เล่มที่ 10 บทที่ 284 ตัวจริงหรือตัวปลอม
ดูเหมือนผู้เฒ่าชราจะจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่น สายตาที่มองจิงต้าไห่ก็แฝงไปด้วยความงุนงงรวมถึงประกายแห่งความหนักใจ
“มัวมาตื่นกลัวเช่นนี้ ไม่ได้เื่เลยจริงๆ”
“ข้า…” จิงต้าไห่ถึงกับพูดไม่ออก และที่เป็เช่นนี้ก็ไม่แปลก เพราะจิงต้าไห่เข้าสำนักมาตอนอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ส่วนนักพรตหยางิในตอนนั้นก็เข้าสำนักมาได้สี่สิบกว่าปีแล้ว ่เวลาที่ผ่านมา นักพรตหยางิจึงถือว่าเป็คนที่นำทางให้จิงต้าไห่เข้าสู้เส้นทางการบำเพ็ญก็ว่าได้ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ นักพรตหยางิคนนี้เป็คนเลี้ยงดูจิงต้าไห่มากับมือนั่นเอง…
หลายร้อยปีมานี้จิงต้าไห่จึงทั้งหวาดกลัวและยำเกรงต่อศิษย์พี่เ้าสำนักผู้นี้มาก…
บัดนี้เมื่อเห็นนักพรตหยางิขมวดคิ้ว จิงต้าไห่ก็ใจกระตุกทันที…
ราวกับย้อนกลับไปตอนที่เข้าสำนักมาใหม่ๆ ที่ตนเองท่องเคล็ดวิชาเปลวไฟหนานิผิด แล้วถูกศิษย์พี่เ้าสำนักตีมือ…
เพียงครู่เดียวจิงต้าไห่ก็ตั้งสติได้
‘ไม่ใช่สิ หรือนี่จะเป็ภาพลวงตา?’
เมื่อคิดได้ดังนั้น จิงต้าไห่ก็ทำทีแข็งกร้าวต่อหน้านักพรติหยางเป็ครั้งแรก หลังจากกัดฟันแน่น เขาก็เอ่ยซ้ำประโยคเมื่อครู่ออกมาอีกครั้ง
“เ้า… อย่าเข้ามานะ!”
นักพรตหยางิเห็นดังนั้น ก็ตอบออกมาด้วยสีหน้าเ็า
“จิงต้าไห่ ไม่เจอกันหลายวัน ใจกล้าขึ้นไม่เบาเลยนะ…”
“ใครว่าไม่เจอกันหลายวัน!” เดิมทีจิงต้าไห่ก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินนักพรตหยางิเอ่ยเช่นนี้ ก็สวนกลับไปด้วยความตื่นตระหนกทันที
“เมื่อครู่ เพิ่งจะสะบั้นข้าตกบันไดมาแท้ๆ ไหนจะตอนอยู่ที่หุบเขาทางเหนือยังแยกร่างเป็สองคนอีก ตอนนั้นเ้ายังสังหารนักพรตหยางิอีกคนอยู่เลยด้วยซ้ำ อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นนะ ก่อนที่จะเข้าใจเื่ทุกอย่าง ข้าจะไม่เชื่อใครทั้งนั้น!”
“เ้าขึ้นไปที่บันไดนั่นมาหรือ?” หลังจากได้ยินจิงต้าไห่เอ่ย สีหน้านักพรตหยางิก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่แววตาที่มองจิงต้าไห่ยังเต็มไปด้วยความเข้มงวดเช่นเดิม
“เคย…เคยขึ้นไป!”
“ขึ้นไปถึงขั้นไหนล่ะ?”
“ข้าเพิ่งจะขึ้นไปครู่เดียว ก็ถูกเ้าสะบั้นตกลงมาแล้วไง ตอนนี้ยังมีหน้ามาถามอีกว่าขึ้นไปกี่ขั้น”
ผู้เฒ่าชราได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับ เป็เวลานาน จึงเอ่ยตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เป็เช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้วล่ะ…”
“หมาย…หมายความว่าอย่างไร?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีประหลาดเช่นนี้ จิงต้าไห่ก็รู้สึกระแวงขึ้นทันที…
“หึหึ…” ผู้เฒ่าชราหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะชี้ไปยังขั้นบันไดหิน
“ข้าเองก็เคยขึ้นไปมาก่อน แต่น่าเสียดายที่ขึ้นไปได้แค่สามขั้นเท่านั้น…”
“สามขั้น?”
“ใช่แล้ว ขั้นแรกข้าเจอผู้าุโเว่ยแห่งสำนักหมัดเซียน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็ผู้บำเพ็ญกายอันดับหนึ่งแห่งทะเลอูไห่ หมัดเหล็กคู่นั้นของเขาแข็งแกร่งดั่งศาสตราวุธเลยทีเดียว ข้าถึงกับต้องใช้เปลวไฟที่เป็รากฐานบำเพ็ญสำแดงเป็กระบี่เข้าต้านไว้ และยังต้องใช้ถึงหนี่งร้อยสามสิบกระบวนท่า จึงเอาชนะอีกฝ่ายได้…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้เฒ่าชราก็หยุดลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ
“และในขั้นที่สองข้าก็เจอกับปรมาจารย์โจวจากหุบเขาหมื่นบุปผา ภายใต้ค่ายกลหมื่นเข็มทะลวงใจ ข้านั้นถึงกับต้องสำแดงนกหลีหลวนออกมาต่อสู้ถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ถึงจะทลายค่ายกลออกมาได้…”
“แล้วขั้นสามล่ะ?”
“ขั้นที่สามข้าเจอกับผู้าุโจากสำนักซินเหอ เคล็ดวิชาดวงดาราของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมาก ข้าต้องต้านรับอยู่สามชั่วยามเต็มๆ เมื่อพลังปราณแห้งเหือดก็ถูกสะบั้นตกลงมานี่แหละ…”
หลังจากได้ยินนักพรตหยางิเล่าเื่ต่างๆที่เกิดขึ้นให้ฟัง ความหวาดระแวงในใจของจิงต้าไห่ก็เริ่มลดน้อยลง สายตาที่มองก็ไม่เหลือความหวาดกลัวเช่นเดิม แต่ก็ยังมีความหวาดระแวงในใจอยู่บ้าง…
เพราะเหตุการณ์ที่หุบเขาทางเหนือ ได้กลายเป็ปมในใจของจิงต้าไห่ไปแล้ว…
“จากนั้นล่ะ?…”
“จากนั้นหรือ?” เมื่อได้ยินจิงต้าไห่ถามต่อ นักพรตหยางิก็ราวกับได้ยินเื่ตลก ก่อนจะตอบพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ
“จากนั้นข้าก็พักฟื้นอยู่ละแวกนี้นี่แหละ เมื่อร่างกายฟื้นตัวดีขึ้น ก็คิดจะไปหาเ้ากับศิษย์น้องหวัง ทว่ากลับเจอผู้าุโของสำนักซินเหอเข้าเสียก่อน ถือว่าบังเอิญเลยทีเดียว…”
“ไม่ใช่ว่าผู้าุโอู๋…” ในตอนแรกจิงต้าไห่คิดจะพูดว่าผู้าุโอู๋ควรจะอยู่ที่บันไดขั้นที่สามไม่ใช่หรือ แต่พอครุ่นคิดดูอีกทีก็พบว่าศิษย์พี่เ้าสำนักที่อยู่ขั้นหนึ่งยังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเช่นนี้ จึงไม่ใช่เื่แปลกที่อีกฝ่ายจะเจอกับผู้าุโอู๋
“หึหึ ตอนนั้นข้าเองก็เหมือนกับเ้าในตอนนี้นี่แหละ เกิดความระแวงในตัวผู้าุโอู๋ไม่น้อยเลย แต่หลังจากสอบถามก็พบว่าผู้าุโเองก็เคยขึ้นไปที่บันไดนั่นมาก่อนเหมือนกัน และก็ถูกผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันที่รู้จักตีพ่ายจนร่วงตกลงมา ตอนนั้นข้ากับผู้าุโอู๋จึงลดความระแวงซึ่งกันและกันลงได้ จากนั้นก็ร่วมมือกันเพื่อสืบหาความจริงว่าเื่นี้มันเป็มาอย่างไรกันแน่ แทบจะเรียกว่าพลิกแผ่นดินทั่วทั้งหุบเขาเลยก็ว่าได้…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆนักพรตหยางิก็ชะงักลงไปเล็กน้อย
“แต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่พวกข้ายังไม่เคยไป นั่นก็คือหุบเขาทางเหนือ…”
“ว่าไงนะ?”
จิงต้าไห่ได้ยินดังนั้นก็ใขึ้นทันที เพราะเื่ราวที่อีกฝ่ายเล่ามานับว่าสมจริงมาก แม้แต่จิงต้าไห่ที่หวาดระแวงเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังอดที่จะปักใจเชื่อไม่ได้…
‘แต่ถ้าเป็เช่นนั้น…’
‘แล้วเื่ที่มีนักพรตหยางิสองคนที่หุบเขาทางเหนือล่ะ หมายความว่าอย่างไรกัน?’
‘จริงสิ แถมยังมีเื่ขั้นบันไดนั่นอีกด้วย…’
‘แล้วนักพรตหยางิที่เพิ่งสะบั้นตนเองจนร่วงตกลงมาล่ะ?’
“ก่อนหน้านี้ทั้งข้าc]tผู้าุโอู๋ ต่างก็รู้สึกว่าขั้นบันไดนี้ดูพิลึกเป็อย่างมาก หลายวันมานี้ก็เอาแต่คิดเื่นี้ซ้ำๆไป แต่ว่าเมื่อครู่ตอนได้ยินเ้าบอกว่า ถูกข้าสะบั้นกระบี่ใส่ ก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาทันที…”
“หมายความว่าอย่างไร?”
“หากเดาไม่ผิดละก็ ขั้นบันไดทั้งสิบแปดขั้นนี้จะต้องมีพลังพิเศษบางอย่างที่สามารถจดจำและคัดลอกพลังของเหล่าผู้บำเพ็ญได้ จึงทำให้เกิดภาพลวงตาของผู้บำเพ็ญปรากฏตามขั้นบันได ทั้งข้าเองกับผู้าุโ หรือแม้แต่ผู้าุโเว่ยกับปรมาจารย์โจวก็ตาม…”
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าทั้งเ้าที่เพิ่งจะสะบั้นข้า หรือแม้แต่ผู้าุโที่สะบั้นใส่เ้า ล้วนเป็ภาพลวงตาที่เกิดจากขั้นบันไดอย่างนั้นหรือ?”
“ต่อให้ไม่ใช่เสียทีเดียว แต่ก็คงจะใกล้เคียงนั่นแหละ…”
“แต่ว่า…” จิงต้าไห่ยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย
“แล้วข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าที่เ้าพูดมาเป็ความจริง?”
“ยังจำได้ไหม? ตอนที่เ้าเข้าสำนักมาใหม่ๆ เพราะความตะกละจึงเผลอกินผลอสรพิษทองเข้าไปจนทำให้ท้องเสียอยู่ทั้งคืน ข้าถึงกับต้องไปเชิญอาจารย์อาเหอมารักษา อ้อ จริงสิ ตอนเ้าฝึกเคล็ดวิชาเปลวไฟหนานิแรกๆ เ้ายังท่องเคล็ดวิชาสิบประโยคผิดไปถึงแปดประโยคเลยนี่…”
หลังจากนั้นนักพรตหยางิก็เล่าเื่ที่เกิดขึ้นใน่ร้อยปีที่แล้วออกมามากมาย ความหวาดระแวงในใจจิงต้าไห่จึงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ…
เพราะทุกๆ เื่ ล้วนเป็ความลับระหว่างทั้งคู่ซึ่งไม่มีใครรู้ หากขั้นบันไดนี้มีพลังร้ายกาจถึงขั้นล่วงรู้ความลับในใจได้ละก็ ต่อให้ระแวงไปก็คงไม่มีประโยชน์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------