หลายวันให้หลัง ในห้องหนังสือของหลิ่วเหอ
“ท่านอาหลิ่ว ท่านเรียกข้าหรือ!” เฉียวรุ่ยเดินเข้ามาในห้อง ยืนกระอักกระอ่วนอยู่ตรงหน้าหลิ่วเหอ
เมื่อครู่ได้ยินลุงถงบอกท่านอาหลิ่วเรียกหาตน เฉียวรุ่ยรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ั้แ่เทียนฉีเก็บตัวฝึกฝน ท่านอาหลิ่วก็กลัวเขาอึดอัด จึงให้คนนำอาหารสามมื้อมาส่งที่พักเขาโดยตรง หลายวันมานี้จึงไม่ได้พบหน้าท่านอาหลิ่วเลย
“ล้วนเป็คนกันเอง ไม่ต้องระวังปานนั้นหรอก นั่งเถอะ!” หลิ่วเหอเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน พยายามแสดงความเป็กันเองออกมาให้มากที่สุด เพราะกลัวลูกสะใภ้จะอึดอัด
“ขอรับ!” เฉียวรุ่ยพยักหน้ารับ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายหลิ่วเหอ
“เสี่ยวรุ่ย ข้าหาคนดูให้แล้ว วันนี้เป็วันฤกษ์งามยามดี อาจึงอยากให้เ้าหมั้นกับเทียนฉีให้เรียบร้อย เ้าคิดเห็นอย่างไร?” หลิ่วเหอมองเฉียวรุ่ย เอ่ยถามจริงจัง
“ขอรับ ข้า ข้าไม่มีความเห็นอื่นใด ท่านอาตัดสินใจได้เลย!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะพลางตอบ
“เื่หมั้นเป็เื่ใหญ่ ตามหลักแล้วข้าควรส่งคนไปเชิญพ่อแม่ของเ้า เมื่อผู้ใหญ่สองครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ถึงค่อยหารือรายละเอียดการหมั้นหมายอย่างของหมั้น แต่พ่อแม่บุญธรรมของเ้าจากไปนานแล้ว ข้าจึงเพียงได้แต่พูดต่อหน้าเ้า เสี่ยวรุ่ย เื่การหมั้นหมาย เ้ามีความเห็นอย่างไรหรือมีของหมั้นอะไรที่้า ล้วนเอ่ยออกมาได้ทั้งสิ้น อาจะพยายามทำตามความ้าของเ้าทั้งหมดเอง”
“ไม่ๆๆ ขอรับ ไม่ต้องใช้ของหมั้นอะไร ขอแค่ท่านยินดีให้ข้ากับเทียนฉีอยู่ด้วยกัน ข้าก็ขอบคุณเป็อย่างยิ่งแล้ว!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะรีบร้อนปฏิเสธ
“เฮ้อ ในเมื่อเป็การหมั้นหมายย่อมต้องมีของหมั้นสิ อาเตรียมของขวัญจำนวนหนึ่งไว้ให้แล้ว เ้าลองดูซิ ถูกใจเ้าหรือไม่” หลิ่วเหอพูดพลางนำของหมั้นที่ตนเตรียมไว้ออกมาวางลงบนโต๊ะ
หลิ่วถงหยิบกล่องบุผ้าไหมใบหนึ่งมาเปิดฝากล่องขึ้น ส่งมาตรงหน้าเฉียวรุ่ย
“นายน้อยเฉียว นี่คือกำไลเก็บของขั้นสองคู่หนึ่ง นายท่านสามสั่งช่างหลอมอุปกรณ์ทำขึ้นเพื่อท่านโดยเฉพาะ ท่านลองดูว่าถูกใจหรือไม่?”
เฉียวรุ่ยเห็นกำไลเก็บของสีเงินยวงฝีมือประณีต แกะสลักเป็กลีบบุปผาน้อยดอกแล้วดอกเล่าในกล่องก็พยักหน้ารัว
“งดงามยิ่ง สวยมากขอรับ!”
“งั้นนายน้อยเฉียว ท่านดูอันนี้ต่อสิ นี่คือวิชาเพลงหมัดชุดหนึ่งกับวิชาสายอัคคีชุดหนึ่งที่นายท่านสามซื้อให้ท่าน ล้วนเป็ขั้นสองอีกด้วย!” หลิ่วถงพูดพลางหยิบวิชาสองชุดมาให้เฉียวรุ่ยดูเพิ่ม
“ท่านอาหลิ่ว?” หลังดูเสร็จ เฉียวรุ่ยก็ชำเลืองมองหลิ่วเหอด้วยสายตาที่ต่างออกไป
วิชาเป็ของหายากนะ วิชาขั้นสองเล่มนี้อย่างน้อยก็ต้องแปดเก้าพันศิลาทิพย์ถึงจะซื้อได้! ถ้าเป็วิชาสองชุดล่ะก็ รวมเข้าด้วยกันก็ประมาณสองหมื่นศิลาทิพย์เชียวนะ!
“ข้าฟังที่ฉีเอ๋อร์เล่า เขาบอกว่าแก่นพลังทิพย์ของเ้าเป็สายอัคคี และเ้ายังล่าสัตว์ั้แ่เล็ก วิชาต่อสู้มือเปล่าดียิ่ง ดังนั้นข้าจึงเลือกวิชาสองชุดนี้มา มันเป็วิชาหมัดเท้า ไม่รู้ว่าถูกใจเ้าหรือไม่?”
ได้ยินหลิ่วเหอเอ่ยถาม เฉียวรุ่ยรีบพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ชอบขอรับ ข้าชอบมาก!”
“นายน้อยเฉียว ยังมียันต์วิเศษโจมตีขั้นสามยี่สิบแผ่น ยันต์วิเศษโจมตีขั้นสองสี่สิบแผ่นและยันต์ป้องกันขั้นสองอีกยี่สิบแผ่น ล้วนเป็ของหมั้นที่นายท่านสามอยากมอบให้ท่านนะขอรับ!” หลิ่วถงหยิบยันต์วิเศษตั้งหนึ่งมาแนะนำอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ท่านอาหลิ่ว ของขวัญที่ท่านให้นั้นมากเหลือเกิน ไม่ต้องให้ข้าเยอะปานนั้นหรอก!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะ รู้สึกว่าของหมั้นมีมากมาย อีกทั้งล้ำค่าเกินไปแล้ว
ยันต์วิเศษขั้นสามหนึ่งแผ่นมีค่าตั้งหลายพันศิลาทิพย์ ยี่สิบแผ่นก็แปดเก้าหมื่นศิลาทิพย์เชียวนะ และยังมียันต์วิเศษขั้นสองอีกหกสิบแผ่น จำนวนไม่น้อยเลย!
“ฮ่าๆ ไม่มากเกินไปหรอก ทั้งหมดล้วนเป็ของที่เ้าใช้ได้!”
“นายน้อยเฉียว ตรงนี้ยังมีอีกขอรับ นี่คือศิลาทิพย์สองหมื่นลูก เป็ของหมั้นที่นายท่านสามให้ท่านใช้ในการฝึกฝนเช่นกัน!” หลิ่วถงพูดพลางส่งถุงเก็บของประณีตใบหนึ่งมาอีก
“ไม่ขอรับ ท่านอาหลิ่ว ท่านเตรียมของขวัญให้มากเกินไป ทุกสิ่งล้วนเป็ของล้ำค่า ข้า ข้ารับไม่ได้หรอก!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะพลางบอก รู้สึกลำบากใจที่จะรับไว้
“เสี่ยวรุ่ย นี่เป็ของหมั้น เ้ารับของหมั้นเหล่านี้ ก็นับว่าเ้ากับเทียนฉีหมั้นหมายอย่างเป็ทางการแล้ว หรือเ้าไม่อยากหมั้นกับเทียนฉีเล่า?” หลิ่วเหอมองอีกฝ่ายอย่างฉงน เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ ไม่ใช่นะ ข้า ข้าโดดเดี่ยวยากแค้นั้แ่เล็ก สิ่งที่้าจึงมีไม่มากนัก ขอแค่เทียนฉีจริงใจต่อข้า ข้าก็พอใจแล้ว สิ่งอื่นใดล้วนไม่้า ทั้งหมดที่ข้าพูดล้วนเป็ความจริงจากใจ” เฉียวรุ่ยขอบตาแดง เอ่ยอย่างจริงจัง
หลิ่วเหอมองดูท่าทางตื้นตันของเฉียวรุ่ยก็ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
“เด็กโง่ หลังจากนี้ทุกคนล้วนเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว บิดามอบของให้เ้า เ้าก็ไม่้าหรือ?”
“นี่...” ได้ยินคำว่าบิดาเพียงสองพยางค์ ใบหน้าของเฉียวรุ่ยพลันแดงขึ้น
“นายน้อยเฉียว ไยไม่รีบขอบคุณนายท่านสามอีกล่ะขอรับ?” หลิ่วถงที่อยู่ด้านข้างยิ้มตาหยี มองเฉียวรุ่ยที่หน้าแดงพลางเอ่ยเร่ง
“ขอบคุณท่านอาหลิ่ว!” เฉียวรุ่ยลุกขึ้นยืน รีบเอ่ยขอบคุณ
“ดี!” หลิ่วเหอมองว่าที่ลูกสะใภ้ของตน เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา เขารู้สึกถูกใจเฉียวรุ่ยที่เป็เช่นนี้ยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว