ครั้นดอกฝูหรงผลิบานในต่างภพ (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        “พี่ใหญ่ พี่เขยใหญ่ พวกท่านมาแล้วหรือ?” เสียงของกู้เจิ้งชินทักมาจากทางด้านข้าง

         

        กู้เจิงหันมองไปก็เห็นน้องรอง องค์ชายสิบสอง และเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยเดินเข้ามาหา ตอนนี้ทั้งสามคนอาจกล่าวได้ว่าเงาร่างไม่ห่างกัน เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนแค่เห็นหนึ่งในนั้น ก็จะมีอีกสองคนอยู่ด้วยเสมอ

         

        กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนทำความเคารพองค์ชายสิบสอง

         

        “ใต้เท้าเสิ่นไม่ต้องมากพิธี” องค์ชายสิบสองมองเสิ่นเยี่ยนด้วยแววตาเป็๞ประกาย

         

        “ใต้เท้าเสิ่น” เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยทักทาย

         

        “ท่านอาจารย์ได้ให้คำถามพวกเรามาหลายข้อ เมื่อไหร่ใต้เท้าเสิ่นจะมีเวลาว่างมาสอนพวกเราอีก” องค์ชายสิบสองชวนเสิ่นเยี่ยนคุย

         

        เสิ่นเยี่ยนเอ่ยตอบ “อีกไม่กี่วันกระหม่อมต้องไปที่ตำหนักบูรพา แล้วจะแวะไปตำหนักองค์ชายสิบสองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

         

        กู้เจิงกำลังสงสัยว่าเสิ่นเยี่ยนกับองค์ชายสิบสองรู้จักกันอย่างไร พอองค์ชายสิบสองพูดเช่นนี้ก็รู้ได้ว่าน่าจะเป็๞เพราะน้องรอง นางมองไปทางน้องรอง ตามคาด นางเห็นใบหน้าเคร่งขรึมที่ยากจะปกปิดความอิ่มอกอิ่มใจไว้ได้ 

         

        ด้านหลังมีคนทยอยกันเข้ามา คุณชายผู้สูงศักดิ์บางคนเมื่อเห็นองค์ชายสิบสองก็เข้ามาทำความเคารพ เสิ่นเยี่ยนกับกู้เจิงจึงเดินเข้างานกันไปก่อน

         

        เมื่อเดินผ่านประตูกลมเข้ามาในงาน ก็เห็นเหล่าคุณชายและคุณหนูมากมายกําลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ด้านนอกฝนตกยังตกอยู่ ทุกคนจึงต้องเดินอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ทางด้านซ้ายและขวาของระเบียงเต็มไปด้วยโคมไฟสำหรับทายปริศนา

         

        แสงของโคมไฟที่แขวนเป็๞แนวริมทางเดินดูสวยงามเป็๞อย่างยิ่ง

         

         

        กู้เจิงเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังพูดคุยหัวเราะอยู่ที่ริมทางเดิน นางคิดในใจว่าเมืองเยว่เฉิงนี่เล็กเกินไปจริงๆ

         

        ผู้หญิงคนนั้นก็มองเห็นกู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนเช่นกัน ใบหน้าอ่อนโยนของนางดูประหลาดใจมาก “เป็๲พี่สาวเองหรือ?” นางทักขึ้นพร้อมเดินเข้ามาหา

         

        “พี่สาวคนไหนกัน?” เพื่อนของนางก็ตามมาด้วย เพื่อนของนางรีบเข้ามาย่อกายคารวะเสิ่นเยี่ยน “คารวะใต้เท้าเสิ่น”

         

        “ใต้เท้าเสิ่น?” หวังหว่านหรงทำหน้างุนงงมองเสิ่นเยี่ยนกับกู้เจิง

         

        “ใต้เท้าเสิ่นเป็๲ผู้ช่วยทางสำนักราชเลขา ข้าเคยไปส่งยาต้มให้ท่านพ่อข้าและได้พบเขาเข้า” หญิงสาวบอกกับหวังหว่านหรง นางหันมาเห็นกู้เจิงจึงกล่าวว่า “นี่คงเป็๲ฮูหยินน้อยเสิ่นกระมัง?”

         

        “ที่แท้เป็๲คุณหนูควั่งนี่เอง นี่คือฮูหยินของข้า” เสิ่นเยี่ยนรู้สึกคุ้นตากับหญิงสาวที่บอกว่าเคยเจอเขามาก่อน

         

        “ข้าน้อยหวังหว่านหรง บิดาคือหวังหงเฉิงรองเสนาบดีกรมการคลังเ๽้าค่ะ” หวังหว่านหรงรีบแนะนำตัวเอง ก่อนจะยิ้มให้กู้เจิง “พี่สาว ช่างบังเอิญเสียจริง นี่เป็๲การพบกันครั้งที่สามของพวกเราแล้ว จะว่าไปข้ากับพี่สาวช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ...”

         

        กู้เจิงตัดบทหวังหว่านหรง “ไม่ใช่ครั้งที่สาม แต่เป็๲ครั้งที่สี่”

         

        หวังหว่านหรงงุนงง “ครั้งที่สี่?”

         

        “ใช่แล้ว ครั้งที่สองคือที่ตำหนักบูรพา ในวันที่ฉลองครบรอบวันเกิดของพระชายารัชทายาท ข้าเคยเห็นคุณหนูหวัง และได้รู้ฐานะของคุณหนูหวังแล้ว” กู้เจิงมองใบหน้าหวังหว่านหรงที่ค่อยๆ แข็งขึ้น ก่อนจะปั้นหน้ากลับไปอ่อนโยนดังเดิมอย่างรวดเร็ว

         

        เสิ่นเยี่ยนเหลือบมองภรรยาแวบหนึ่ง ดวงตาของเขาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม เขาชอบท่าทางแยกเขี้ยวของภรรยานัก 

         

        “ความคิดของคุณหนูหวังมองปราดเดียวก็เข้าใจได้ คุณหนูน้อยควรสำรวมสักหน่อยถึงจะดี ใช่ไหมเ๽้าคะ คุณหนูควั่ง?” กู้เจิงมองหวังหว่านหรงด้วยสีหน้าเป็๲กันเอง แต่ประโยคสุดท้ายนางหันไปถามคุณหนูที่อยู่ข้างๆ

         

        “ฮูหยินน้อยเสิ่นพูดถูกเ๽้าค่ะ” คุณหนูควั่งไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของอีกฝ่าย แต่การสงบเสงี่ยมรู้จักสำรวมของสตรีนั้นเป็๲สิ่งสมควรแล้ว

         

        หลังจากเสิ่นเยี่ยนและกู้เจิงจากไปแล้ว คุณหนูควั่งก็หันไปมองสีหน้าของเพื่อนรักที่ย่ำแย่สุดๆ จึงอดเป็๲ห่วงไม่ได้ “หว่านหรง เ๽้าไม่สบายหรือ?” 

         

        หวังหว่านหรงยิ้มหยันแล้วพึมพำ “ข้าประเมินนางต่ำไปจริงๆ”

         

        กู้เจิงเห็นในบริเวณลานกว้างมีร่มขนาดใหญ่แขวนไว้เต็มไปหมด ใต้ร่มสามารถรองรับคนได้กลุ่มหนึ่ง ภายในร่มยังมีโคมไฟแขวนอยู่ด้วย สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือเวลาฝนตกลงมากระทบร่มและไหลตกลงมาเป็๲สาย กลายเป็๲ภาพที่แปลกตา

         

        “พี่ใหญ่” เสียงร้องของกู้เหยาดังทักมาจากใต้ร่มหนึ่ง

         

        กู้เจิงเห็น อีกฝ่ายกำลังกวักมือเรียกนาง กู้อิ๋ง พระชายารอง และพระชายาสี่ก็อยู่ด้วย 

         

        ขณะนั้นเอง นางกำนัลคนหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเยี่ยน “ใต้เท้าเสิ่น ตวนอ๋องกับเยี่ยนอ๋อง (องค์ชายสี่) กำลังรอใต้เท้าเสิ่นอยู่ในห้องหนังสือเ๽้าค่ะ”

         

        “งั้นท่านไปเถอะ ข้าจะไปอยู่กับพวกน้องสี่เ๽้าค่ะ” กู้เจิงพูดกับสามี

         

        เสิ่นเยี่ยนพยักหน้ารับและเดินตามนางกำนัลไป

         

         “พี่ใหญ่ วันนี้ท่านมาช้า พวกเรากินข้าวเที่ยงกันไปแล้ว” กู้เหยาวิ่งเข้ามาหากู้เจิง

         

        “พอดีคุยธุระกับพ่อแม่สามีที่บ้านน่ะ” กู้เจิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

         

        กู้เจิงไม่เห็นองค์หญิงสิบเอ็ด จึงถามว่า “องค์หญิงสิบเอ็ดยังไม่มาอีกหรือ?”

         

        “นางน่ะ บอกว่าอยากเป็๲คนแรกที่มา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มาเลยเ๽้าค่ะ” กู้เหยาเบ้ปากอย่างไม่พอใจ

         

        “น่าจะใกล้ถึงแล้วกระมัง เมื่อวานองค์หญิงดูจะรอให้ถึงวันนี้ไม่ไหวแล้ว” พระชายาสี่ยิ้มและชี้ไปยังร่มขนาดใหญ่บนศีรษะ “มิฉะนั้นนางคงไม่คิดวิธีเช่นนี้ได้ ดูทางนั้นสิ น้องสิบสองมาแล้ว”

         

        “พี่รองมาแล้ว” กู้เหยาเห็นพี่รองที่อยู่กับองค์ชายสิบสอง

         

        เมื่อครู่กู้เจิงจึงไม่กล้ามองสำรวจเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมากนัก แต่ตอนนี้ทุกคนต่างมองไปยังพวกเขา นางเองจึงได้มองพินิจพิเคราะห์เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยอย่างเปิดเผย เคยเห็นหน้ามาหลายครั้ง ความประทับใจก็มีเพียงดูเป็๲เด็กอบอุ่นและรูปงามเกินไป

         

        แน่นอนว่านางมองอย่างถี่ถ้วน และอยากจะดูว่าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยกับเสิ่นเยี่ยนมีจุดที่คล้ายกันหรือไม่ ทว่ากลับไม่มีเลย โครงหน้าไม่เหมือนกันสักนิด แม้แต่เทียบกับแม่ทัพเซี่ย เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยผู้นี้ก็ไม่มีจุดไหนที่คล้ายคลึงกับเขา

         

        “เหยาเอ๋อร์” จู่ๆ พระชายาสี่ก็ยิ้มพลางมองกู้เหยาอย่างมีเลศนัย “เ๽้าคิดว่าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยรูปร่างหน้าตาเป็๲ยังไงบ้าง?”

         

        กู้เหยาได้ยินพระชายาสี่ถามเช่นนี้ก็ตอบอย่างไม่ได้คิดมาก “หน้าตาดีมากทีเดียวเพคะ” พอพูดออกไปก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง นางเห็นพระชายาสี่และพระชายารองปิดปากกลั้วหัวเราะกัน แม้แต่พี่สามกู้อิ๋งก็มองนางอย่างล้อเลียน

         

        กู้เจิงตาโต ระหว่างน้องสี่กับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมีอะไรงั้นหรือ?

         

        “พะ พวกท่านอย่าคิดอะไรเหลวไหลนะ” ไม่ว่ากู้เหยาจะนิสัยเด็กแค่ไหน แต่ก็รู้ได้ว่าพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่

         

        “พวกเราจะคิดอะไรได้?” พระชายารองจิ้มหน้าผากของกู้เหยา “เหยาเอ๋อร์เองนั่นแหละกำลังคิดอะไรเหลวไหลอยู่น่ะสิ”

         

        พอองค์ชายสิบสอง กู้เจิ้งชิน และเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยเดินมา พวกนางต่างก็ทำหน้ามีพิรุธอมยิ้มกันเป็๲แถบ ส่วนกู้เหยานั้นใบหน้าแดงก่ำ

         

        เนื่องด้วยการหยอกล้อเมื่อครู่ ทำให้กู้เหยาไม่ค่อยกล้ามองหน้าเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยนัก เมื่อเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมองไปทางกู้เหยา ก็รู้สึกว่าวันนี้คุณหนูสี่กู้ดูแปลกๆ ไป ต่างจากนิสัยตรงไปตรงมาดังเคย ทำเอาเขาหันมองอยู่หลายที

         

        ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

         

        ทุกคนที่นี่ต่างกำลังเล่นอยู่ตรงบริเวณลานกว้าง จะมีคนเข้ามาคารวะหรือพูดคุยกับพระชายาทั้งสามบ้างเป็๲ครั้งคราว ทุกคนล้วนอยากทำความรู้จักกับพระชายาของเหล่าองค์ชาย ด้วยเหตุนี้ กู้เจิงที่ยืนอยู่ในกลุ่มพระชายาทั้งสามจึงดูพิเศษไปด้วย หวังหว่านหรงกับคุณหนูควั่งก็เข้ามาทักทายกับกลุ่มพวกนางด้วยสีหน้าเป็๲ธรรมชาติ ราวกับเหตุการณ์ตรงระเบียงทางเดินไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

         

        พอได้เวลาอาหารมื้อเย็นองค์หญิงสิบเอ็ดถึงได้มาถึงงาน พอนางมาถึงกู้เหยาก็ฉุนเฉียวใส่นางทันที แต่องค์หญิงสิบเอ็ดกลับไม่โกรธเลยสักนิด กลับดีใจมากที่มีเพื่อนคนหนึ่งฉุนเฉียวนางได้

         

        งานเลี้ยงแบบวันนี้ชายหญิงไม่ต้องเว้นระยะห่าง ทุกคนล้วนนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกัน

         

        กู้เจิง เสิ่นเยี่ยน เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยรวมถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ได้นั่งร่วมโต๊ะกัน กู้เจิงพบว่าทุกคนต่างมากันเป็๲คู่ๆ องค์ชายสี่ถึงขั้นพาบุตรชายมาด้วย มีเพียงพระชายารองเท่านั้นที่โดดเดี่ยว นางกินไปพลางดูแลบุตรของพระชายาสี่ด้วยท่าทีเหมือนดูแลบุตรแท้ๆ ของตัวเอง

         

        ลูก๬ั๹๠๱ทั้งเก้า แต่ละคนล้วนแตกต่างกัน องค์ชายสี่กับองค์ชายห้าจ้าวหยวนเช่อไม่ได้ดูเหมือนกันแม้แต่น้อย แต่องค์ชายน้อยผู้นั้นมองแวบแรกกลับคล้ายจ้าวหยวนเช่ออยู่บ้าง

         

        กู้เจิงดื่มสุราไม่ได้ ในอุทยานหลวงก็ไม่มีสุราข้าว ดังนั้นนางจึงกินอาหารของตัวเองเงียบๆ มองดูทุกคนคารวะสุรากันไปมา นางนั่งฟังทุกคนสนทนากันอย่างสนใจ องค์ชายสี่เรียกเสิ่นเยี่ยนว่าจ่างหวาย เห็นได้ว่าเขาก็ให้ความสำคัญกับเสิ่นเยี่ยนเหมือนตวนอ๋องเช่นกัน

         

        “เหยาเอ๋อร์ พี่ใหญ่ ถ้าพวกเ๽้าดื่มสุราไม่ได้ก็สามารถใช้ชาแทนสุราได้ พวกเราก็ดื่มคารวะองค์หญิงสิบเอ็ด พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สี่สักจอกเถอะ” กู้อิ๋งลุกขึ้นยืน

         

        กู้เจิงกับกู้เหยาจึงยกแก้วชาขึ้น

         

        “ในอุทยานหลวงมีสุราผลไม้ไม่ใช่หรือ?” จ้าวหยวนเช่อมองถ้วยชาในมือกู้เจิง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเหมือนไม่ใส่ใจว่า “ใครก็ได้ ไปนำสุราผลไม้มา”

         

        “มีจริงด้วย ทำจากผลท้อในปีที่แล้วนี่เอง” องค์หญิงสิบเอ็ดเสริมต่อว่า “ต้องอร่อยแน่”

         

        กู้เจิงคิดว่าตวนอ๋องผู้นี้ช่างเ๱ื่๵๹มากเสียจริง ใช้ชาดื่มแทนสุราก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?

         

        “ท่านอ๋อง ฮูหยินของกระหม่อมคออ่อนนัก ครั้งก่อนนางดื่มสุราไปโดยไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายต้องเชิญหมอมาตรวจถึงฟื้นขึ้นมา นอกจากสุราข้าวที่หมักเองในบ้านแล้ว นางดื่มสุราอื่นไม่ได้ จอกนี้ กระหม่อมขอดื่มคารวะทุกท่านแทนฮูหยิน” เขารินเหล้าให้ตัวเองเต็มจอก แล้วมองไปยังทุกคน

         

        แม้จ้าวหยวนเช่อจะดื่มสุราในมือแล้ว แต่พอเห็นกู้เจิงมองเสิ่นเยี่ยนด้วยแววตาแฝงรอยยิ้มก็รู้สึกบาดตานัก ตอนนี้เ๱ื่๵๹ราวทุกอย่างแตกต่างจากในความทรงจำของเขามาก แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าสตรีคนนี้ ปัญหาที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจก็มักจะผุดขึ้นมา

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้