกโยนลงมาในห้อง ควันธูปกระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว
เหลียงฝูหรู่อุ้มสตรีนางนั้นขึ้นมาและโยนนางลงบนเตียง เขาคิดจะขึ้นเตียงไป แต่กลับต้องล้มตึงไปกับพื้นและตาเหลือก
“อู้...อู้...ช่วย...ช่วยด้วย...” สตรีผู้นั้นราวกับได้เห็นความหวัง นางเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
หลังจากที่เวินซีและสืออีทำให้เหล่าสตรีรับใช้สลบไปก็เดินเข้ามา
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็อันใดแล้วเ้าค่ะ” เวินซีเข้ามาปลอบนาง พลางปลดเชือกให้
ทันทีที่เป็อิสระ สตรีนางนั้นก็กอดเวินซีแน่นด้วยความกลัว
“ได้โปรดช่วยข้าด้วยเ้าค่ะ” เสียงของนางสั่นเครือ ร่างกายเย็นเยียบไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว
“ไม่เป็อันใดแล้วเ้าค่ะ ไม่เป็อันใดแล้ว” เวินซีตบหลังปลอบนางเบาๆ เมื่อเห็นว่านางสงบลงแล้วจึงเอ่ยปากถาม “ท่านรู้ว่าห้องลับของจวนเหลียงอยู่ที่ใดหรือไม่เ้าคะ?”
“รู้เ้าค่ะ ท่านอยากให้ข้านำทางไปหรือไม่?”
“เ้าค่ะ รบกวนด้วยเ้าค่ะ” เวินซีพยุงนางขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยกัน
“สืออี จับตาดูเขาไว้” คำสั่งของเวินซีทำให้สืออีต้องหยุดก้าวเท้า
“ขอรับ” สืออีพยักหน้าและมองดูเหลียงฝูหรู่ที่ยังนอนอยู่บนพื้น
หลังจากที่เวินซีพาสตรีผู้นั้นเดินอ้อมสตรีรับใช้และคนรับใช้มากมายไปได้ พวกเขาก็ไปถึงห้องลับได้สำเร็จ
หลังจากที่ทุบคนรับใช้ที่เฝ้าประตูแล้ว เวินซีก็เตะประตูแล้วปล่อยให้เหล่าสตรีที่ถูกกักขังออกมา
สตรีหลายคนมองไปด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อได้สติ พวกนางก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“อย่าได้เสียงดังไปเ้าค่ะ ตามข้ามา ข้าจะพาพวกเ้าออกไป”
เวินซีกลัวว่าพวกนางจะโดนจับไปเสียก่อนไปถึงประตู จึงเอ่ยเบาๆ แล้วเดินนำหน้า
พวกสตรีทั้งหลายเดินตามนางไปอย่างเชื่อฟัง และเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว
คนรับใช้ สตรีรับใช้ และทหารลับที่เวินซีพบระหว่างทางล้วนถูกนางจัดการจนหมดสิ้น หลังจากที่ส่งพวกนางออกไปทั้งหมดแล้ว เวินซีก็กลับไปที่ห้องของเหลียงฝูหรู่
ขณะนั้นฤทธิ์ยายังไม่หมดไป เขายังสลบอยู่บนพื้น
“คุณหนูเวินซี เราจะทำอันใดต่อขอรับ?” เมื่อเห็นนางกลับมา สืออีก็เอ่ยขึ้นทันที
“สั่งสอนเขาเสียหน่อย ส่วนที่เหลือก็ให้สตรีเ่าั้จัดการ”
สตรีเ่าั้มีชีวิตออกไปได้ เหลียงฝูหรู่มิต้องคิดจะเอาตัวรอดเลย วันพรุ่งนี้จะต้องมีเื่สนุกรอเขาอยู่แน่
“ขอรับ” สืออีพยักหน้า
เวินซีเดินไปที่เหลียงฝูหรู่ โรยผงพิษแล้วจากไปกับสืออีอย่างพอใจ
ไม่นานนัก ตุ่มแดงก็เริ่มปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเหลียงฝูหรู่ เสียงครวญครางอันเ็ปพลันออกมาจากปากของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเตี๊ยม
เวินซีออกมาจากห้องพลางยืดตัวอย่างเกียจคร้าน โดยมีจ้าวต้านยืนข้างนางและแบกสัมภาระไว้บนหลัง
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว สืออีและต้วนจิงเย่ก็เปิดประตูออกมาเช่นกัน
“คุณหนูเวินซี เมื่อคืนนอนหลับดีนะขอรับ?” ต้วนจิงเย่มองนางด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วเอ่ยถามเบาๆ
“เ้าค่ะ เดินไปกันเถิด หากออกไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะมีเื่สนุกให้ดู” เวินซีตอบเนิบๆ แล้วเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป
ต้วนจิงเย่จึงตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ปิดบังของเขา สืออีก็ใ พลางเหลือบมองจ้าวต้านจากหางตา เห็นใบหน้าของเขาค่อยๆ มืดมนมากขึ้น ตนเองจึงรีบวิ่งตามไป
จ้าวต้านสังเกตเห็นแล้ว ในใจของเขาเต็มไปด้วยเสียงเตือน
เวลานี้ที่ด้านนอกร้าน เสี่ยวเอ้อลากรถม้าของทั้งสี่คนออกมาด้วยความนอบน้อม
เสี่ยวเอ้อมีสีหน้าเป็ปกติ มิได้พูดถึงเื่คนอื่นๆ ในร้าน พวกเวินซีก็แสร้งทำเป็ไม่รู้ความ และไม่เอ่ยคำใด
พวกเขาทั้งสี่ขึ้นรถม้าไป รถม้าก็ออกตัวเดินทางไปที่ประตูเมือง
ถนนในวันนี้เงียบเชียบและไร้ผู้คน เวินซีรู้สาเหตุจึงเอนตัวพิงหน้าต่างมองออกไปข้างนอก
สิบห้านาทีต่อมา ในที่สุดรถม้าก็แล่นผ่านหน้าจวนเหลียง นางหย่อนเชือกม้า ให้รถม้าจอดลงข้างทาง
“ไปเรียกเหลียงฝูหรู่ออกมา มิเช่นนั้นข้าจะเผาจวนเหลียงให้หมด!”
“พวกเ้าจิตใจอำมหิตโเี้กันทั้งจวน พวกเ้าต้องมิตายดี”
“ออกมา หากไม่พาเหลียงฝูหรู่ออกมาด้วย พวกเราจะบุกเข้าไป เ้าหน้าที่ใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเ้าอย่าทำเป็ไม่รู้ผิดบาป”
......
เสียงสาปแช่งดังขึ้นที่หน้าจวนเหลียง คนรับใช้และสตรีรับใช้ที่ประตูต่างตื่นตระหนก พวกเขาทำได้เพียงสกัดผู้คนที่แตกตื่นไว้มิให้บุกเข้าจวน
“ทุกท่านอย่าได้แตกตื่นไปขอรับ เื่นี้จวนเหลียงจะต้องให้คำอธิบายกับทุกท่านได้แน่ ทุกท่านใจเย็นก่อนขอรับ” พ่อบ้านปาดเหงื่อพลันเอ่ยเสียงดัง
“อธิบายอันใด? หากเหลียงฝูหรู่ไม่ตาย ก็ไม่ต้องมีคำอธิบายอันใดให้เรา ตระกูลเหลียงเป็คนดีเสมอมา หากนายท่านกับฮูหยินเหลียงรู้ว่าบุตรชายเขาทำเื่โสมมเช่นนี้ พวกเขาต้องโกรธจนลุกขึ้นมาจากหลุมเป็แน่”
พ่อบ้านถูกด่าจนพูดอะไรไม่ออก
ในเวลานั้นกลุ่มคนแตกตื่นมาก สตรีทุกคนที่ถูกเขาย่ำยีต่างคลุมหน้ากันมาที่ประตูจวน พวกนางร้องไห้อย่างน่าอนาถ ทำให้ผู้คนโกรธเป็ฟืนเป็ไฟยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันก็มีคนนำกองกำลังบุกเข้าไป ทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ภายนอกจวนเหลียงก็เข้าไปในจวนได้สำเร็จ
พ่อบ้านทำอันใดมิได้นอกจากต้องถอยออกไปด้านข้าง พลางถอนหายใจ
ไม่นาน ควันหนาทึบก็ฟุ้งออกมาจากเรือนในสวนหลังของจวนเหลียง เมื่อเห็นว่าไฟลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ เวินซีก็วางม่านหน้าต่างลงพลันให้ม้าออกตัวไป...