ไท่จื่อน้อยที่นั่งอยู่ด้านข้างถามขึ้นอย่างร้อนใจ “ท่านอาลั่วหยิ่ง พี่สาวเฟิงดื่มสุราผลไม้ที่ข้ามอบให้แล้วหรือไม่”
ลั่วหยิ่งยิ้มบางๆ “ดื่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่าสุราผลไม้หวานมากพ่ะย่ะค่ะ!”
ไท่จื่อน้อยยิ้มจนดวงตาโค้งลง ใบหน้าเล็กๆ นั้นแดงเรื่อ น่ารักน่าเอ็นดูอย่างที่สุด
บนกระดานหมากใหญ่ หมากขาวยังคงไม่เคลื่อนไหว ทุกคนล้วนจ้องกระดานหมากและวิพากษ์วิจารณ์
“ซับซ้อนเหลือเกิน! ข้าดูจนมึนงงไปหมดแล้ว!”
“ซือคงเซิ่งเจี๋ยสุดยอด!”
“คนที่สามารถคิดค้นค่ายกลซับซ้อนเช่นนี้ออกมาได้ วิปริตเกินไป!”
“แค่วิปริตที่ไหนกัน นี่มันปีศาจชัดๆ!”
“แม่นางเฟิงกำลังเดินหมากกับมนุษย์ธรรมดาสามัญหรือไม่”
“ซือคงเซิ่งเจี๋ยเก่งเกินไปแล้ว!”
“...”
ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ฟางเสียนั่งอยู่ในที่นั่งแถวหน้าพลันสีหน้าขาวเผือด หน้าผากปรากฏให้เห็นเหงื่อเม็ดเป้งๆ หานหลินเยว่เป็คนแรกที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้ นางถามอย่างเอาใจใส่ว่า “ศิษย์พี่ฟาง ท่านเป็อะไรไป เหตุใดสีหน้าท่านจึงได้ย่ำแย่เช่นนี้เ้าคะ”
ฟางเสียไม่ตอบ คนทั้งคนราวกับหลุดไปยังอีกโลกหนึ่ง ทั้งเ็ปและดิ้นรนต่อสู้
“ศิษย์พี่ฟาง ศิษย์พี่ฟาง” หานหลินเยว่เห็นเช่นนั้นจึงร้อนใจ นางหันไปเรียกจ้าวฉี “ศิษย์พี่จ้าว ศิษย์พี่ฟางเขา...”
พอหันมาก็พบว่าสีหน้าของจ้าวฉีเหมือนกับสีหน้าของฟางเสียไม่มีผิด ทั้งซีดทั้งขาว ซ้ำยังหลั่งเหงื่อเท่าเมล็ดถั่ว ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรก
นางหันไปมองท่านปู่อีกคน พบว่าท่านปู่เองก็ติดอยู่ในนั้นเช่นกัน
“ท่านปู่ ท่านปู่”
ไม่เพียงแต่ฟางเสีย จ้าวฉี หานไท่ฟู่สามคนเท่านั้น ยอดฝีมือขั้นเก้าคนอื่นๆ ล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกัน แต่ละคนจ้องกระดานเขม็ง ดวงตาไม่กระพริบ ราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรก สายตาและสีหน้าล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เ็ป และดิ้นรนต่อสู้...
หานหลินเยว่ตื่นตระหนก ในสมองพลันมีความคิดอันน่าหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว “หรือเป็เพราะ...”
นายเงยหน้าขึ้นมองกระดานหมาก หมากขาวและหมากดำที่สลับกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน หากมองผ่านๆ ไม่มีปัญหาอะไร ทว่าเมื่อมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่าสติของตนเองค่อยๆ ถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูดเข้าไป ดึงรั้งให้นางหลุดไปยังอีกโลกหนึ่ง นางได้สติทันใดและตื่นตระหนกจนหลั่งเหงื่อเย็นทั่วร่าง
ที่แท้เป็เช่นนี้!
ที่แท้ปัญหาอยู่ที่ค่ายกลนี้!
นางรีบลุกขึ้นร้องะโใส่ผู้ชมหมากล้อมทุกคน “ทุกคนอย่าดูอีกแล้ว! ค่ายกลนี้มีปัญหา มันจะดึงดูดจิตใจของคน ทุกคนอย่าดู!”
น่าเสียดายที่สายเกินไปเสียแล้ว มีผู้ชมหมากล้อมที่ทักษะการเดินหมากค่อนข้างสูงติดกับเสียแล้ว สีหน้าของพวกเขาเป็เช่นฟางเสีย จ้าวฉี หันกลับมาดูผู้ชมหมากล้อมที่ทักษะการเดินหมากค่อนข้างด้อย ยังไม่อาจวิเคราะห์ในเชิงลึกได้ล้วนปลอดภัย!
ได้ยินเสียงร้องะโของหานหลินเยว่ แล้วมองปฏิกิริยาของคนรอบข้าง ผู้ชมหมากล้อมต่างพากันแตกตื่น
“อันตรายมาก เมื่อสักครู่ข้าก็เกือบจะติดกับเสียแล้ว!”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ค่ายกลนี้วิปริตเกินไป ถึงกับดึงดูดจิตใจคนได้ด้วย!”
“พวกเขาไม่เป็ไรกระมัง”
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี”
“ได้แต่รอให้หมากขาวทำลายค่ายกลให้ได้”
“...”
ในวังหลวง บรรดาขุนนางเองก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น มีคนส่วนหนึ่งติดกับอยู่ในกระดานหมาก ถอนตัวไม่ได้!
“ใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าหลี่”
“แย่แล้ว ใต้เท้าหลี่ติดอยู่ในค่ายกลเสียแล้ว!”
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งเองก็เช่นกัน!”
“ทูลฝ่าา ค่ายกลนี้มีปัญหา ดูต่อไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ทูลฝ่าา รีบคิดหาวิธีเถิด! หาไม่แล้วใต้เท้าทุกท่านล้วนต้องถูกธาตุไฟเข้าแทรก!”
“...”
ภายในตำหนักหงเหวิน ขุนนางทั้งหลายต่างสับสนอลหม่าน
บนบัลลังก์ั เซวียนหยวนเช่อยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีความร้อนรนให้เห็น ในทางตรงข้าม เขามีท่าทีสุขุมอย่างยิ่งยวด ราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
สายตาเ็านั้นกวาดผ่านไปรอบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยนว่า “ไม่เป็ไร รอให้หมากขาวทำลายค่ายกลสำเร็จ พวกเขาก็จะได้สติเอง!”
เหล่าขุนนางทั้งหลายมองหน้ากันไปมา
ไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ แล้วถ้าหากหมากขาวไม่อาจทำลายค่ายกลเล่า
ณ ห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนรวบรวมสมาธิสงบจิตใจได้อย่างมิง่ายดาย ทว่ากลับได้ยินความเคลื่อนไหวจากชั้นล่าง นางเดินไปมองที่ริมหน้าต่าง พบว่าหลายคนถูกดึงเข้าไปในค่ายกล ไม่อาจถอนตัวออกมาได้ นางอดที่จะกำหมัดแน่นไม่ได้
นางจะต้องทำลายค่ายกลทันที หาไม่แล้วคนเหล่านี้จะตกอยู่ในอันตราย!
จะทำลายค่ายกลอย่างไรดีนะ
คิ้วงามนั้นขมวดมุ่นน้อยๆ กลายเป็อักษร ชวน[1]
หากเป็เซวียนหยวนเช่อ เขาจะทำลายค่ายกลอย่างไร
คำพูดของเซวียนหยวนเช่อดังขึ้นในสมองของนาง “รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเ้าจึงไม่อาจทำลายค่ายกลเจดีย์เหล็กของเจิ้นได้ เพราะทั้งสามมุมของค่ายกลเจดีย์เหล็กล้วนมีความมั่นคงแข็งแกร่งอย่างที่สุด มันแข็งแกร่งมาก และมั่นคงมาก ขณะที่ทำการโจมตีไม่มีสั่นคลอน ขณะที่ป้องกันสงบนิ่งอย่างที่สุด ดังนั้นค่ายกลโบราณหลายๆ ค่ายกลล้วนมีพื้นฐานมาจากค่ายกลเจดีย์เหล็กแล้วนำมาพัฒนาปรับเปลี่ยน ทว่าต่อให้ค่ายกลเหล่านี้เปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาอย่างไร เปลี่ยนเป็หมื่นครั้งก็ไม่ห่างจากต้นกำเนิดของมัน ค่ายกลเจดีย์เหล็กยังคงเป็พื้นฐานที่มั่นคงแข็งแกร่งที่สุดอยู่ดี! หลายๆ ครั้ง วิธีการที่ง่ายดายที่สุดกลับเป็วิธีที่ใช้ได้ผลดีที่สุด!”
“วิธีการที่ง่ายดายที่สุดกลับเป็วิธีการที่ใช้ได้ผลดีที่สุด!” เฟิ่งเฉี่ยนพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา สมองของนางพลันกระจ่างแจ้ง ใบหน้างดงามนั้นมีรอยยิ้มสดใส นางรีบกลับไปนั่งที่แล้ววิเคราะห์สถานการณ์บนกระดานหมากอีกครั้ง ม่านหมอกที่บดบังดวงตาเลือนหายไป เมื่อเมฆเคลื่อนคล้อยทุกอย่างจึงสว่างไสว ทำให้เห็นแสงสว่างอันเจิดจ้า!
แปะ!
หมากขาวตัวหนึ่งวางลงไปอย่างเด็ดขาด!
ณ ห้องพิเศษ เทียน ซือคงเซิ่งเจี๋ยเก็บงำท่าทางสบายอกสบายใจ แทนที่ด้วยสีหน้าสงสัย “น่าสนใจ นางถึงกับวางหมากขาวลงบนตำแหน่งนี้...”
หมากตัวหนึ่งซึ่งไร้ที่ไปที่มา ทำให้เขาถึงกับอ่านความคิดของอีกฝ่ายไม่ออกไปชั่วอึดใจหนึ่ง นี่เป็การดึงความสนใจของเขาได้มากขึ้นอีกอย่างมิต้องสงสัย!
ซือคงจวินเย่ประหลาดใจน้อยๆ “อย่างไร กระทั่งเ้าก็ยังมองไม่ออกเช่นนั้นหรือ”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยส่ายหน้าเบาๆ ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง “ทั้งๆ ที่นางมีทางเลือกตั้งมากมาย แต่นางกลับเลือกที่จะเดินในตำแหน่งที่ย่ำแย่ที่สุด นี่มันหมายความอย่างไร”
ซือคงจวินเย่ “หรือนางอาจจะมีอาการเหมือนคนอื่นๆ ในชั้นล่าง ถูกค่ายกลของเ้าดึงดูดสติไปแล้ว กำลังธาตุไฟเข้าแทรก!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยกลับส่ายหน้า “ไม่! นางมีสติดีเยี่ยม! มีเพียงคนที่มีสติดีเยี่ยมเท่านั้นจึงจะเลือกที่จะเสี่ยง! รอดูว่านางมีแผนการอะไรตามมา...”
พูดแล้วเขาก็วางหมากดำตอบโต้ลงไปอย่างรวดเร็ว!
ไม่นานนัก หมากขาวก็สวนกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน!
หมากดำสกัด!
หมากขาวข้าม!
หมากดำขัดขวาง!
หมากขาวบุก!
...
บนกระดานหมาก ทั้งสองฝ่ายเดินหมากเร็วขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ยิ่งดุเดือด!
ส่วนฟางเสียและคนอื่นๆ ที่ติดอยู่ในค่ายกล มีสีหน้าท่าทางเ็ปทนทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น...
หานหลินเยว่ร้อนใจ เป็กังวล นางเงยหน้าขึ้นมองห้องพิเศษ ตี้ ยามนี้ได้แต่ฝากความหวังไว้กับแม่นางเฟิงแล้ว
ในวังหลวง เซวียนหยวนเช่อจ้องกระดานหมากเขม็ง สีหน้าดูเหมือนสงบนิ่ง ทว่าคิ้วที่ขมวดแน่นกลับเปิดโปงความในใจของเขาเสียสิ้น
คิ้วตาของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายลงตามจังหวะการก้าวเดินของหมากขาว ใบหน้าคมสันราวน้ำแข็งแกะสลักนั้นค่อยๆ ปรากฏให้เห็นรอยยิ้ม เซวียนหยวนเช่อถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ รอยยิ้มนั้นช่างงดงาม!
เพราะเขามองแผนการของหมากขาวออกแล้ว และเป็วิธีการเดียวกับที่เขาคิดจะใช้ในการทำลายค่ายกล คิดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย!
เขาอดที่จะตบโต๊ะชื่นชมไม่ได้
สตรีคนนี้ ถึงกับมีความคิดเหมือนกับเขา!
นี่เป็เื่บังเอิญหรือ หรือเป็ ลิขิต์
ความรู้สึกที่มีจิตใจตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยวาจานั้น ช่างเป็ความรู้สึกที่งดงามเหลือเกิน!
เขาบังเกิดความคิดหุนหันพลันแล่น อยากจะไปชุมนุมหมากล้อมเสียเดี๋ยวนี้ ปรารถนาที่จะมองนางเดินหมากกับตาของตนเอง ปรารถนาที่จะเห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นใบหน้าของนางเมื่อนางทำลายค่ายกลได้สำเร็จ!
มันจะต้อง...งดงาม งดงามมากแน่ๆ!
คนอยู่ในวัง ทว่าหัวใจกลับบินออกไปนอกกำแพงวังเสียแล้ว...
[1] ชวน หมายถึง แม่น้ำ สายน้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้