อินเหิงกล่าว "ตระกูลซวี่ทำการค้า หากเขา้ากลับไปย่อมต้องใช้วิธีทางการค้า อาอู่ บุรุษผู้นี้มิได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นผิวเผิน"
ภาพจำที่ซวี่เฉินฟางมอบให้เมิ่งอู่มาตลอดล้วนเป็คุณชายเสเพลจอมโอ้อวด แต่ยามนี้ดูคล้ายจะไม่เป็เช่นนั้นเสียแล้ว
เมิ่งอู่พบว่านางไม่โกรธที่เขาปิดบังนาง การรู้ว่าตนเอง้าอันใดและรู้ว่าสมควรทำอย่างไร ย่อมดีกว่าใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ
หมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่งที่เชื่อมต่อกันนี้น่าจะเป็แหล่งรวมของการปลูกข้าวฟ่างแหล่งใหญ่ ตามความทรงจำของเมิ่งอู่ในปีก่อนๆ หลังเก็บเกี่ยวข้าวฟ่างแล้ว คนในเมืองจะค่อยๆ มารับซื้ออย่างไม่รีบไม่ร้อน
ผู้ที่มารับซื้อส่วนใหญ่ก็คือคนของตระกูลซวี่อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ครั้งนี้ซวี่เฉินฟางมายังที่แห่งนี้ล่วงหน้า รอจนข้าวฟ่างสุกงอม เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จก็นำเข้ายุ้งฉางของตนเอง เมื่อถึงเวลาที่คนของตระกูลซวี่มาถึง ก็จะไม่เหลืออันใดให้ซื้อ
ซวี่เฉินฟางนี่แย่งการค้ากับตระกูลซวี่
เมิ่งอู่รีบเร่งฝีเท้า นางต้องรีบกลับไปถามซวี่เฉินฟางให้รู้เื่อย่างละเอียด
···
ที่เรือนของเมิ่งอู่มีถังน้ำใบใหญ่อยู่หนึ่งใบ ปกติล้วนใช้น้ำจากถังใบนั้น
เพียงตักน้ำออกมาก็ง่ายแล้ว แต่จะหาบน้ำมาใส่ถังนั้นยังต้องเดินไปมาหลายรอบ ต่อมาเมิ่งอู่คิดว่าเก้าอี้เข็นของอินเหิงน่าจะใช้บรรทุกน้ำได้ จึงให้ช่างไม้หลี่ทำรถเข็นเพื่อขนถังน้ำให้คันหนึ่งโดยเฉพาะ
เช่นนี้แล้วนางเซี่ยก็สามารถเข็นกลับมาเองได้ ไม่จำเป็ต้องให้เมิ่งอู่ไปตักน้ำด้วยตนเอง
ชาวบ้านเห็นว่าเครื่องมือชิ้นนี้ใช้งานได้ดี จึงพากันไปหาช่างไม้หลี่ให้ช่วยทำให้บ้าง ผู้ที่ไม่มีเงินก็มาขอยืมรถเข็นเป็ครั้งคราว เมื่อใช้เสร็จแล้วก็รีบนำมาคืน
วันนี้เมิ่งอู่ไม่อยู่ที่เรือน นางเซี่ยจึงเข็นรถเข็นไปตักน้ำที่บ่อน้ำในหมู่บ้านเอง
เพิ่งจะตักน้ำได้ครึ่งเดียว ก็มีผู้อื่นมาตักน้ำด้วยเช่นกัน
เวลานั้นนางเซี่ยเพิ่งผูกถังเปล่าใบหนึ่งไว้กับเชือกที่รอก ก่อนหมุนรอกส่งถังน้ำลงไปในบ่อ เสียงกระทบน้ำดังก้องไปทั่วบ่อน้ำลึกที่เงียบสงบ
พอนางเซี่ยเห็นว่ามีคนมา จึงเหลียวไปมองแวบหนึ่ง เดิมอยากจะทักทาย แต่เมื่อเห็นผู้ที่มาอย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าของนางพลันแข็งค้างอยู่บ้าง
ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็เมิ่งซวี่ซวีบุตรสาวของครอบครัวเมิ่งต้า
ก่อนหน้านี้เมิ่งซวี่ซวีมักมาหาเื่นางอยู่บ่อยครั้ง นางเซี่ยจึงไม่คิดจะทักทาย
เมิ่งซวี่ซวีถือถังน้ำสองใบมาถึง นางเซี่ยก็ตักน้ำเต็มถังใบหนึ่งแล้วยกขึ้นมาวางบนรถเข็น จากนั้นค่อยหยิบถังเปล่าอีกใบหนึ่ง แล้วหมุนตัวกลับไปตักน้ำต่อ
เมิ่งซวี่ซวีเฝ้ามองอยู่ข้างๆ สักครู่ ก่อนกล่าวกับแผ่นหลังของนางเซี่ยอย่างประชดประชัน “ไม่ใช่ว่าเมิ่งอู่มีความสามารถหรือ ไยถึงปล่อยให้ท่านอาสะใภ้รองมาตักน้ำเองเล่า?”
นางเซี่ยกล่าว “หากไม่มีความสามารถอันใด ทั้งชีวิตก็คงทำได้แค่หาบน้ำนิดหน่อยและทำงานจิปาถะนิดหนึ่ง” นางยกถังน้ำอีกใบหนึ่งขึ้นรถเข็น เหลือบมองเมิ่งซวี่ซวีแวบหนึ่งก่อนกล่าวต่อ “เหมือนกับข้าเช่นนี้”
ไม่ว่าสมองของเมิ่งซวี่ซวีจะเชื่องช้าเพียงใด ก็ยังฟังคำพูดแฝงนัยของนางเซี่ยออก หมายความว่านางไร้ความสามารถถึงต้องมาตักน้ำสินะ!
เมิ่งซวี่ซวีโกรธกรุ่นจนแทบทนไม่ไหว ด้วยนิสัยใจคอในอดีตของนาง จะต้องก้าวขึ้นหน้าเข้าไปผลักรถเข็นและถังน้ำของนางเซี่ยจนล้มคว่ำอย่างป่าเถื่อนเป็แน่ แต่ครานี้นางจ้องมองน้ำบ่อที่ใสและกระเพื่อมเป็ระลอกในถัง ฝืนอดกลั้นไว้สุดชีวิต ฉีกยิ้มบิดเบี้ยว กัดฟันเอ่ย “ท่านอาสะใภ้รองกล่าวถูก ต่อไปข้าจะไม่ทำตัวไร้ประโยชน์เช่นเดียวกับท่านอาสะใภ้รอง!”
นางเซี่ยกล่าว “การหาบน้ำครั้งนี้หนักเอาการ เ้าระวังหน่อย อย่าแม้แต่จะหาบน้ำไม่เป็”
กล่าวจบ นางเซี่ยก็เข็นรถเข็นกลับเรือน
เมิ่งซวี่ซวีมองตามแผ่นหลังของนางเซี่ยอย่างเคียดแค้นชิงชัง สีหน้าของนางชั่วร้ายและอำมหิต นางสบถ “พวกเ้าจงตายตกไปเถิด!”
หลังนางเซี่ยกลับถึงเรือน ตะวันก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อากาศร้อนอบอ้าว
ยามนี้นางอยู่ในเรือนเพียงลำพัง คิดว่าอีกสักพักเมิ่งอู่ อินเหิง และซวี่เฉินฟางจะกลับมาแล้ว และต้องเผชิญกับอากาศร้อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงต้มชาคลายร้อนด้วยน้ำบ่อที่ใสและหวานที่เพิ่งตักมา คงจะดีถ้ารอให้พวกเขากลับมาแล้วได้ดื่มดับร้อน
ซวี่เฉินฟางกลับมาคนละทางกับเมิ่งอู่และอินเหิง หลังออกจากเรือนก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด แต่กลับมาก่อนเมิ่งอู่กับอินเหิงหนึ่งก้าว
เพียงแต่เมิ่งอู่เห็นยามที่เขาเข้าประตูลานเรือน ทันทีที่ซวี่เฉินฟางชักเท้าหน้า เมิ่งอู่กับอินเหิงก็เดินกลับมาพอดี
เมิ่งอู่มีเื่จะถามซวี่เฉินฟาง พอเข้าเรือนก็เห็นนางเซี่ยกำลังยกชาคลายร้อนถ้วยหนึ่งให้ซวี่เฉินฟาง ซวี่เฉินฟางรับไปก่อนยิ้มระรื่นแล้วเอ่ยชม “ท่านป้าช่างดีจริงๆ เวลานี้ข้าทั้งร้อนทั้งกระหาย น้ำชานี้ช่วยชีวิตคนได้ทันเวลาจริงๆ”
นางเซี่ยยิ้มกล่าว “เ้ารู้จักพูดนัก”
กล่าวเยี่ยงนั้นแล้ว นางก็เงยหน้า เห็นเมิ่งอู่กับอินเหิงเดินเข้ามาจึงกล่าวว่า “อาอู่กลับมาแล้วหรือ แม่จะไปรินชาอีกสองถ้วย เพิ่งต้มเสร็จเมื่อเช้า ยามนี้น่าจะเย็นแล้ว”
เมิ่งอู่กล่าว “ขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะ”
นางเซี่ยเดินเข้าครัว ขณเมิ่งอู่เข็นอินเหิงไปนั่งพักในที่ร่มใต้ชายคา จากนั้นหันมองซวี่เฉินฟาง ยังไม่ทันเอ่ยวาจา ซวี่เฉินฟางก็ยกถ้วยน้ำชาจิบอึกหนึ่ง จุๆ สองหนอย่างเพลิดเพลินมาก ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “อา สบายจริงๆ!”
ขาดคำ เสียงที่ตอบกลับเป็เสียงถ้วยตกแตกดังเพล้งอย่างไม่ระวังในครัว
เมิ่งอู่เดินเข้าครัวก่อนเอ่ย “ท่านแม่ เกิดอันใดขึ้น… ท่านแม่!”
อินเหิงกับซวี่เฉินฟางได้ยินน้ำเสียงผิดปกติของเมิ่งอู่ต่างก็ผงะไป แล้วรีบตามเข้าครัว
“ท่านแม่ ท่านเป็อันใดไปเ้าคะ ท่านแม่!”
เมื่อเดินมาข้างประตู ก็เห็นนางเซี่ยล้มหมดสติอยู่บนพื้น ข้างๆ มีเศษถ้วยกระเบื้องสีขาวแตกกระจายเต็มไปหมด เมิ่งอู่เรียกอยู่สองครั้ง แต่นางเซี่ยก็ยังไม่รู้สึกตัว นางจึงพยายามพยุงร่างของนางเซี่ยขึ้น
ซวี่เฉินฟางรีบวิ่งเข้าครัว ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็รีบอุ้มนางเซี่ยออกจากครัว ก่อนถีบประตูห้องของนางเซี่ยออก อุ้มนางเข้าห้องไปวางบนเตียง
ก่อนหน้านี้สีหน้าของนางเซี่ยเขียวอยู่บ้าง ทว่าแสงแดดทำให้มองไม่ออก ทั้งซวี่เฉินฟางและเมิ่งอู่ล้วนไม่ได้ใส่ใจมากนัก
แต่ยามนี้เมื่ออยู่ในห้อง นางเซี่ยหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงหน้าเขียว เบ้าตาทั้งคู่ยังเริ่มเขียวจนคล้ำอย่างเร็วรี่!
ไม่ว่าปกติเมิ่งอู่จะใจเย็นเพียงใด แต่เวลานี้จิตใจนางสับสนว้าวุ่น นางรีบจับข้อมือของนางเซี่ยเพื่อตรวจชีพจร พบว่าชีพจรของมารดาทั้งสับสนยุ่งเหยิงและอ่อนแอ ชัดเจนว่าเป็อาการของผู้ที่โดนพิษ
ตามร่างกายของนางเซี่ยไม่มีาแ พิษย่อมเข้าสู่ร่างกายทางปากแน่นอน แต่นางเซี่ยปิดปากแน่น หมดสติไปแล้ว
เมิ่งอู่รีบวิ่งกลับห้องของตน ก่อนหยิบเข็มเงินออกมาลงมือฝังเข็มให้นางเซี่ยทันที สมุนไพรทั้งหมดที่มีในเรือนผุดขึ้นมาในสมองอย่างว่องไว นางเอ่ยชื่อสมุนไพรออกมาทีละชนิด
อินเหิงหันหลังกลับไปหายาโดยเร็ว
ไม่นานหลังจากเมิ่งอู่ฝังเข็มให้ นางเซี่ยก็เผยสีหน้าเ็ป จากนั้นก็เอียงศีรษะ สำรอกน้ำออกมาบ้าง
อินเหิงรีบนำยามาให้ ไม่ทันเคี่ยวแล้ว จึงนำไปบดละเอียดในครก ก่อนผสมน้ำแล้วกรอกปากให้นางเซี่ยก่อน
ยังไม่ทันทำความเข้าใจกับเื่นี้ ด้านหลังก็มีเสียงดังตุ้บ
เมิ่งอู่ที่มีเหงื่อท่วมกายเหลียวกลับไปมอง เห็นซวี่เฉินฟางทรงตัวไม่อยู่จนล้มลงกับพื้น แต่รอยคล้ำตรงเบ้าตาของเขาจางกว่าของนางเซี่ยมาก
เมิ่งอู่ก็เข้าใจในบัดดลว่าเป็เพราะน้ำชาคลายร้อนนั่นเอง!
นางเซี่ยคงดื่มน้ำชาคลายร้อนก่อนที่พวกนางจะกลับมา และหลังจากพวกนางกลับเข้าเรือนแล้วก็เห็นซวี่เฉินฟางดื่ม
เมิ่งอู่ส่งชามยาให้อินเหิงก่อนเอ่ย “อาเหิง เ้าช่วยป้อนยาให้ท่านแม่ที!”
นางรีบเดินไปข้างกายซวี่เฉินฟาง อาการของซวี่เฉินฟางไม่ร้ายแรงเท่านางเซี่ย เขายังพอมีสติอยู่บ้าง เมิ่งอู่ตบหน้าเขาเบาๆ เขาก็ปรือตาขึ้น
ยามนี้ต้องทำให้เขาสำรอกน้ำชาที่ดื่มเข้าไปออกมาให้ได้
เมิ่งอู่สั่งเสียงแข็ง “อ้าปาก!”