หลิวซานกุ้ยนำของขวัญปีใหม่ไปให้เกาจิ่ว กัวซิวฝานและพ่อครัวจาง
จวบจนเวลาอาหารค่ำ เขาจึงกลับมา
จางกุ้ยฮัวอุ่นเหล้ากาเล็กๆ ให้เขาด้วยตัวเอง ยิ้มแล้วเอ่ย “วันนี้บ้านหลี่เจิ้งได้เนื้อวัว แล้วแบ่งให้เต้าเซียงเอากลับมาสิบชั่ง แม่หั่นออกมาสองชั่งทำเนื้อกระทะร้อน ที่เหลือหมักเกลือไว้ รออีกสิบวันค่อยรมควัน แล้วเก็บไว้ใช้ต้อนรับแขกใน่ปีใหม่”
หลิวซานกุ้ยมองไปที่เนื้อวัวในกระทะเล็กๆ ้ามีผักหอมสีเขียวโรยอยู่ ด้านล่างกระทะส่งเสียงซู่ซ่า กลิ่นหอมทำให้เขาต้องหรี่ตาพริ้ม แล้วจิบเหล้าเข้าไปอย่างไม่รอช้า “ใช่สิ อาจารย์ข้าบอกว่าวันรุ่งขึ้นจะพาท่านแม่กับลูกชายไปเที่ยวเล่นในอำเภอ ถามว่าครอบครัวเราอยากไปด้วยหรือไม่””
ดวงตาของสองพี่น้องเปล่งประกาย หลิวชุนเซียงที่นั่งกินเนื้อวัวอยู่ในอ้อมอกเฉินซื่อ จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากน้อยๆ ที่เปื้อนน้ำมันเอ่ยว่า “ไป ข้า ไป!”
“นี่ เ้าตัวเล็กของเราฟังรู้เื่แล้วด้วย!!”
หลิวชุนเซียงอายุหนึ่งปีกับอีกเก้าเดือนแล้ว สามารถนึกคำพูดโดดออกมาได้บางคำ
หลิวซานกุ้ยหวงแหนนางมากเพียงใดคงไม่ต้องเอ่ยถึง เขาเอื้อมมือไปอุ้มนางมาจากอ้อมกอดของเฉินซื่อ แล้วชี้ไปที่หลิวเต้าเซียงที่กำลังก้มหน้ากินผักกวางตุ้ง แล้วเอ่ย “ฮ่าๆ ลูกรัก ข้างนอกหนาวมาก เ้ายังเล็กเกินไป รอเ้าโตเท่าพี่รองเ้า พ่อจะพาเ้าไปซื้อดอกไม้ประดับที่อำเภอ ดีหรือไม่ แล้วเราก็ไปที่วัดด้วย”
หลิวเต้าเซียงแอบเหล่มองบิดาเล็กน้อยที่จินตนาการไกลเกินไปหน่อยหรือไม่ นี่คงจะใช้ได้แค่น้องสามที่ไร้เดียงสาคนเดียว
วันรุ่งขึ้น หลิวซานกุ้ยพาลูกสาวสองคนออกไปยังอำเภอเช่นเดียวกับครอบครัวของกัวซิวฝาน เนื่องจากมีคนเดินไปมามาก แต่ในบ้านยังไม่ได้ขาดแคลนของใช้ สองพี่น้องจึงไปแค่โรงเงินเพื่อซื้อเครื่องประดับศีรษะและผ้าไหมหูโจว ซึ่งตั้งใจว่าจะตัดชุดให้เฉินซื่อ จากนั้นหลิวเต้าเซียงก็ซื้อผ้าฝ้ายละเอียดสีขาวทำเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นใน
เช้าตรู่ของวันนี้ เกล็ดหิมะที่ล่องลอยราวกับต้นหลิว เพียงแค่เวลาหนึ่งจิบน้ำชา กิ่งไม้ก็โน้มตัวลงมา บนหลังคาก็สะสมเป็ชั้นหนา
ประตูของตระกูลหลิวเปิดอ้าซ่าช้ากว่าปกติราวครึ่งชั่วยาม
อากาศหนาวเกินไป ทั้งครอบครัวจึงยังไม่ตื่นกัน มีเพียงเฉินซื่อที่ชินกับการตื่นเช้ามาทำงาน
วันนี้นางอารมณ์ดีมาก บนร่างกายนั้นสวมด้วยเสื้ออ๋าวผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีเขียวเข้มตัวยาว แขนเสื้อปักลายดอกไม้ไว้ทั้งสองข้าง ด้านล่างสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีฟ้า ที่หน้าอกรัดผ้ากันเปื้อนไว้ สวมใส่รองเท้าเกี๊ยะยืนอยู่ที่หน้าประตู ในมือถือไม้กวาดที่ทำจากกิ่งไม้ไผ่ นางออกแรงกวาดหิมะ เพียงครู่เดียวหิมะบริเวณประตูก็ถูกกวาดจนสะอาด
นางมองชุดที่ตนเองสวมใส่อยู่อย่างหวงแหน ชุดตัวนี้หลานรักทั้งสองเย็บเองกับมือ เป็ผ้าฝ้ายตัวหนาที่อบอุ่นและนุ่มนิ่ม ให้ความรู้สึกเบาสบายขณะสวมใส่
มือชราที่หยาบกร้านคู่นั้นััชุดผ้าอย่างเบามือ เพราะกลัวจะทำให้เสื้อใหม่ที่เพิ่งตัดเสร็จเป็รอยหรือฉีกขาด ในดวงตาของนางมีน้ำตาซึมออกมา แต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ นางเคยฝันหลายต่อหลายครั้งว่าอยากสวมใส่เสื้อผ้าที่หลานสาวเย็บเองกับมือ
ตอนนี้เมื่อบุตรชายได้ดีแล้ว ในที่สุดนางก็ได้ใส่ นางยกมือทาบหน้าผากแล้วยืนเหม่อมองไปที่ไกลๆ วันนี้คือวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองแล้ว ไม่รู้ว่าบุตรชายของนางจะกลับมาร่วมเทศกาลปีใหม่หรือไม่
จุดสีดำเล็กๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาชรา จุดดำนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของนางก็มีประกายมากขึ้น
เมื่อมองไปยังรถที่กำลังขับเคลื่อนมา ดวงตาของนางก็เปี่ยมไปด้วยความหวังระคนดีใจ คงไม่ใช่ว่าลูกชายจะกลับมาแล้วหรือ?
เพียงแต่รถม้าไม่ได้ข้ามแม่น้ำมา แต่เคลื่อนตัวไปทางบ้านเก่าของตระกูลหลิวอีกทาง
หัวใจของเฉินซื่อหนักอึ้ง เหตุใดบุตรชายของนางจึงยังไม่กลับมา ใช่สิ วันนี้หิมะตกหนัก อาจมีความล่าช้า ไม่มีทางมาถึงเร็วป่านนี้ หากว่ากลับมาทันมื้อค่ำก็คงจะดี
นางคิดในใจ ได้ยินว่าวันรุ่งขึ้นจะมีการเชือดหมูในบ้าน ต้องเก็บหมูสามชั้นไว้ทำไส้หมู นางอยากทำเกี๊ยวน้ำไส้หมูผักกาดดอง อากาศหนาวเพียงนี้วางแช่ไว้ในโอ่งตรงลานบ้าน ่เวลาครึ่งเดือนของปีใหม่ จะได้นำมาลงหม้อต้มกินได้ในตอนเช้า ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด
เหตุผลที่นาง้าทำเกี๊ยวผักกาดดอง เพราะว่าจางอวี้เต๋อชื่นชอบรสชาตินี้ เพียงแต่เมื่อก่อนที่บ้านยากจนขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่เคยเอ่ยถึง เฉินซื่อจึงเก็บเื่นี้ไว้ในใจมาตลอด
ขณะนั้นก็มีรถม้าปรากฏขึ้นอีกหนึ่งลำ มองไปเหมือนจะมีสองลำ คงไม่ใช่ของลูกชายหรอกนะ?
สุดท้ายแล้วตรงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงทอดถอนใจของเฉินซื่ออีกรอบ
หลิวเต้าเซียงนอนอยู่ข้างหน้าต่างห้องปีกตะวันออกและถอนหายใจ หลังจากที่หลิวชิวเซียงล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินมาหานาง และเอ่ยถาม “เช้าตรู่แบบนี้ เ้าคิดสิ่งใดอีกแล้ว?”
หลิวเต้าเซียงไม่ได้พูด เพียงแต่หันไปทางประตูบ้านแล้วพึมพำ “ท่านยายคิดถึงน้าชาย”
หลิวชิวเซียงไม่พูดไม่จา ยิ่งเข้าใกล้่ปีใหม่ คนในบ้านก็เลี่ยงที่จะเอ่ยถึงจางอวี้เต๋อ น้าชายของพวกเขา
เพราะว่าคนในครอบครัวไม่้าให้เฉินซื่อได้ยินแล้วยิ่งเป็ห่วง พร้อมกับเกิดความคะนึงหา
“เ้ารีบไปล้างหน้าดีกว่า อีกเดี๋ยวเราต้องทำกับข้าวให้ท่านแม่” หลิวชิวเซียงสะกิดน้องรอง
ในบ้านมีทั้งหญิงท้องโตกับเด็กน้อยวัยเตาะแตะ หลิวเต้าเซียงไม่มีเวลามานั่งทอดถอนใจเท่าใดนัก เมื่อจัดการกับอารมณ์ของตนเองและล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ก็ไปช่วยเตรียมทำกับข้าวในครัวพร้อมหลิวชิวเซียง
ขณะนี้ที่หน้าประตูมีเสียงะโอย่างปลาบปลื้มของเฉินซื่อดังขึ้น “นี่ พวกเ้ารีบมาดูเร็ว ทางนั้นมีรถม้าข้ามแม่น้ำมาสองลำ ต้องเป็น้าชายพวกเ้ากลับมาแน่ ไม่ได้ ข้าต้องรีบเข้าไปหุงข้าวแล้วก็ต้มน้ำชา”
เฉินซื่อเดินวนรอบประตูบ้านขณะที่พึมพำไปด้วย
หลิวเต้าเซียงมองไปที่ประตู เห็นว่ามีรถม้าผ่านเข้ามาทางหมู่บ้านสามสิบลี้ แต่ยังไม่รู้ว่ามาที่บ้านของนางหรือไม่
“หรือไม่ เราออกไปดูนอกบ้านดีกว่า”
หลิวชิวเซียงตอบว่า “ข้าจะไปเอารองเท้าเกี๊ยะ”
ทั้งสองหยิบรองเท้าเกี๊ยะแล้วกางร่มออกมา ตามที่คาดไว้ เฉินซื่อกำลังยืนตากหิมะโบกมือไปด้านนอกอย่างตื้นตันใจ “อวี้เต๋อ อวี้เต๋อ”
นางหันกลับมายิ้มให้เด็กทั้งสองคน แล้วพูดว่า “ต้องเป็น้าชายของพวกเ้าแน่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขาต้องกลับมาปีใหม่”
จากนั้นก็ได้ยินนางเอ่ยอีก “อันที่จริง ข้าควรเก็บกวาดบ้านที่ตำบลเสียหน่อย รอกินอาหารค่ำเสร็จ ข้าจะได้พาน้าชายพวกเ้าไปพักที่ตำบล”
บ้านเช่าที่หลิวซานกุ้ยเช่าให้เฉินซื่อนั้นยังคงอยู่ หนึ่งเพราะเช่าไว้ให้นางเก็บของเก่าๆ สองคือเผื่อไว้สำหรับจางอวี้เต๋อจะกลับมาพักผ่อนเป็ครั้งคราว
แต่บางครั้ง เมื่อความหวังยิ่งสูง ความผิดหวังก็สูงเช่นกัน
“ขอเรียนถามนายหญิงใหญ่ท่านนี้ ที่นี่คือบ้านของหลิวซานกุ้ยใช่หรือไม่?”
พ่อบ้านวัยหนุ่มสวมชุดผ้าไหมสีฟ้าเรียบเดินออกมาจากตัวรถ เมื่อเห็นเฉินซื่อยืนขวางอยู่ตรงประตู จึงเอ่ยปากถาม
รอยยิ้มของเฉินซื่อหุบลงทันที จนกระทั่งผู้มาเยือนมองนางด้วยความสงสัย ผ่านไปสักครู่นางจึงเค้นเสียงออกมาได้ “ใช่แล้วๆ”
ความรู้สึกแย่ถาโถมเข้ามาจนอยากร้องไห้ เหตุใดลูกชายของนางจึงไม่กลับมา!
“เรียนถามนายหญิงใหญ่ แซ่เฉินใช่หรือไม่?”
“ใช่!” เฉินซื่อเพิ่งได้สติหลังจากเผชิญกับความผิดหวัง นางได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ
ผู้มาเยือนะโลงมาจากเกวียนล่อแล้วโค้งคำนับ จากนั้นแนะนำตัว “บ่าวคือพ่อบ้านของนาย แซ่เซี่ย นามว่าจินตัว! นายหญิงใหญ่เรียกบ่าวว่าเสี่ยวเซี่ยหรือเรียกชื่อจริงก็ได้ขอรับ”
เซี่ยจินตัว!
หลิวเต้าเซียงที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินซื่อเกือบหลุดขำ ฉับพลันก็นึกถึงความสามารถในการตั้งชื่อของหลิวฉีซื่อ นางโชคร้ายนัก บิดานามว่าซานกุ้ย ก็ยังดีกว่าสี่กุ้ย เหรินกุ้ย วั่งกุ้ย หากเรียกเดี่ยวๆ ก็ยังดี แต่พอเรียกรวมกันแล้ว เหมือนกับเป็ชื่อบ่าวรับใช้ของผู้ดีสูงศักดิ์อย่างไรอย่างนั้น
“คือ คือว่า พ่อ พ่อบ้านเซี่ยจินตัว เ้าคือคนของลูกชายข้าหรือ?” เฉินซื่อเริ่มพูดติดขัด
เซี่ยจินตัวตอบว่า “ใช่ขอรับ บ่าวติดตามนายมาสองถึงสามปีแล้ว”
“โอ้ๆ แล้ว แล้วลูกชายข้ากลับมาหรือไม่?” ดวงตาชราของเฉินซื่อเบิ่งออกกว้าง แล้วจดจ้องเกวียนล่อที่ตามหลังมา
เซี่ยจินตัวเข้าใจความคิดของเฉินซื่อจึงกล่าวว่า “บ่าวเพิ่งติดตามนายกลับมาจากการเดินเรือทะเล แต่ว่าครั้งนี้กลับมามีสินค้าที่จำเป็ต้องส่งออกต่างแดนอย่างเร่งด่วน นายกลัวว่าคงไม่ทันกลับมา่ปีใหม่ จึงให้บ่าวอยู่ต่อและส่งของขวัญปีใหม่มาให้นายหญิงใหญ่กับนายท่านสามทั้งครอบครัว แล้วก็รายงานความปลอดภัยให้แก่นายหญิงใหญ่ด้วย นายน้อยสบายดีขอรับ! คราวที่แล้วเดินเรือทะเลได้กำไรมากมาย ครั้งนี้จึงให้บ่าวอยู่ต่อ เพราะอยากจัดการกิจการในตัวจังหวัด”
“โอ้ๆ เร็วเข้า รีบเขามานั่งก่อน หลานรัก รีบไปเรียกพ่อแม่พวกเ้าออกมาเร็ว บอกว่าน้าชายพวกเ้ามามอบของขวัญปีใหม่แล้ว”
เฉินซื่อได้รับข่าวคราวจากจางอวี้เต๋อว่าปลอดภัยดีก็ดีใจจนหาทิศทางไม่ถูก
หลิวเต้าเซียงตอบด้วยน้ำเสียงชัดเจน ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน
หลิวซานกุ้ยได้ยินการเคลื่อนไหวในบ้าน จึงลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา เมื่อเห็นบุตรสาวคนรองที่เป็ดั่งแก้วตาดวงใจวิ่งเข้ามา จึงเอ่ยถามและได้รู้ว่าน้องชายของภรรยาส่งคนมามอบของขวัญปีใหม่
เขารีบจัดเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องตะวันตก ส่วนหลิวเต้าเซียงก็อยู่ช่วยพยุงมารดาที่ตอนนี้ท้องใหญ่
จางกุ้ยฮัวได้ยินจางอวี้เต๋อส่งคนมา จึงรั้นที่จะแบกครรภ์ที่ใหญ่ออกมาด้วย
หลิวเต้าเซียงทำอะไรไม่ได้ จึงพยุงนางแล้วช่วยสวมรองเท้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงเกวียนล่อเข้ามา
เมื่อนางจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เซี่ยจินตัวก็ส่งคนยกของเข้ามาไว้ในตัวบ้านแล้ว
เมื่อหลิวเต้าเซียงออกมาก็เห็นหีบแปดกล่องวางเรียงรายอยู่ในห้องโถง ในนั้นล้วนเป็พวกกุ้งตัวใหญ่ ปลาทะเล หอยเป๋าฮื้อและอาหารทะเลต่างๆ
เซี่ยจินตัวมอบรายการของขวัญให้กับหลิวซานกุ้ย “นายท่านสาม ฮูหยิน นายน้อยข้าบอกว่าของเหล่านี้ใช้ได้อย่างสบายใจ ส่วนเขาจะกลับมาอีกทีคงเป็ปีหน้า และจะนำมาให้อีกขอรับ”
จากนั้นเขาก็โบกมือให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างนอกยกหีบใหญ่แปดกล่อง และเปิดทีละกล่อง
เซี่ยจินตัวยิ้มแล้วเอ่ย “นี่เป็ของขวัญประจำปีสำหรับนายหญิงใหญ่ นายท่านสามและฮูหยิน รวมถึงคุณหนูทั้งหลายขอรับ ก่อนที่นายน้อยจะออกเดินทะเลได้สั่งไว้ว่า หากคุณหนูทั้งสามโตขึ้นอีกปี ชีวิตความเป็อยู่ในบ้านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ผ้าในอดีตคงไม่เหมาะสมแล้ว จึงให้ข้าน้อยซื้อผ้าไหมหูโจวชั้นดีนำมามอบให้ ส่วนที่เหลือก็มีไข่มุกที่นายน้อยนำมาจากต่างแดน ให้บ่าวนำไปโรงเงินเพื่อทำเครื่องประดับ และมอบให้แก่นายหญิงใหญ่กับฮูหยินและคุณหนูทุกท่านขอรับ”
จางกุ้ยฮัวใช้แขนลูบท้องของตนแล้วหัวเราะอย่างใสซื่อ นางหลงรักไข่มุกสีขาวนั้นเหลือเกิน ช่างดึงดูดสายตายิ่งนัก
เฉินซื่อยังคงมึนงง บุตรชายของตนนั้นร่ำรวยมั่งคั่งแล้วจริงๆ
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้