ฮวารั่วซีรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก พริบตาเดียวนางก็เห็นซ่งอี้เฉิน “ฝ่า…...ฝ่าา”
ซ่งอี้เฉินมองใบหน้าดุจดังบุปผานี้ ไม่รู้เหตุใดความเกลียดชังในใจจึงเพิ่มขึ้นมา “ซูเฟยวินัยหละหลวม หักเบี้ยหวัดสองเดือน!”
จากนั้นเขาไม่คิดสนใจคนรอบข้างพลันโอบกอดเหยียนอู๋อวี้แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว “ไปกราบทูลไทเฮาว่าเหยียนเป่าหลินได้รับาเ็ เจิ้นจะไปส่งเหยียนเป่าหลินกลับตำหนักก่อนแล้วจึงค่อยไปพบพระองค์”
เหยียนอู๋อวี้ซบไหล่เขาพลางมองสีหน้ายากจะคาดเดาของฮวารั่วซีกับเซียวเป่าหลินพร้อมทอดถอนหายใจ
สำหรับนางแล้ว ยิ่งซ่งอี้เฉินมอบความโปรดปรานให้นางมากเพียงใด ศัตรูนางก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ซ่งอี้เฉินแสดงละครเก่งจริงๆ วันนี้ยามที่เขากลับไปเกรงว่าไทเฮาจะต้องทรงขุ่นเคืองมากเป็แน่
……
ไม่นานนักภายในวังหลวงพลันมีข่าวแพร่สะพัดว่าอีกไม่นานเหยียนอู๋อวี้คงจะได้ตำแหน่งเฟย หรือแม้แต่ตำแหน่งฮองเฮา ความอิจฉาริษยาในวังหลวงยิ่งเพิ่มมากขึ้น
มีเพียงภายในตำหนักของไทเฮาที่สงบนิ่งผิดปกติ
แม้ไม่ได้เข้าเฝ้าไทเฮา ทว่าเหยียนอู๋อวี้ก็คาดเดาได้ว่าจะเกิดเื่อันใดขึ้น
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ซ่งอี้เฉินมีราชโองการอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าให้จัดงานเลี้ยงวันประสูติไทเฮาในสวนของวังหลวง และทรงสั่งให้กรมพิธีการจัดการ หลังจากนั้นเขาก็ลืมเื่นี้ไป
เหยียนอู๋อวี้เพิ่งกลับมาถึงตำหนัก ไม่มีเวลาว่างมาสนใจเื่นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีใครบอกนางเื่นี้ กระทั่งนางรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ยามที่นางจำวันประสูติไทเฮาได้ก็เหลือเวลาเพียงแค่สามวัน
การที่ต้องรีบหาของขวัญสักชิ้นภายในเวลาสามวันเป็เื่ยากอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นนางมิได้มาจากตระกูลที่โดดเด่นอันใด แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคิดหาวิธีช่วยนางหาของขวัญสักชิ้นอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน
นางทำได้เพียงคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง
ปีนั้นนางมีสถานะเป็ลูกสะใภ้ขององค์ไทเฮา นางคิดหาวิธีอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาอกเอาใจไทเฮา ทว่าคนไม่ชอบจะทำอย่างไรก็ไม่ชอบ ไม่ว่าทำอันใดไทเฮาล้วนไม่พอพระทัย บางครั้งหากมีท่าทีอ่อนโยนต่อนางล้วนเป็เพราะมีจุดประสงค์อื่น
วันนี้นางเปลี่ยนตัวตนแล้ว ทว่าคล้ายจุดจบยังคงเป็เช่นเดิม
วันนั้นหลังจากที่ซ่งอี้เฉินพานางกลับตำหนักเขาก็ไม่ได้จากไป และไม่ได้ไปเข้าเฝ้าไทเฮาเสียด้วยซ้ำ เมื่อคิดดูแล้วไทเฮาต้องไม่พอพระทัยนางอย่างแน่นอน
ทว่านางไม่สนใจ ระหว่างพวกเขาถูกกำหนดให้เป็ตายไม่อาจอยู่ร่วมกัน เป็ศัตรูกันั้แ่แรกเริ่ม
แม้เป็เช่นนี้ นางก็ยังต้องลำบากหาของขวัญให้องค์ไทเฮา ต่อให้เอาชนะทุกคนไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่อาจให้เกิดข้อผิดพลาดใดขึ้นได้
แม้ในปีนั้นนางเอาใจไทเฮาไม่ได้ ทว่านางได้ค้นพบความชอบส่วนพระองค์ของไทเฮา สำหรับของขวัญ ขอเพียงซื้อใจนางได้ย่อมเพียงพอแล้ว
นางนึกถึงไข่มุกราตรีที่แขวนอยู่ทั่วทุกที่ในตำหนักไทเฮา ในสมองพลันเกิดความคิดขึ้นมาทันที
เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็ว สามวันผ่านไปในชั่วพริบตา
ยามเช้าตรู่ เหยียนอู๋อวี้ลุกขึ้นั้แ่เช้า นางเลือกชุดกงจวง[1]ลายดอกเสาเย่าสีเข้มปักลายเมฆาบนปกคอด้วยความช่วยเหลือของป้าโฉ่ว ดิ้นเงินตรงชายแขนเสื้อแลดูเรียบง่ายสง่างาม นางสวมปิ่นปักผมระย้าเพื่อให้เข้ากับชุด การตกแต่งโดยรวมดูสุภาพและมีมารยาทตามสถานการณ์
ว่ากันตามเหตุผล งานเลี้ยงวันประสูติไทเฮามีการเชิญคณะขุนนางมาร่วมงานเลี้ยงด้วย ต่อให้มิได้ประชันความงามก็ไม่ควรแต่งกายไม่สุภาพอย่างเด็ดขาด
“คุณหนูงดงามเหลือเกินเ้าค่ะ” ป้าโฉ่วมองสตรีเบื้องหน้าพลางกล่าวอุทานจากใจจริง
มีเพียงเหยียนอู๋อวี้ที่มองตนเองในคันฉ่องงดงามดั่งบุปผาด้วยสายตาเบื่อหน่าย
ตามกฎของวังหลวง เหล่าผินเฟยควรไปตำหนักอี้คุนั้แ่เช้าตรู่เพื่ออวยพรวันประสูติให้แก่ไทเฮาและอยู่เป็เพื่อนองค์ไทเฮา เนื่องจากไทเฮาประสูติยามเว่ย[2] หลังยามอู่[3]จึงจะเริ่มเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงที่สวนในวังหลวง
ในใจนางคิดเป็ขั้นเป็ตอนเรียบง่ายหนึ่งรอบ เหยียนอู๋อวี้เดินตามป้าโฉ่วทีละก้าวไปจนถึงตำหนักอี้คุน ในเวลานี้ตำหนักอี้คุนมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด นางเงยศีรษะกวาดสายตามองอยู่เงียบๆ พบว่าคนยังมาไม่ครบ
นอกจากฮวารั่วซีแล้วยังมีองค์หญิงใหญ่
นางรู้สึกแปลกใจ ทว่าก็ยังก้าวออกไปถวายบังคม ขณะเตรียมจะหลบไปยืนด้านข้าง กลับพบว่ามีสายตาของบางคนมองนางอย่างมีลับลมคมใน
อู๋เจี๋ยอวี๋ที่ปกติไม่ได้รับความโปรดปราน ทว่าเนื่องจากครอบครัวมีความสัมพันธ์บางอย่างกับไทเฮาจึงพยายามเอาอกเอาใจไทเฮาอย่างสุดความสามารถ วันนี้เป็วันประสูติไทเฮา เป่าหลินนางนี้กลับกล้าหยาบคายเช่นนี้ นางกล่าววาจาเหน็บแนมทันที “ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานผู้นี้แตกต่างจากเรา เรามาถึงเสียตั้งนานแล้ว ทว่านางกลับยังเอ้อระเหยมาสายเช่นนี้!”
ก่อนไทเฮาขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ นางเคยถูกเซียวกุ้ยเฟยกดขี่มานานหลายปี หากท้ายที่สุดตระกูลอวิ๋นไม่ยื่นมือช่วยนาง ยามนี้ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไทเฮา ไม่มีทางเป็นางอย่างแน่นอน!
ดังนั้นการเย่อหยิ่งเพราะได้รับความโปรดปรานจึงเป็ข้อห้ามใหญ่หลวงในใจไทเฮา ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ไทเฮาพลันกวาดสายตามองอู๋เจี๋ยอวี๋อย่างไม่พอใจนัก เมื่อเห็นท่าทางไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำของอู๋เจี๋ยอวี๋ นางจึงเบนสายตาไปบนร่างของเหยียนเป่าหลิน
นางอยู่แต่ในตำหนักไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก ทว่าก็พอได้ยินเื่ของเหยียนอู๋อวี้มาบ้าง เป็เพียงแค่เป่าหลินกลับมีท่าทีโอหังถึงเพียงนี้ กล่าวตามตรงก็เพียงสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือเท่านั้น และเสือที่อยู่เื้ัจิ้งจอกตัวนี้…..
“เ้ามาหาอายเจีย!” ไทเฮายื่นมือที่เคลือบกระวานบนเล็บอย่างสวยงามออกมา
เหยียนอู๋อวี้ก้มศีรษะเดินขึ้นบันไดไปทีละก้าว นางยืนอยู่ไม่ไกลจากไทเฮาด้วยระยะห่างที่พอดี ก่อนจะคุกเข่าบนพื้นด้วยความนอบน้อม
ไทเฮากวาดสายตามองเหยียนอู๋อวี้สองรอบ
ก่อนหน้านี้ได้พบกับนางมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกคือยามคุกเข่าอยู่หน้าประตู ครั้งที่สองนางมิได้มองเป่าหลินผู้นี้ตรงๆ เลย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางจึงกล่าวเสียงเบา “เงยศีรษะขึ้นให้อายเจียดูสักหน่อย”
เหยียนอู๋อวี้นิ่งเงียบค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
ดวงตาคู่นี้...…ดวงตาที่ดูกระจ่างใสคู่นี้คลับคล้ายคลับคลาจนไทเฮาต้องตกตะลึง เผลอนึกถึงอวิ๋นอู๋เหยียนโดยไม่รู้ตัว ยามนั้นครั้งแรกที่พบนาง ไทเฮารู้สึกว่าทนมองหน้านางไม่ได้ มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้! ปีนั้นหากนางไม่ใช่เพราะ้าความช่วยเหลือจากตระกูลอวิ๋นและอวิ๋นอู๋เหยียน นางไม่มีทางให้ซ่งอี้เฉินบุตรชายของตนเองเสกสมรสกับสตรีอัปลักษณ์เช่นนี้
คลื่นโหมกระหน่ำในใจไทเฮา ทว่านางไม่ได้แสดงอารมณ์ใดบนใบหน้า
“ได้ยินว่าฝ่าาโปรดปรานเ้ามาก” ไทเฮากล่าวเสียงเบา ทว่ากลับเบนสายตาหนี
แม้แต่นางก็ไม่กล้าสบตาคู่นี้
ปีนั้นนางสั่งให้สังหารเหล่าทหารที่ติดตามอวิ๋นอู๋เหยียนที่กลับมาจากสนามรบนองเื สายตาของอวิ๋นอู๋เหยียนในเวลานั้นราวกับจะกัดกินคน เดิมทีดวงตางดงามชวนมองคู่นั้นมักเอาอกเอาใจเวลาพบนาง ทว่าในครั้งนั้นกลับเต็มไปด้วยความอาฆาต
หากสายตาฆ่าคนได้ ในเวลานั้นนางคงตายด้วยแววตาที่เฉียบคมของอวิ๋นอู๋เหยียนแล้ว
“ฝ่าาให้ความรักอย่างเท่าเทียม เพียงแค่เห็นว่าหม่อมฉันสุขภาพไม่ดี จึงนึกเวทนาเพียงเท่านั้นเพคะ” นางพอเข้าใจสภาพจิตใจของไทเฮาอยู่บ้าง นางรู้ชัดเจนว่าไทเฮาไม่ชอบนางสนมสถานะต่ำต้อยที่ไม่เจียมตัวในตำแหน่งตนเอง
“ช่างพูดช่างจานัก” เมื่อได้รับคำตอบ ไทเฮาจึงไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความอีก นางโบกมือให้เหยียนอู๋อวี้ลงไป
เหยียนอู๋อวี้กำมือแน่น ข่มความเกลียดชังในก้นบึ้งหัวใจและถอยกลับไปตำแหน่งเดิมทีละก้าว
ฉากคั่นเล็กๆ นี้ผ่านไป ไม่กี่ชั่วยามที่เหลือกลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประมาณยามอู่ ซ่งอี้เฉินเสด็จมาถึง
ทุกคนถวายบังคม ซ่งอี้เฉินกวาดสายตามองอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าท้ายที่สุดกลับหยุดอยู่บนร่างของเหยียนอู๋อวี้ชั่วขณะ
“สนมที่รักสุขภาพไม่ดี ขันที ยกที่นั่งมา!”
ทุกคนในที่นี้มีเพียงไทเฮาที่ได้นั่ง แม้แต่เต๋อเฟยก็ยังยืนรออยู่ด้านข้าง การกระทำนี้ของซ่งอี้เฉินไม่ต่างกับการผลักเหยียนอู๋อวี้ไปอยู่ในคลื่นลมโหมกระหน่ำ
ช่างเป็กับดักที่นุ่มนวลยิ่งนัก!
เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้มเย้ยหยัน นางกล่าวต่อ “หม่อมฉันสบายดี ทำให้ฝ่าาเป็ห่วงแล้วเพคะ!”
นับเป็การปฏิเสธความหวังดีของซ่งอี้เฉินอย่างเรียบง่าย
ไทเฮากวาดสายตามองเหยียนอู๋อวี้อย่างไร้จุดหมาย นางประเมินในใจและนางไม่ได้โง่เขลา
“หากรู้สึกไม่สบายบอกเจิ้นทันที” เมื่อความหวังดีของตนเองถูกปฏิเสธ ซ่งอี้เฉินไม่เพียงไม่โกรธ ทว่าเขายังแสดงท่าทีอ่อนโยนเป็อย่างยิ่ง
การกระทำเล็กน้อยเช่นนี้เปรียบเสมือนเป็การบอกทุกคนว่าเหยียนอู๋อวี้คือสิ่งล้ำค่าในมือเขา
อู๋เจี๋ยอวี๋ที่เพิ่งสร้างความลำบากให้นางสีหน้าบูดบึ้งยิ่งนัก ต้องรู้ว่าฝ่าาไม่ได้ไปหานางอย่างน้อยครึ่งปีแล้ว
นางไม่สะทกสะท้านกับสถานการณ์ช่วยสร้างศัตรูให้ตนเองเช่นนี้
ในไม่ช้าเวลาที่ต้องออกเดินทางใกล้เข้ามาแล้ว ทว่า...…
เชิงอรรถ
[1] ชุดกงจวง คือ ชุดฝ่ายใน เป็ชุดสำหรับพระสนมเอก หรือองค์หญิงที่ไม่เป็ทางการ ระดับของชุดต่ำกว่าชุดบรรดาศักดิ์ (蟒) หรือชุดหม่าง
[2] ยามเว่ย คือ เวลาประมาณ 13.00-14.59 น.
[3] ยามอู่ คือ เวลาประมาณ 11.00-12.59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้