“โครม!”
เสียงดังะเืเลือนลั่น กำไลดับิญญาถูกกระบี่ฟันกระเด็นตกลงพื้น ตรงกำไลเกิดรอยแตกพลังิญญากระจัดกระจาย
สมบัติวิเศษระดับสูงถึงกับถูกปราณกระบี่ทำลาย! ฝีมือ...ใครกันแน่?
ทุกคนสูดลมหายใจเข้าเสียงดัง เมื่อเงยหน้ามองบนฟ้า ใบหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความใ
ซีโหลวเหวินอวี่เก็บสมบัติวิเศษที่เสียหายกลับไป เขาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงมีท่าทางเยือกเย็นถึงที่สุด!
เสิ่นว่านโหลวกับจั๋วไท่หยวนมองหน้ากัน ต่างคนต่างเผยสีหน้าหนักอึ้ง โดยเฉพาะจั๋วเหล่าเอ้อกับจั๋วเหล่าซาน ยิ่งรู้สึกจิตใจกระสับกระส่าย
สำหรับซีโหลวรั่วเมิ่ง นางกำลังกอดแขนที่ขาดของตัวเองอย่างเหม่อลอย ส่วนสีเฟยเยียนพยุงนางถอยไปอยู่ข้างกายเหลียนเว่ยฉีเพื่อให้กองทัพเกราะทมิฬปกป้อง
……
จั๋วอวี้หวั่นกลับไม่ได้สนใจคนอื่น นางเดินมาข้างกายจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยการพยุงของลุงเยี่ยน นางกอดเขาเอาไว้ น้ำตาไหลรินเต็มใบหน้า
“พี่หญิงวางใจ ท่านพ่อ...กลับมาแล้ว”
จั๋วอวิ๋นเซียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มีเงาโบยบินจากบนท้องฟ้า นั่นคือท่าร่างระบำกระเรียนเก้า์ ท่าก้าวเดินนั้นราวกับเป็เซียนจุติในโลกมนุษย์
ผู้มาเยือนมิใช่ใครอื่น เขาก็คือผู้นำตระกูลจั๋ว จั๋วฟู่ไห่
จั๋วอวิ๋นเซียนเชื่อว่าบิดาของตัวเองต้องกลับมาแน่ั้แ่ต้น เขาจึงจงใจถ่วงเวลา ยอมแม้กระทั่งเปิดเผยตัวตน...น่าเสียดายเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอันเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะรับมืออย่างไรล้วนเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ไม่ได้
โชคดีที่จั๋วฟู่ไห่มาถึงทันเวลา แต่ตอนนี้อาภรณ์ของเขาอาบย้อมด้วยเื าแเต็มตัว ท่าทางเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมา
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้เขายังคงยืดแผ่นหลังตั้งตรง ถือกระบี่อย่างมั่นคง ราวกับเป็ูเาสูงตระหง่าน ให้ความรู้สึกหนักแน่น
……
“ท่านพ่อ น้องชายะเิตราประทับ ทำลายเส้นทางเซียนไปแล้ว ท่านต้องแก้แค้นให้น้องชายด้วย!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้อย่างโศกเศร้าของจั๋วอวี้หวั่น จั๋วฟู่ไห่มองไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน...กลิ่นอายสับสน ิญญาอ่อนแอ เหมือนเป็เชิงเทียนที่น้ำมันใกล้หมด
“ท่านผู้นำ ข้าเยี่ยนชางเป่ยไร้ความสามารถ มิอาจดูแลคุณหนูกับนายน้อยให้ดี เยี่ยนชางเป่ยทำผิดต่อท่าน!”
ลุงเยี่ยนทั้งเสียใจและโกรธแค้น ในใจเต็มไปด้วยความสับสนและรู้สึกผิด
เมื่อเทียบกันแล้วจั๋วอวิ๋นเซียนมองบิดาของตนด้วยสายตาสงบนิ่ง เขารู้ว่าบิดามีเื่อยากจะพูดมากมาย
“คุ้มค่าแล้วหรือ?”
“คุ้มค่า”
“เสียใจหรือ?”
“ไม่เสียใจ”
นี่คือคำตอบของจั๋วอวิ๋นเซียนและเป็ความสงบนิ่งในใจของเขาอย่างแท้จริง
เมื่อก่อนจั๋วฟู่ไห่เคยเตือนกับจั๋วอวิ๋นเซียนไปแล้ว หากโดดเด่นเกินไปอาจถูกหมายตาได้ เขาจึงหวังว่าบุตรของตนจะแอบซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้...แต่เื่ในวันนี้จั๋วอวิ๋นเซียนกลับแบกรับหน้าที่ไม่เสียทีที่เป็ลูกผู้ชาย เขาจึงไม่ได้ปลอบใจหรือดุด่า
“ดี ดี ดี! ์ช่างให้ความสำคัญกับข้าเสียจริง!”
จั๋วฟู่ไห่หัวเราะเย้ย์ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “บุตรชายของข้าจั๋วฟู่ไห่ สมควรเป็คนจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ต่อให้ไม่มีพลังแล้วอย่างไร ต่อให้ร่างกายพิการแล้วอย่างไร ขอเพียงยังมีชีวิตก็มีชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ลงมือทำ!”
จั๋วฟู่ไห่เว้นจังหวะพูด แอบส่งเสียงกระซิบให้ลุงเยี่ยน ลุงเยี่ยนตกตะลึงจากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น ในดวงตาเผยด้วยความยินดี
เพื่อไม่ให้ถูกพวกซีโหลวเหวินอวี่จับได้ ลุงเยี่ยนจึงรีบก้มหน้าลง
……
จากนั้นจั๋วฟู่ไห่เดินไปทางซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลว
“ซีโหลวเหวินอวี่ เ้ากับข้ารู้จักกันมาหลายสิบปี เคยร่วมเป็ร่วมตายกันมา เรียกได้ว่าเป็มิตรแท้ ข้าช่วยชีวิตเ้าไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้ง แม้แต่แขนของข้าก็ขาดเพื่อเ้า...คิดไม่ถึงว่าเ้ากลับทรยศสหายเพียงเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อย เ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก”
จั๋วฟู่ไห่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เขาไม่ได้โกรธอย่างที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้ เพราะจั๋วอวิ๋นเซียนเคยเตือนเขามาตั้งนานแล้ว และการลอบสังหารครั้งนี้ก็เป็การพิสูจน์ความฉลาดของบุตรชายเขา ถ้าไม่ใช่เพราะจั๋วฟู่ไห่ให้ลุงเยี่ยนเตรียมลูกปัดเพลิงอัสนีเอาไว้หลายลูก เกรงว่าเขาคงกลับมาไม่ได้แล้วจริงๆ
ผ่านไปเนิ่นนาน ซีโหลวเหวินอวี่กล่าวพลางถอนหายใจ “พี่จั๋ว ถ้าเพียงเพื่อผลประโยชน์อันน้อยนิด ข้าซีโหลวเหวินอวี่จะวางแผนชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร จนสุดท้ายยังต้องแบกรับชื่อเสียงเลวทรามอย่างคนอกตัญญู จิตใจอำมหิต...”
ซีโหลวเหวินอวี่กล่าวด้วยเสียงจริงจัง “น่าเสียดายเส้นทางการค้าของเมืองตงหลิงมีความสำคัญเป็อย่างมาก ส่งผลกระทบต่อแผนการของใต้เท้าท่านนั้น เ้าผิดที่ไปอยู่กับพวกจั่วชินอ๋อง ต่อหน้าผลประโยชน์เ้ากับข้าต่างเป็เพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเอาวิชาระดับเปิดชีพจรมาแลกเปลี่ยน ถ้าเป็เ้า เ้าจะปฏิเสธหรือ?”
“อย่าคิดว่าทุกคนจะเลวทรามต่ำช้าเหมือนกับเ้า!”
จั๋วฟู่ไห่กล่าวด้วยใบหน้าดูแคลน “ถึงแม้วิชาระดับเปิดชีพจรจะล้ำค่ามาก แต่ก็แลกกับเกียรติยศของผู้แซ่จั๋วมิได้ ในเมื่อวิถีต่างกัน ก็ไม่ควรรู้จักกัน คิดเสียว่าข้าผู้แซ่จั๋วตาบอด ถึงกับคบสัตว์เดรัจฉานอย่างเ้าเป็สหาย!”
“เช่นนั้นเ้าคิดจะทำอย่างไร?”
“วันนี้ข้าจะสังหารเ้าด้วยกระบี่เล่มนี้!”
จั๋วฟู่ไห่กำลังจะลงมือเหลียนเว่ยฉีกลับก้าวออกมา “จั๋วฟู่ไห่ มีคนฟ้องร้องว่าเ้าร่วมมือกับศัตรู สมคบคิดกับปีศาจ ทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน...ข้านำราชโองการมา ขอให้เ้าตามข้ากลับไปรับโทษด้วย!”
“ราชโองการหรือ?”
จั๋วฟู่ไห่อดตะลึงไม่ได้ กวาดสายตามองรอบด้านด้วยจิตใจมืดมนทันที
เมื่อเหลียนเว่ยฉีเห็นจั๋วฟู่ไห่กังวล จึงชูราชโองการะโเสียงดัง “จั๋วฟู่ไห่เ้าคิดให้ดีนะ การขัดราชโองการเท่ากับทรยศแผ่นดิน หรือว่าเ้าคิดจะลากทั้งตระกูลจั๋วเข้าไปเกี่ยวด้วย? ยังไม่รีบยอมให้จับอีก!”
“……”
จั๋วฟู่ไห่มองกระบี่กระเรียนในมือ พลังค่อยๆ พลุ่งพล่านขึ้น “ชั่วชีวิตของข้า องอาจหาญกล้า มิเคยทำผิด พวกต่ำช้าอย่างพวกเ้า คู่ควรให้ข้าก้มหัวด้วยหรือ?”
“เ้า...”
เหลียนเว่ยฉีอับอายจนโมโหคิดจะะโด่า แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความโกรธของยอดฝีมือ ท้ายที่สุดทำได้เพียงกลืนคำพูดกลับไป
แต่ไม่เป็ไร เขาทำพอเป็พิธีเพียงเท่านั้น เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าจั๋วฟู่ไห่จะไม่ยอมประนีประนอม เมื่อเป็เช่นนี้พวกเขาจึงสามารถจับอีกฝ่ายได้อย่างถูกต้อง
ในเวลานี้ซีโหลวเหวินอวี่กล่าวลองเชิง “จั๋วฟู่ไห่ ก่อนหน้านี้เ้าเพิ่งต่อสู้มา เกรงว่าคงหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้วกระมัง?”
“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ จะสู้ก็เข้ามา...จัดการพวกหนูสกปรกอย่างพวกเ้า เรี่ยวแรงในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อกล่าวจบจั๋วฟู่ไห่หายไปจากจุดที่ยืนอยู่
ระบำกระเรียนเก้า์ หนึ่งก้าวหนึ่งบัวบาน
เห็นเพียงขนนกสีขาวล่องลอยบนท้องฟ้า ราวกับกระเรียนขาวร่ายรำ ว่องไวและงดงาม
ทันใดนั้นปราณเยือกเย็นกะพริบวาบ จิตกระบี่น่าหวาดกลัวพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ราวกับธารดาราพลิกคว่ำ ์และพื้นปฐีถล่มทลายอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเทียบกับวิทยายุทธ์กระบี่ของจั๋วอวิ๋นเซียนแล้วแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลายเท่าตัว!
มีเพียงกระบี่ แต่ไร้ซึ่งเงาคน
นี่ถึงจะเป็กระบี่เหินฟ้า เซียนทะยานสู่์ที่แท้จริง!
……
“เร็วเข้า! ทุกคนลงมือพร้อมกัน!”
ซีโหลวเหวินอวี่รู้ว่าสู้ไม่ไหวจึงรีบะโเสียงดัง
เสิ่นว่านโหลวกับจั๋วไท่หยวนไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย ต่างคนต่างใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุด! เพราะพวกเขารู้ดี ถ้าวันนี้ปล่อยให้จั๋วฟู่ไห่หนีไปได้ พวกเขาจะไม่มีวันใช้ชีวิตอย่างสงบได้อีก
“วี๊ด...”
จิตกระบี่พร่ามัว กระเรียนเมฆากู่ร้อง!
ไม่ว่าเป็สมบัติวิเศษระดับสูงหรือวิทยายุทธ์อัศจรรย์ ล้วนถูกทำลายภายใต้กระบี่ของจั๋วฟู่ไห่ เรียกได้ว่าหนึ่งกระบี่ทำลายสรรพสิ่ง!
“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”
ปราณกระบี่ฟาดฟันเงาร่างทั้งสามล้มลงพื้น พวกเขาก็คือพวกซีโหลวเหวินอวี่
ทว่าขณะที่จั๋วฟู่ไห่กำลังจะลงมือสังหาร ก็มีฝ่ามือั์พุ่งลงมาจากฟากฟ้า กดทับเขาลงพื้นในทันที
