“รู้สึกจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลนะ” ซ่งชิงหลัวประเมินสภาพการณ์โดยรอบ
สองข้างทางของถนนหุบเขาเป็เนินเขาลูกฟูกและป่าไม้แน่นขนัด ประหนึ่งมงกุฎพฤกษาแห่งทะเลมรกตผ่าเผยกลางสายวายุ ในป่าทั้งชื้นและมืดมน มีเสียงขู่เค้นป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์ดังออกมาเป็ระลอก ราวกับเสียงคำรามแห่งิญญาที่ตายในสมรภูมิ
รังสีอาฆาตผังแผ่เล็กน้อย จากพุ่มหญ้ากระจัดกระจายออกมา
ดงหญ้าคาสูงพอจะจมผู้ใหญ่ดั่งมหาสมุทร ราวกับภาพมัวมืดปิดซ่อนทุกสิ่ง และสามารถจมจ่อมทุกอย่าง
ซ่งชิงหลัวรู้สึกถึงการย่างกรายแห่งภยันตราย
“หนี!” นางกำชับเด็กหญิง
ทว่า...
“อยากไปตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว”
น้ำเสียงหนึ่งดังมาจากในป่า
ใต้แสงสุรีย์ เด็กหนุ่มผมขาวตัดสั้นวาววับด้วยไอน่าหวาดหวั่น เส้นผมประหนึ่งเข็มเหล็กลุกฮือ ไม่รู้ว่าปรากฏตัวมาเมื่อใด แต่เดินผลุบออกมาจากดงหญ้าใบกลมด้านหลังทางทิศกองบัญชาการกวางขาว ปิดเส้นทางหนีในสิ้นเชิง
“หาว น่าเบื่อจริงๆ แฮะ” อีกเสียงหนึ่งประสานขึ้นมา
เป็เด็กหนุ่มผมแดงดั่งเพลิงอีกคน กำลังหาวหวอดพลางพาท่าทีเบื่อหน่ายสุดฤทธิ์กรายเข้ามา มือทั้งสองกุมท้ายทอยยามโผล่ออกมาอีกชั้นหนึ่งอย่างเอ้อระเหย ใบหน้ามีรอยยิ้มดูถูก “ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะใช้สักสิบอึดใจในการเขี่ยพวกเ้าให้พ้นๆ ทาง แต่ในเมื่อพวกเ้าเป็สตรี ข้ากับหลินนั่วถึงได้หลับอยู่ใต้เทวรูปปกปักตื่นหนึ่ง ให้เวลาพวกเ้าเสริมไพร่พลสี่ชั่วโมงเต็ม...เอาล่ะ ไม่ต้องขอบน้ำใจไมตรีพวกข้าหรอกนะ ตอนนี้ก็รีบตายดีๆ เสียเถอะ!”
พลังแกร่งกล้าเอ่อท่วมในกายทั้งสอง ค่อยๆ ฟุ้งตลบออกมาเชื่องช้า
ล้อมหน้ารวบหลัง ปกคลุมไว้ในรัศมีอย่างไร้ทางหนี
อิสตรีทั้งสองนางไม่อาจควบคุมตนมิให้แสดงสีหน้ากระวนกระวายได้
ความแข็งแกร่งของศิษย์สำนักหงส์ฟ้า ได้แสดงออกมาทุกเม็ดทุกเหนี่ยวจากการแข่งสามรอบก่อนหน้าแล้ว และนั่นก็ได้ประทับเงามืดไว้แม่นมั่นในหัวใจของสองนาง
“เฮอะๆ แม่สาวที่น่าสงสารคงอยากรู้ว่าคนที่ฆ่าพวกเ้าคือใคร นามของพวกเราคือ หลินนั่วและเจิ้งข่ายแห่งสำนักหงส์ฟ้า” เด็กหนุ่มผมขาวตัดสั้นแบมือเฉียงๆ สนับดาบสีเขียวหมึกก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาเลือนราง ผสมกลิ่นหอมอ่อนคลุ้งมา
ศาสตราวุธิญญา
แค่เริ่มก็ลงมือด้วยอาวุธิญญาแล้ว
พริบตาต่อมา ร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หายไป ราวกับลำแสงพุ่งโจนเข้าใส่ซ่งชิงหลัวเพื่อสังหาร เห็นเป็ภาพเลือนรางแวบไหวในอากาศ
“รอพวกเ้าฟื้นคืนมาก่อน ค่อยมาที่นี่อีกครั้งสิ วางใจได้ ข้าเป็คนคุยง่ายนัก เื่ฆ่าอิสตรีข้าต้องทำให้ลึกซึ้งอยู่แล้ว” เจิ้งข่ายผมแดงออกแรงดึงอากาศเบาๆ เปลวแสงสีส้มแดงพลันส่องประกาย ไม้เท้าั์ปกคลุมด้วยอักขระประหลาดพลันอวดโฉมในกำมือ
อาวุธิญญาเช่นกัน
ไม้เท้ายาวสั่นสะท้านทีหนึ่ง อากาศธาตุก็ะเิประหนึ่งคลื่นดุร้าย
“ถอยเร็ว ไปอยู่ใต้เทวรูปปกปัก” ซ่งชิงหลัวโพล่งดัง
พลังที่ศิษย์หงส์ฟ้าทั้งสองสำแดงออกมานั้น มิใช่สิ่งที่พวกนางทั้งคู่จะต่อต้านได้ ทำได้แค่ถอยหนีชั่วคราวเท่านั้น จากตรงนี้ห่างจากเขตป้องกันนอกสุดของสำนักกวางขาวประมาณพันเมตร เพียงแค่ต้องหนีไปหลบใต้เทวรูปกปักเท่านั้น ใช้พลังโจมตีอันแข็งแกร่งของเทวรูปยืดเวลาออกไปอีกสักเล็กน้อย
ต้นอ่อนของพฤกษาสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือซ่งชิงหลัว พริบตาเดียวก็ลุกลามใหญ่โต กลายเป็โล่กำบังต้นไม้และใบหญ้าปกป้องนางเอาไว้ นี่คืออาวุธิญญาประจำตัวนาม‘ชิงหลัว’ ฝังจิติญญาแห่งพฤกษาและใบหญ้าไว้ เป็สมบัติล้ำค่าแห่งเครือการค้าชิงหลัว
่เี่ิเองก็รู้อันตรายจวนตัวในสภาพการณ์ดี ทั้งร่างกายปะทุด้วยเปลวไฟสีแดง ประหนึ่งจะพิทักษ์นางไว้ เมื่อแผ่มือเรียวออกไป ลูกไฟร้อนแรงพลันกระหน่ำยิงเป็สองแฉกสู่ศัตรูทั้งคู่ ระหว่างนั้นก็ใช้โอกาสถอยหนีสุดกำลัง
“เฮอะๆๆ...”
เสียงหัวเราะโเี้ลอยล่องมาตามกระแสพระพาย
ราวเงาตามตัว
กายวับวาม
ซ่งชิงหลัวรู้สึกถึงความหนาวเหน็บปะทะใบหน้า พลันเถาวัลย์ที่ลุกลามอยู่เบื้องหน้านางก็ถูกถอนจนสิ้นไร้ไม้ตอก สะโพกััความเย็นสายหนึ่ง โลหิตพุ่งพรวดออกมา ขาปรากฏรอยแผลลึกถึงกระดูก ฉับพลันก็ประคองร่างไว้ไม่อยู่จนกลิ้งลงไปกับพื้น...
ซ่งชิงหลัวเบิกตากว้าง
“ชิงหลัว ิญญารัดคอ!”
วินาทีต่อมา เสียงกัมปนาทลั่นในอากาศ กลางนภานั้นปรากฏสัญลักษณ์ลุกลามเป็ทางราวัอสรพิษ นำพาพลังแข็งแกร่งยิ่งยวดพุ่งเข้าพันรอบร่างเร็วประหนึ่งฟ้าแลบ จากนั้นก็รัดไว้สุดตัว บังเกิดแรงมากมายะเิเป็สุ้มเสียง ทลายร่างนั้นสลายสิ้น
สำเร็จแล้ว?
ซ่งชิงหลัวดีใจยิ่ง
ก่อนหน้านี้นางก็ได้ตัดสินใจแล้ว แม้ภายนอกจะเหมือนปล่อยช่องว่างมากมาย แต่ความจริงแล้วภายในได้รับาเ็มากเหลือ และจักต้องกำราบร่างรวดเร็วน่าเหลือเชื่อของคู่ต่อสู้ไว้ให้ได้ พึ่งพลังของอาวุธิญญา ‘ชิงหลัว’ นำปราชัยให้หงส์ฟ้า
ร่ำเรียนในสำนักกวางขาวมานานขนาดนี้ ผ่านการประลองยุทธ์และการทดสอบสนามจริงมานับไม่ถ้วน นางซึ่งประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนนั้น ไม่มีทางหวาดกลัวศัตรูจนหัวหด มีปฏิภาณในการต่อสู้ของตนอยู่แน่แล้ว
ทว่า...
“เฮอะๆ เด็กน้อยเ้าเล่ห์ น่าเสียดาย พลาดไปนิดหน่อยนะ” เสียงหัวเราะโเี้ดั่งแว่วมา หลินนั่วปรากฎกายที่สิบเมตรห่างออกไป ใบหน้าเต็มด้วยรอยยิ้มเย็นเย้ยหยัน “เล่ห์เหลี่ยมน่าสมเพชพรรค์นี้ จะตบตาข้าได้หรือ?”
สิ่งที่ถูกทำลายไปนั้น คือภาพเงาของเขาต่างหากเล่า
ความเร็วของหลินนั่วนั้นมากเกินคณาได้
ใจของซ่งชิงหลัวพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ก็เห็นผลแล้ว
เสียงฮึดฮัดต่ำทุ้มดัง โลกธาตุไหวสะท้าน แยกออกเป็เส้นสายลุกลามไปเรื่อยๆ อัคคีคุ้มครองกาย่เี่ิถูกจู่โจมจนแตกซ่าน พลังน่ากลัวส่งผ่านมาทางพสุธา นางถูกฤทธิ์จนกระอักเื กลิ้งหลุนไปล้มลงอยู่ข้างซ่งชิงหลัว ในมือนางไร้ซึ่งศาสตราวุธิญญา...
“แค่จู่โจมรอบเดียวก็ยังไม่คุ้มค่า!”
เจิ้งข่ายลากไม้เท้าั์เดินเข้ามาช้าๆ
ในบรรดาปีหนึ่งของสำนักหงส์ฟ้าทั้งหมด กำลังกายของเขากว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด พลังดั่งเทพั้แ่กำเนิด ไม้เท้ายาวั์ในมือนั้นหนักถึงสี่พันกว่าจิน คนธรรมดาอย่าว่าแต่ใช้มันต่อสู้เลย แค่จะยกก็ยังยกไม่ขึ้น
“น่าเบื่อเหลือเกิน สำนักกวางขาวมีแต่ของพรรค์นี้หรือเนี่ย? จะน่าผิดหวังเกินไปแล้ว...” หลินนั่วส่ายหน้าประดับยิ้มเยาะเย้ย “ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเหล่าคณาจารย์ของสำนักกวางขาว จะรู้สึกอย่างไรกับผลของการประลองนี้ ตามเนื้อผ้าแล้วก็ต้องอับอายขายขี้หน้าสินะ”
“เอาล่ะ ฆ่าดรุณีสองคนนี่ซะ รีบๆ จบการต่อสู้นี่ทีเถอะ อย่าลืมล่ะว่าพวกเราพนันกับสวี่เกอแล้วก็ติงหลีโยวไว้ว่าใครจะฆ่าไปถึงกองบัญชาการกวางขาวได้ก่อน” เจิ้งข่ายเป่าปากอย่างย่ามใจ
“เหอะๆ...” หลินนั่วเผยยิ้มบาง สนับดาบบนหลังมือแผ่อายน่าขนลุกกว้าง เขาก้มกายลง ยื่นมือไปลูบไล้ดวงหน้าของซ่งชิงหลัว หน้ารูปไข่งดงาม บอบบางดั่งเป่าลมเบาก็อาจร้าวราน ให้ความรู้สึกราวกับกำลังััหิมะขาวพิสุทธิ์ เด็กหนุ่มส่งเสียงจุ๊ๆ พลางว่า “จะใช้ความรุนแรงกับอิสตรีหรือ? สาวน้อยสดสวยเพียงนี้ ถ้าฆ่าไปไม่เท่ากับทำลายของขวัญจาก์หรือ...”
...
“เฮ้อ...”
ในศาลาขึ้นฟ้านั้น มีอาจารย์าุโบางท่านทอดถอนใจยาว
วันนี้มันวันน่าอดสูชัดๆ
เซี่ยโหวอู่ถูกฆ่าในพริบตา แล้วยังถูกเช็ดเืจากกระบี่จนสะอ้าน แล้วสองพี่น้องตระกูลซ่งก็ล้มพับกับพื้นอย่างไร้ทางโต้คืน ถูกยั่วเย้าอย่างต่ำทรามอีกต่างหาก...ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกว่าสำนักกวางขาวจะแพ้พ่ายหมดรูปขนาดนี้ ฆ่าห้าศพของัเีไม่ได้ช่วยยืนยันอะไรใดๆ เพราะเขาเป็คนพิเศษไม่เหมือนใคร แต่เหล่าต้นกล้าที่สำนักกวางขาวบ่มเพาะมากับมือนี่ซิ แค่การโจมตีเดียวก็สุดจะรับ ทำให้คนมองใเหลือหลาย
“แนวป้องกันชั้นแรกทิศอุดร กำลังจะเสียการควบคุมแล้ว...”
พอมาเห็นภาพตรงหน้าตำตาแล้ว ถึงจะเป็ไอ้โง่ก็ดูออก ว่าพลังของหลินนั่วและเจิ้งข่ายแข็งแกร่งเกินไป มิใช่สิ่งที่สองนางจะต่อกรด้วยได้ พวกเขาในยามนี้ทำได้เพียงจับจ้องภาพสะท้อนนั้น มองสองดรุณีสิ้นชีพ...
“เ่ิูล่ะ? ถ้าเขาอยู่ล่ะก็...” เี๋เี่าเปิดปากฉับพลัน
หลังหมดร่องรอยไปตอนหุบเขาหมาป่าอสูร ภาพสะท้อนอักขระนั้นก็ไม่ปรากฏภาพเ่ิูขึ้นมาอีกเลย เป็เื่ประหลาดเหลือ
“ใช่แล้ว หากเ่ิูไม่เข้าไปในพงไพรคนเดียวล่ะ...” หานเซี่ยเฟยเองก็รับคำอย่างมีนัย “ถ้ามาสมทบกับชิงหลัวแล้วก็เสี่ยวจวิน อย่างน้อยก็ต้องต้านทานไว้ได้บ้าง...”
คนมากมายเมื่อได้ยินก็รู้สึกแบบเดียวกัน
พริบตานี้ ผู้คนเริ่มรู้สึกว่าหากมิใช่เพราะเ่ิูก่อเื่ สำนักกวางขาวคงจักมีโอกาสกระมัง? ไม่ว่าจะเป็อย่างไร ความพ่ายแพ้หมดรูปนี้ก็ต้องมีแพะรับปากจนได้ใช่ไหม? หรือจะเอ่ยว่า สุดท้ายก็ต้องมีคนรับผิดชอบเื่ใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเขาคนนั้นจะไร้ความผิดหรือมีความผิดก็ตาม...
เอ่ยยังไม่ทันจบ
ฟิ้ว!
เสียงกรีดร้องของอาวุธิญญาผ่าอากาศดังขึ้นมาบนภาพสะท้อนในบัดดล
...
ฟิ้ว!
หอกดำยาวหนึ่งเมตรเจ็ดร่วงหล่นจากฟากฟ้า
ไม่มีสัญญาณใด
และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ดังนั้นจึงไม่มีทางหลบซ่อนหรือทัดทาน
หอกยาวสีดำราวกับลำแสงทมิฬ ร่วงหล่นลงมาจาก์ชั้นที่เก้า ราวบทลงโทษแห่งเทพเ้าผู้พิโรธ ดิ่งลงมาสู่ปฐี ก่อนหน้าที่ใครทั้งหมดจะรู้สึกถึง ตอกกลับ หรือตอบสนองได้ทัน
หอกยาวเปล่งรังสีชวนหนาวสะท้าน
ตัวหอกพุ่งปักระหว่างซ่งชิงหลัวและหลินนั่ว ราวกับเทือกเขาสูงชันไร้ทางข้ามผ่าน แยกสองร่างออกจากกัน
มีกลิ่นคาวโลหิตอบอวลอ่อนจาง
หลินนั่วชะงักงัน พลันเห็นสายเืดั่งน้ำพุพุ่งพรวดออกจากแขนซ้ายของเขา ทั้งบ่าและแนวแขนขาดสะบั้น ตกลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เสียง นิ้วมือยังกระตุกเล็กๆ...
นี่คือมือข้างที่เขายื่นไปหาซ่งชิงหลัว
หอกยาวจากนภาตัดแขนเขาขาดในพริบตา ความเร็วเหลือเชื่อ เด็กหนุ่มมิได้ตั้งรับใด ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้สึกถึงความเ็ปแม้เพียงน้อย ความรู้สึกยากจะเชื่อได้ลง
“เื่บ้าอะไร?”
เจิ้งข่ายนิ่ง ฉับพลันตระหนกนัก
ทว่าความสามารถในการต่อสู้ที่หล่อหลอมมานานทำให้เขาย่างสามขุมไปอยู่ข้างๆ หลินนั่ว
ต้องปกป้องสหายก่อนเป็อันดับแรก
ทว่า...ภายในห้าเมตรถัดจากนี้ ไม่มีเงาของผู้ใดเลย หอกดิ่งพสุธานี้เป็ของใครกัน?
ตอนที่เขาเพิ่งมายืนข้างหลินนั่วนั้นเอง ความรู้สึกถึงอันตรายดั่งน้ำทะลักท่วมตัว เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง บังคับตนให้เงยหน้าขึ้น มองเห็นดวงดาวเย็นเยือกในสายตา
เขาพะวักพะวงกับดวงดาววาววับบนท้องฟ้าสีดำกระนั้นหรือ
ด้านหลังดวงดาว มีร่างคนๆ หนึ่งอยู่
เร็ว!
ร่างที่เร็วเสียยิ่งกว่าหลินนั่ว
ั์ตามองเห็นอากาศธาตุดั่งคลื่นเกรี้ยวกราดถูกพายุลมพัดม้วนให้แยกจาก เงาร่างสีดำดั่งสายฟ้าแลบ ในมือกำหอกยาวไว้ พุ่งแทงทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า กำลังดั่งฟ้าคำรามปะทะกายเขาเต็มเปา
“ไสหัวไป!”
เติงข่ายประคองหลินนั่วมือหนึ่ง อีกมือขยับไม้เท้าั์ ส่งแรงปะทะด้วยกำลังทั้งหมด
ตูม!
เสียงโลหะกระแทกแสบแก้วหู
เจิ้งข่ายรู้สึกถึงเพียงง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้แผดเผาเหมือนลาวา กระดูกนิ้วแตกหัก ไม้เท้าั์ที่ราวกับเป็หนึ่งในร่างของเขาไม่อาจควบคุมได้ดั่งใจนึก มันกระเด็นห่างออกไปหลายร้อยเมตร...