ภายในห้องฝึกชั้นสี่ของหอคอยเทียนอวิ่น
มู่เฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาทอประกายสีโลหิต ตราสัญลักษณ์สีโลหิตระหว่างคิ้วเปล่งแสงแปลกประหลาดออกมา
ภายในหัวใจของมู่เฟิงมีสายเือันทรงพลังจากากำลังหลั่งไหล เส้นผมสีขาวของเขาพลันเปลี่ยนเป็สีแดงโลหิตในทันที ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ไม่นานปีกโลหิตคู่หนึ่งก็งอกออกมาจากสะบักหลัง เกล็ดิัสีโลหิตเริ่มโผล่ออกมาจากใต้ิัก่อนจะปกคลุมไปทั่วร่างกายส่วนบนของมู่เฟิง
ร่างชูร่าของมู่เฟิงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความดุร้ายและออร่าสีโลหิต คลื่นพลังที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับหนิงกัง
หยกเทพชูร่าลอยขึ้นเหนือศีรษะของมู่เฟิง มันส่งพลังเืสายหนึ่งให้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา และด้วยพลังในการดึงดูดของกระแสพลังแห่งการควบคุมนี้ ทำให้พลังฟ้าดินที่โอบล้อมอยู่บริเวณรอบๆ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงอย่างต่อเนื่อง
มู่เฟิงโคจรพลังไปตามวิธีฝึก มวลคลื่นพลังทั้งเก้าลูกภายในร่างของเขาหมุนวนอย่างต่อเนื่อง มันกลั่นพลังฟ้าดินที่ดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันพลังปราณก็ไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณทั้งสิบสองจุดภายในร่าง ก่อนจะไหลเวียนกลับมายังมวลคลื่นพลังอีกครั้ง
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะถูกนับว่าเป็หนึ่งครั้ง และทุกครั้งพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็จะมีความบริสุทธิ์มากขึ้น ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้จะทำให้พลังปราณบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกัน พลังปราณภายในร่างกายก็ได้ไหลผ่านเข้าสู่หัวใจของมู่เฟิงด้วยเช่นกัน
ภายในหัวใจของเด็กหนุ่มมีแก่นโลหิตหนึ่งหยดถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกลิ่นอายอันตรายเข้มข้น ซึ่งด้านในของมันบรรจุสายเือันทรงพลังของชูร่าเอาไว้
พลังปราณเข้าไปห่อหุ้มแก่นโลหิตหยดนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็พลังสายเืของแก่นโลหิต ก่อนที่กระแสพลังสีโลหิตจะถูกกลั่นออกมาจากพลังสายเือย่างเชื่องช้า
กลิ่นอายของกระแสพลังสีโลหิตนี้ดูต่างไปจากพลังปราณปกติ มันมีความแข็งแกร่ง ความทรงพลังและความทนทานที่มากกว่า และเหมือนว่าความสามารถในการโจมตีของมันจะเหนือกว่าพลังปราณเกือบแปดเท่าอีกด้วย!
ซึ่งกระแสพลังนี้ก็คือพลังกังชี่โลหิตชูร่าจากสายเืของชูร่าภายในร่างกายของมู่เฟิงนั่นเอง
หลังจากมู่เฟิงััได้ถึงพลังกังชี่นี้ ภายในใจของเขาก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง
“ไม่เลว พลังแข็งแกร่งขึ้นถึงเก้าเท่า นับว่าพลังที่เ้ากลั่นออกมาได้นั้นเป็พลังระดับสูง”
ซีเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หากเป็พลังกังชี่โลหิตชูร่าระดับต่ำความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นเพียงห้าเท่า ส่วนระดับกลางจะเพิ่มขึ้นเจ็ดเท่า และในระดับสูงจะเพิ่มขึ้นถึงเก้าเท่า ส่วนพลังกังชี่โลหิตชูร่าในระดับสูงสุด คาดว่าผู้ที่สามารถกลั่นออกมาได้คงมีเพียงสายเืโดยตรงจากบรรพบุรุษชูร่าเท่านั้น
“เก้าเท่า...”
เมื่อได้ยินดังนั้นภายในใจของมู่เฟิงก็พลันร้อนรุ่มขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มยังคงกลั่นพลังกังชี่โลหิตชูร่าต่อไป
สำหรับวรยุทธ์ระดับหนิงกัง มู่เฟิงทราบเพียงแค่ความแตกต่างระหว่างพลังกังชี่คุณภาพดีและไม่ดีเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากกล่าวถึงพลังกังชี่ห้าธาตุพื้นฐานทั่วไป สำหรับคุณภาพระดับต่ำจะแข็งแกร่งกว่าพลังปราณเดิมสามเท่า ส่วนระดับกลางจะแข็งแกร่งขึ้นห้าเท่า ในขณะที่พลังกังชี่ห้าธาตุพื้นฐานระดับสูงจะแข็งแกร่งขึ้นเจ็ดเท่า
แต่พลังกังชี่โลหิตชูร่าของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าพลังกังชี่ห้าธาตุพื้นฐานเป็สองเท่า ซึ่งนี่มาจากพื้นฐานความแข็งแกร่งของสายเืชูร่า
เพียงแต่การจะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งขึ้นถึงเก้าเท่าจำเป็ต้องอยู่ในร่างของชูร่าเท่านั้น เพราะมีเพียงร่างชูร่าที่เหมาะสมกับพลังกังชี่โลหิตชูร่า
หากคงสภาพอยู่ในร่างของเผ่าพันธุ์มนุษย์ คาดว่าพลังโจมตีและพลังป้องกันของเขาจะเพิ่งขึ้นเพียงห้าเท่าเท่านั้น
และหากเทียบความสามารถระหว่างร่างมนุษย์กับร่างชูร่าของมู่เฟิงแล้ว ทั้งพลังโจมตี การะเิพลัง การเคลื่อวไหวและการป้องกันของร่างชูร่าจะเหนือกว่าร่างมนุษย์ประมาณสี่เท่า
ดังนั้นด้วยวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ของมู่เฟิงในตอนนี้ หากเขากลายร่างเป็ชูร่าเขาจะสามารถะเิพลังระดับหนิงกังออกมาได้ นอกจากนี้เขายังมีข้อได้เปรียบในเื่ที่สามารถบินได้อีกด้วย
เพียงแต่เวลานี้พลังจากสายเืชูร่าของเขายังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นความแข็งแกร่งของเขาคงไม่เพิ่มขึ้นแค่สี่เท่าเช่นนี้แน่ เพราะถึงอย่างไรเผ่าพันธุ์ชูร่าก็เป็หนึ่งในร้อยเผ่าพันธุ์แรกที่แข็งแกร่งที่สุดจากบรรดาเผ่าพันธุ์มากมายนับหมื่นบนโลกใบนี้
นอกจากนี้พลังกังชี่ยังมีธาตุพิเศษอยู่ ซึ่งอานุภาพพลังของมันก็จะแข็งแกร่งกว่าห้าธาตุพื้นฐาน ทั้งยังมีบางธาตุที่แข็งแกร่งกว่าโลหิตชูร่าระดับสูงด้วย แต่ว่าธาตุพลังพิเศษเป็สิ่งที่หาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นการหลอมรวมก็ยังอันตรายเป็อย่างมาก ดังนั้นส่วนมากที่พบเห็นจึงเป็เพียงผู้ที่มีพลังกังชี่ห้าธาตุพื้นฐานเท่านั้น
คู่อริของมู่เฟิงอย่างหนานหลิง ภายในร่างของอีกฝ่ายก็มีพลังกังชี่ธาตุพิเศษเช่นกัน นั่นคือธาตุน้ำแข็ง แต่คาดว่าคงไม่ใช่พลังกังชี่ธาตุน้ำแข็งที่มีคุณภาพดีอะไรนัก อย่างมากก็เพียงแค่แข็งแกร่งกว่ายามปกติสี่ถึงห้าเท่าเท่านั้น
ในสถานที่อันเล็กจ้อยที่เป็เพียงมุมหนึ่งของดินแดนเป่ยหยวนแห่งนี้ การฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์ค่อนข้างล้าหลัง ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนมีพลังกังชี่ห้าธาตุพื้นฐานระดับต่ำเท่านั้น แม้แต่ระดับกลางก็ยังมีให้เห็นได้น้อยมาก ดังนั้นผู้ที่จะสามารถะเิพลังออกมาได้สี่ถึงห้าเท่านั้นย่อมมีให้เห็นได้น้อยถึงน้อยมาก
กระแสพลังกังชี่โลหิตชูร่าถูกกลั่นออกมาจากหัวใจของมู่เฟิง ก่อนที่มันจะถูกดูดให้ไหลเวียนเข้าไปยังมวลคลื่นพลังลูกหนึ่ง
ขอเพียงมู่เฟิงสามารถกลั่นพลังกังชี่โลหิตชูร่าออกมาได้มากพอจนสามารถหลอมรวมเป็มวลคลื่นพลังลูกหนึ่งได้ เวลานั้นเขาก็จะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับหนิงกังได้สำเร็จ และเมื่อเขาสามารถเติมเต็มจนครบเก้าลูกได้ วรยุทธ์ของเขาก็จะอยู่ในระดับหนิงกังขั้นเก้า
พลังกังชี่สามารถสร้างชั้นปราการป้องกันออกมาปกป้องร่างกายได้ และไม่ว่าจะเป็ดาบ กระบี่ ทวนหรือหอกก็จะไม่สามารถสร้างาแให้ได้ง่ายๆ
การที่ร่างกายหลอมรวมพลังกังชี่เข้ากับพลังปราณนั้น ในยุทธ์จักรจะเรียกว่าพลังกังหยวน
สำหรับมู่เฟิง เขาสามารถกลั่นพลังกังชี่ออกมาได้สองธาตุ โดยหนึ่งในนั้นเขาคิดจะกลั่นพลังกังชี่โลหิตชูร่าออกมา ส่วนอีกธาตุเขายังต้องค้นหาตัวเองต่อไป
สุดท้ายแล้วพลังกังชี่โลหิตชูร่านั้นเหมาะที่สุดสำหรับร่างชูร่า และมีเพียงร่างชูร่าเท่านั้นที่จะสามารถแสดงอานุภาพพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ ร่างของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถะเิพลังออกมาถึงเก้าเท่าได้ และมีพลังกังชี่ธาตุพิเศษได้เพียงหนึ่งธาตุเท่านั้น
เวลาหมุนผ่านไปอย่างเชื่องช้า มู่เฟิงพยายามกลั่นพลังกังชี่โลหิตชูร่าอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดพัก เมื่อหิวเขาก็จะกลืนยาอิ่มทิพย์ลงไป ดื่มน้ำเพื่อดับกระหายและฝึกฝนต่อ เขาพักเื่การฝึกฝนสิ่งอื่นเอาไว้ชั่วคราว และเพียรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทะลวงวรยุทธ์ขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเวลาก็ล่วงเลยไปถึงหนึ่งเดือนแล้ว
ภายในป่าลึกบนเทือกเขาเทียนอวิ่น เงาร่างของมนุษย์สองคนและเงาร่างอสูรหนึ่งตัวที่ทรงพลังกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
อสูรร้ายตนนี้มีความสูงเกือบสามเมตรและมีความยาวเจ็ดถึงแปดเมตร ทั่วทั้งร่างของมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลแดง เมื่อมันยืดตัวเต็มความสูงก็สูงเกือบสามเมตร รูปลักษณ์ของมันดูคล้ายกับกิ้งก่าั์ที่กำลังยืนตัวตรง กรงเล็บของมันแหลมคมราวกับคมมีด ภายในปากของมันเต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหางยาวๆ ของมันยังทรงพลังอย่างยิ่ง
พลังของอสูรร้ายตัวนี้สามารถเทียบได้กับยอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นหนึ่ง การเคลื่อนไหวของมันว่องไวเป็พิเศษ เพียงมันตวัดหางออกมา หางที่เหมือนกับแส้เหล็กก็เหวี่ยงโจมตีไปทางไป๋จื่อเยว่ที่กำลังกระโจนร่างเข้ามาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของไป๋จื่อเยว่เปลี่ยนไปในทันที หางนั่นพุ่งเข้ามาเร็วมากและเขาก็ไม่สามารถหลบมันกลางอากาศได้
“จื่อเยว่!”
พรึ่บ!
แต่ทันใดนั้นมู่ขวงก็แผดเสียงคำรามออกมา เขาดีดตัวพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าไป๋จื่อเยว่อย่างรวดเร็ว เพื่อรับการโจมตีนี้แทน ร่างกายของเขาพลันถูกปกคลุมด้วยเกราะพลังป้องกันสีทอง
ปัง!
หางยาวๆ ฟาดลงบนร่างของมู่ขวง ทำให้มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ปลิวกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร จากนั้นมู่ขวงก็แผดเสียงคำรามมาออกพร้อมฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปอย่างดุดัน
“ฝ่ามือตัดภูผา”
ฉับพลันนั้นฝ่ามือสีทองอันคมกริบสองสายก็พุ่งออกมาและฟาดไปยังหางของอสูรร้ายทันที
ฉัวะ!
ปลายหางของอสูรร้ายตัวนั้นถูกตัดจนขาด ทำให้มันกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด
และระหว่างที่มู่ขวงกำลังทะยานตัวเข้าไปโจมตีอสูรร้าย มันก็ะเิลำแสงสีเหลืองออกมาโจมตีมู่ขวงด้วยเช่นกัน มู่ขวงไขว้แขนขึ้นก่อนจะมีเกราะป้องกันสีทองปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขา จากนั้นมันก็ปะทะกับการโจมตีโดยตรง เมื่อลำแสงปะทะเข้ากับร่างมันก็เกิดการะเิออกมา บีบให้เขาต้องถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มกัดฟันรับมันจนมีเืไหลออกมาจากมุมปากของเขา
“กระบี่แสงเหนือ!”
ไป๋จื่อเยว่แผดเสียงคำราม ในพริบตานั้นเขาได้เคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว ปลายกระบี่อันเฉียบคมพุ่งออกไปเป็ประกายแสงสีขาวอันพร่างพราว ภายใต้แสงสีขาวนี้ร่างของไป๋จื่อเยว่ได้ทะยานไปยังร่างของอสูรร้ายในพริบตา พร้อมกับกระบี่ที่แทงทะลุดวงตาของมันโดยตรง
ฉึก!
“โฮก……!”
คมกระบี่เจาะทะลุศีรษะของอสูรร้าย มันแผดเสียงร้องออกมาอย่างเ็ป แต่ไม่นานร่างกายอันใหญ่โตของมันก็ล้มกระแทกพื้นในที่สุด