ในสายตาของหลิวฉุ่ยเวย คนตรงหน้าคือดอกไม้งามที่้าการบำรุงดูแลให้เติบโต แต่ยามนี้กลับมาตกระกำลำบากอยู่ในหมู่บ้านล้าหลังแบบนี้ บอกได้เลยว่าต้องลำบากแค่ไหน สำหรับสตรีที่จะต้องเลี้ยงดูครอบครัวเพียงคนเดียว
“เ้าค่ะ ข้าไม่กลัวความลำบาก ขอแค่สามารถใช้ชีวิตกับน้องสาวทั้งสองอย่างมีความสุขได้ เื่อื่นข้าก็ไม่ได้สนใจแล้ว ได้ยินคำพูดของท่าน น้องสาวเช่นข้าก็วางใจแล้วเ้าค่ะ ที่เรือนยังต้องจัดของอีกหน่อย เช่นนั้นข้าขอกลับก่อนนะเ้าคะ”
หลิวฉุ่ยเวยรู้ว่าคนมาใหม่ผู้นี้จะต้องยุ่งจนหัวหมุน นางจึงรีบพยักหน้า ทว่าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ นางหมุนตัวไปคว้าถั่วในเรือนมากำใหญ่ แล้วยัดเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินเนี้ยนหราน “นี่น่ะเป็ของที่เรือนข้าปลูกเอง เ้าเอาไปให้น้องสาวของเ้ากินเล่นเถิด”
เฉินเนี้ยนหรานเองก็ไม่ได้ปฏิเสธของขวัญเหล่านี้ ดูไปแล้ว ภริยาของผู้ใหญ่บ้านคนนี้ หน้าตางดงาม การดูแลจัดการคนเองก็ไม่ได้แย่ มีภริยาที่ชาญฉลาดแบบนี้ คิดไปแล้วต่อไปในหมู่บ้านแห่งนี้ หากนางมีเื่อะไร ก็ถือว่ามีเกราะกำบังที่หนาขึ้นหน่อย
“จริงสิ ข้าถูกชะตากับเ้า ต่อไปหากเ้ามีเวลาว่างก็มาเยี่ยมเยียนที่เรือนของพวกเราได้” ก่อนที่จะแยกตัวกลับ หลิวฉุ่นเวยก็กำชับมาประโยคหนึ่ง สายตาของนางมองไปที่ใบหน้าของเฉินเนี้ยนหราน แฝงความนัยที่ไม่แน่ชัด
เฉินเนี้ยนหรานกลับไม่คิดมากว่าทำไมภริยาของผู้ใหญ่บ้านถึงทำสีหน้าเช่นนั้น คิดเพียงว่านางเป็มิตร จึงพยักหน้าแล้วกลับเรือนไป
ตอนที่เดินผ่านพี่สะใภ้ฟาง หญิงสาวเห็นถั่วในอ้อมกอดของนางก็ขมวดคิ้ว
“เสี่ยวหราน ดูเหมือนว่าภริยาของผู้ใหญ่บ้านจะดีกับเ้ามากนะ จะต้องรู้นะว่าถึงแม้นางจะต้อนรับคนอย่างมีมารยาท แต่คนที่ไปมอบของขวัญที่เรือนของนางน่ะ ไม่เคยมีใครได้ของกินจากเรือนของนางกลับมาเลยสักคน มีเ้าเนี่ยแหละเป็คนแรก”
คนพูดนี้ทำให้เฉินเนี้ยนหรานตกตะลึง “อา…” หรือว่าสตรีคนนั้นจะมีความคิดไม่ดี?
เมื่อเห็นนางสงสัย พี่สะใภ้ฟางก็ส่ายหน้า “ช่างเถิด จะสนใจมากมายไปทำไม ข้าคิดว่า อย่างมากนางก็กำลังมีความคิดวางแผนที่จะจับคู่ให้พี่ชายของนางมีครอบครัวนั่นล่ะ เพียงแต่เื่พวกนี้ก็เป็แค่สิ่งที่ข้าคาดเดาไปเองเท่านั้น พูดไปแล้ว พี่ชายของนางก็ไม่เลวเลยนะ ถึงแม้ชะตาชีวิตจะแย่ไปเสียหน่อย แต่งงานกับภรรยาสองคน พวกนางกลับเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปทั้งคู่ เฮ้อ หากไม่ได้เป็เช่นนี้ บุรุษที่โดดเด่นขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็น่าจะมีภรรยาข้างกายสักคน”
คำพูดประโยคนี้ของพี่สะใภ้ฟางทำเอาเฉินเนี้ยนหรานสะดุ้งโหยง รู้สึกว่าการย้ายบ้านวันแรกก็เจอภริยาของผู้ใหญ่บ้านคิดจะจับคู่ให้ตนเสียแล้ว แถมคนที่จะมาจับคู่ก็ยังเป็พี่ชายของนางเองอีกด้วย
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเนี้ยนหรานไม่ค่อยดีเท่าไร พี่สะใภ้ฟางก็รีบอธิบาย “เื่ทั้งหมดเป็เพียงแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น บางทีภริยาของผู้ใหญ่บ้านคงไม่ทำแบบนั้นหรอก เ้าวางใจเถิดเสี่ยวหราน เื่ที่ไม่มีแววแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ไอ๊หยา ข้าพูดจามั่วซั่วอะไรออกมากันนะ!” พี่สะใภ้ฟางโมโหจนอยากจะตบหน้าตัวเอง ร้อนถึงเฉินเนี้ยนหรานที่ต้องยกมือขึ้นมาห้ามนางไว้
“พี่สะใภ้ฟาง ท่านเองก็แค่เตือนข้าด้วยความหวังดี ข้าจะได้รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร แถมจะได้เลี่ยงไม่ต้องพูดคำที่ไม่สมควรพูดได้อีก เอาเถิด ข้ารีบกลับเรือนไปทำอาหารก่อนนะเ้าคะ ที่เรือนยังมีน้องสาวอีกสองคนรอกินข้าวอยู่ วันหลังข้าค่อยมารบกวนท่านใหม่”
ทั้งสองบอกลากันอย่างรวดเร็ว เฉินเนี้ยนหรานหมุนตัวเดินไปที่เรือน
ก่อนจะบังเอิญเห็นสตรีวัยกลางคนคนหนึ่งทางด้านซ้ายกำลังมองมาทางตนเองอย่างพิจารณา ยังดีที่เมื่อครู่นางกับพี่สะใภ้ฟางพูดกันอย่างระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นถ้าถูกใครได้ยินเข้าจะเป็เื่เอาได้
สตรีคนนั้นอายุสามสิบปี คางแหลม สายตาที่มองมายังเฉินเนี้ยนหรานนั้นมีความไร้มารยาทแฝงอยู่ เดิมทีนางคิดจะทักทาย ใครจะไปคิดว่าสตรีนางนั้นกลับร้องเหอะเสียงเย็นออกมา ก่อนจะบิดเอวบางๆ นั้นเดินจากไป!
มองไปยังทิศทางที่นางเดินไปนั้นเหมือนจะเป็คนที่อยู่ตรงทางเลี้ยวก่อนถึงเรือนของตน พูดไปแล้วก็ถือว่าเป็เพื่อนบ้าน เพียงแต่เมื่อเทียบเพื่อนบ้านคนนี้กับพี่สะใภ้ฟาง นางเหมือนจะไม่ค่อยจะเป็มิตรสักเท่าไร
แต่ว่านางเองก็ไม่หวั่นกลัว ไม่เป็มิตร เช่นนั้นนางเอกก็ต้องพยายามทำตัวให้เป็มิตร
เป็พี่สาวจะต้องแข็งแกร่ง ขอแค่ใช้ชีวิตของตนเองให้ดี นางไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อย
เพราะว่าป้าสะใภ้เตรียมอาหารมานิดหน่อย อาหารเย็นมื้อนี้จึงถือว่าอุดมสมบูรณ์
ผัดผักกาดขาวหมูชิ้นหนึ่งจาน ยำผักกาดขาวซอย ทั้งยังทำแกงจืดผักป่าอีกถ้วยหนึ่ง ด้านในนั้นยังใส่เนื้อนุ่มไว้ เด็กๆ ทั้งสามต่างกินกันจนเกลี้ยง
“ไอ๊หยา แม่นางของข้าทำอาหารอร่อยนัก ข้าท้องแน่นไปหมดแล้ว” หลังจากเสี่ยวเปาซดแกงจืดคำสุดท้ายเข้าไป ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความพอใจ
กวนซูเยวียนเอาตะเกียบมาตีเขาด้วยความโกรธ “เ้าเด็กคนนี้ หรือจะบอกว่าแม่ทำอาหารไม่อร่อย! เ้ากำลังทำให้แม่โกรธอยู่นะ”
เสี่ยวเปาจื่อรีบหลบทำให้กวนซูเยวียนตีไม่โดน เด็กชายแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แม่ของตน “เอ๋ ท่านแม่เองก็ทำอร่อยนะ เพียงแต่เมื่อเทียบกับแม่นางของข้าก็ถือว่ายังห่างชั้นกันอยู่นิดหน่อย เพียงแต่ว่าจากที่ข้าได้ตรวจสอบยืนยันแล้ว คนที่มีฝีมือทำอาหารเช่นแม่นางของข้า ตอนนี้ยังหาไม่พบ ดังนั้นท่านแม่ไม่ต้องเสียใจไป เปาจื่อให้อภัยที่ท่านไม่พัฒนาเลยสักนิดได้”
เฉินเนี้ยนหรานกับกวนซูเยวียนมองหน้ากันอย่างอดไม่อยู่
กวนซูเยวียนหัวเราะไปก็ต่อว่าเ้าลูกชายตัวแสบไป “เ้าดูสิ ข้าทำท่าทางเช่นนี้เขาก็บ่นข้าเป็กระบุง เ้าลูกจอมซนคนนี้ต่อไปเติบโตขึ้นจะมีใครกล้าสั่งสอนเขาอีก! แต่ว่าลูกชาย เ้าพูดผิดไปแล้ว แม่ไม่ใช่ว่าไม่พัฒนานะ คำนี้ในด้านการเรียนถึงจะใช้คำว่าพัฒนาได้ อย่าใช้คำมั่วซั่วอีก”
เฉินเนี้ยนหรานทำเพียงแค่ส่ายหน้า “เสี่ยวเปาจื่อน่ารักมากจริงๆ เ้าค่ะป้าสะใภ้ ข้าเองก็ชอบเขามาก ท่านไม่ต้องสั่งสอนเขาแล้ว” พูดไปก็ดึงกวนซูเยวียนไว้ด้วยกลัวว่านางจะไปสั่งสอนเสี่ยวเปาจื่อจริงๆ เด็กน้อยทำท่าจะพูดอะไรอีก แต่เฉินเนี้ยนหรานรีบพุ่งเข้ามาหยุดคำพูดเขาไว้ “เปาจื่อ เ้าไปเดินเล่นกับพวกพี่สาวก่อนเกิด เดินเล่นสักหน่อยค่อยกลับมา จะได้กระตุ้นการย่อยของพวกเ้า”
ท้องไส้ของเด็กชายมักย่อยไม่ค่อยดี โดยเฉพาะหากกินข้าวเข้าไปมาก อาหารที่กินสะสมเข้าไปก็จะทำให้เด็กชายท้องเสียง่าย หากภูมิคุ้มกันลดลงก็มีความเป็ไปได้ที่จะทำให้ไม่สบาย สุดท้ายก็จะป่วยหนัก…
“เสี่ยวหราน ตอนนี้ที่นี่ถือว่ายังปลอดภัย ครอบครัวที่ย้ายออกไปก่อนหน้านี้ ได้กล่าวไว้ว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีความมีน้ำใจอยู่บ้าง คิดไปแล้ว สถานะของเ้าก็คงไม่ทำให้ใครพูดอะไรมาก เพียงแต่เ้าที่เป็สตรีคนเดียว พาน้องสาวสองคนมาปลูกผักปลูกหญ้า เ้าจะปลูกขึ้นหรือ? แล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร? มันไม่ได้ง่ายแบบที่เ้าคิดหรอกนะ”
ภายในห้องเหลือแค่กวนซูเยวียนกับเฉินเนี้ยนหรานสองคน ท่านป้าถามขึ้นมาด้วยความกังวลใจ
นางเป็ห่วงเด็กสาวคนนี้จริงๆ พี่สาวคนเดียวเลี้ยงดูน้องสาวสองคน ใครจะไปคิดออกได้ว่าจะใช้ชีวิตกันอย่างไร!
เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกอบอุ่นใจ มองคิ้วที่ขมวดเข้ากันเป็ปมของกวนซูเยวียนก็มีความรู้สึกเอ่อล้นออกมา “ป้าสะใภ้ทำไมท่านถึงได้ดีกับพวกเราขนาดนี้ ท่านแม่ของข้าไม่เอาไหน แต่โชคดีที่มีป้าสะใภ้อย่างท่านอยู่ เื่การใช้ชีวิตน่ะ ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าคิดดีแล้วจริงๆ ร้านของพวกท่านรับซื้อของแห้งไม่ใช่หรือ ข้าทำพวกของแห้งง่ายๆ เป็ แล้วก็นะ ข้าเองก็คิดแล้วว่าจะทำผลไม้แช่อิ่ม ท่านป้า ข้ามาที่ชนบทในครั้งนี้ ไม่เพียงเพื่อทำให้ครอบครัวของตัวเองดีขึ้นนะเ้าคะ ข้ายังจะทำให้ธุรกิจของท่านป้าแข็งแกร่งขึ้นด้วย ส่วนเื่จะทำเช่นไรนั้น ท่านป้าวางใจเถิด ข้ารู้จักประมาณตนดี อีกสักพักท่านก็รอดูผลงานของข้าได้เลย”
กวนซูเยวียนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังท่ามกลางแสงเทียน นางรู้สึกวางใจอย่างประหลาด ราวกับว่าแม่หนูคนนี้จะทำสิ่งที่คิดและพูดได้จริง เห็นรอยยิ้มเชื่อมั่นของหลานสาวแล้ว นางก็รู้เชื่อมั่นอย่างประหลาดเช่นกัน
วันต่อมากวนซูเยวียนกลับไปคนเดียว เดิมทีเปาจื่อก็ควรจะกลับไปด้วย แต่เด็กชายทำตัวงอแงขอให้กวนซูเยวียนทิ้งตนเอาไว้ที่นี่
คิดไปว่าอีกสักพักตนเองก็จะมาเยี่ยมหลานสาวแล้ว แถม่นี้เสี่ยวเปาจื่อก็ไม่ต้องไปเรียน กวนซูเยวียนจึงยอมปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป
รอจนกระทั่งป้าสะใภ้จากไปแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็เริ่มจะขุดดินปลูกผัก
สิ่งแรกในการเอาชีวิตรอด แน่นอนก็คือการปลูกผัก
เด็กๆ ทั้งสามคนก็มาช่วยทำงานอยู่ด้านข้าง เพียงแต่ตอนที่ช่วยจริงกลับช่วยได้ไม่มาก
ตอนที่มาที่นี่ เฉินเนี้ยนหรานได้ซื้อเมล็ดเอาไว้หลายพันธุ์
ในฤดูนี้ อยากจะปลูกผักหลายชนิดก็คงจะเป็ไปไม่ได้
หลังจากขุดหน้าดินให้ร่วนและโปรยเมล็ดลงไปแล้ว พวกนางก็ล้างมือพากันขึ้นเขาไปเก็บผักป่า
อย่างไรผักที่ขึ้นใหม่ยังมีจำนวนน้อย จะต้องหาอาหารป่ามาเพิ่มถึงจะพอ
ความจริงแล้ว ผักป่าฟังดูแล้วไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไร กินมากหน่อยก็ไม่มีผลร้ายอะไร เพียงแต่ผักป่าบางชนิดจะต้องดูให้ดีถึงกระบวนการทำ
ที่ตัดสินใจขึ้นเขาก็เพราะเฉินเนี้ยหรานเองก็จะขึ้นไปดูว่าูเาลูกนี้จะมีอะไรที่สามารถเก็บมาได้บ้างหรือไม่
นางเอกในหนังสือนิยายที่อ่านเมื่อชาติก่อน มักจะได้ของอะไรนิดหน่อยมาจากในูเา นางไม่รู้จักสมุนไพร ยา และก็ไม่ได้มีนิ้วทองคำ ยิ่งไม่มีความสามารถพิเศษที่มองสัตว์ป่าแล้วจะทำให้มันล้มลงหรือตายโดยไม่ต้องลงมือ
ที่ขึ้นเขาไปเพื่อจะลองดูว่าจะเจอพวกผลไม้ป่า หรือผักที่จะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนผักสดไปหรือไม่
แต่ว่าที่นี่จะอย่างไรก็ถือว่าเป็สถานที่ดั้งเดิม เป็เขตูเาที่ไม่ได้รับการพัฒนาสักเท่าไร
ตลอดทางที่เดินมาก็เก็บผักป่าได้นิดหน่อย ผลไม้ป่าที่กินได้ก็มีไม่มาก
อย่างไรเด็กๆ ในหมู่บ้านก็มีจำนวนไม่น้อย หากมีผลไม้ที่สุก พวกลิงจอมซนไหนเลยจะไม่อยากมาเด็ดไปกิน แถมนกในูเาก็มีไม่น้อย ผลไม้ที่เด็ดมาได้จึงเป็ผลไม้ดิบที่ยังไม่ค่อยสุกมาก ทว่าผลไม้แบบนี้ทำให้เด็กน้อยทั้งสามดีใจมาก
นางไม่กล้าเข้าไปด้านในูเามากเกินไป กลัวว่าด้านในนั้นจะมีสัตว์ป่าตัวใหญ่ เฉินเนี้ยนหรานทำเพียงแค่เก็บผักป่าที่จำเป็ตรงตีนูเา พร้อมทั้งเด็ดใบไม้หอมมา พวกนี้สามารถทำมาเป็เครื่องปรุงรสได้
ฤดูใบไม้ร่วงใกล้เข้ามาแล้ว ผักป่าในูเาจึงลดน้อยลง
โชคดีที่ยังมีผักประเภทหัวให้เก็บอยู่นิดหน่อย
ตลอดทาง เฉินเนี้ยนหรานยังโชคดีเหลือบไปเห็นมันเทียนเข้า มันที่เกิดในป่าเช่นนี้มีราคาตั้งหลายหยวนต่อหนึ่งจิน [1] ถือเป็ของบำรุงร่างกายที่ดี
หากล่าสัตว์เป็ล่ะก็คงจะล่ากระต่ายตัวอ้วนมาได้หนึ่งถึงสองตัว เอากระต่ายมาตุ๋นกับมันเทียนล่ะก็…คิดแล้วเฉินเนี้ยนหรานก็น้ำลายสอ แต่ว่ามีแค่มันเทียนยาวๆ หลายหัวเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานเองก็รู้สึกดีมากแล้ว โชคดีที่ตอนขึ้นเขามานางได้พกจอบเล็กๆ มาด้วย ไม่เช่นนั้นสมุนไพรูเาพวกนี้คงทำได้แค่มองแต่กลับดึงออกมาไม่ได้
“ท่านพี่ มันเทียนพวกนี้อร่อยมากจริงหรือ?” น้องห้าอายุสิบเอ็ดปีทำหน้าประหลาดใจ สายตาที่นางมองไปยังเฉินเนี้ยนหรานเต็มไปด้วยความนับถือ รู้สึกว่าพี่สาวของตนเองนั้นรู้เื่ราวมากมาย
“อืม กินได้สิ ของพวกนี้น่ะกินเข้าไปแล้วดีกับร่างกาย พรุ่งนี้ข้าจะมาขุดไปอีก ไม่แน่นะอาจจะโชคดีทำของป่าไปขายสักหน่อย เก็บเงินเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตเราให้ดีขึ้น เอาล่ะ ไปกันเถอะ พวกเรากลับเรือนกัน”
เฉินเนี้ยนหรานมองกองมันเทียนที่ได้มาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยปากบอกให้ทุกคนกลับเรือน
ตอนที่เดินผ่านเรือนของคนที่อยู่ตรงทางเลี้ยว สตรีคางแหลมคนนั้นพอได้ยินเสียงก็เดินออกมามองทุกคนด้วยท่าทางระมัดระวัง
ตอนที่เห็นพวกนางขุดมันเทียนออกมาได้หลายหัว ในสายตาก็มีความริษยาออกมาอย่างปิดไม่มิด ของแบบนี้ พวกเขาเองก็รู้ว่ามันกินได้ เพียงแต่มันไม่ได้หามาได้ง่ายๆ
---------------
เชิงอรรถ
[1] 1 จินเท่ากับ 500 กรัม