ทีแรกเหอตังกุยแทบไม่เคยคิดจะใช้ผงยาอิ๋งอิ๋งเพื่อคงความงาม เพราะถึงอย่างไรผิวพรรณของเด็กสาวสิบขวบก็เนียนละเอียดและนุ่มลื่น ทว่าการพบน้องสะใภ้ของเกาเจวี๋ยที่เมืองตู้เอ๋อร์ แม้จะเป็สตรีแปลกหน้า แต่อีกฝ่ายกลับใช้สายตาประดุจคมมีดมองเชือดเฉือนใบหน้าตน ทั้งยังเชื่อสนิทใจว่าตนยั่วยวนล่อหลอกพี่เขยนาง ช่างเป็หายนะที่ไม่สมควรได้รับเสียจริง
ขณะนั้นเกาเจวี๋ย นางและฉานอีเดินบนถนนใหญ่ ระยะทางห่างจากฝั่งตรงข้ามประมาณสองจั้ง คำพูดและการกระทำล้วนไม่มีตรงไหนที่แสดงถึงความสนิทสนมแม้แต่น้อย ทว่าน้องสะใภ้ของเกาเจวี๋ยกลับมองนางเป็สตรีและเห็นฉานอีเป็เพียงอากาศเท่านั้น จะให้อธิบายอย่างไรเล่า?
ขณะเหอตังกุยนั่งกินอาหารในร้านฉวินเสียนโหลวก็คิดถึงเื่ราวในอดีตชาติและศัตรูทั้งหลาย สาเหตุที่ศัตรูเกลียดและอิจฉาตนเป็เพราะตนมีใบหน้างดงามกว่าสตรีหลายคน ความเกลียดชังที่อีกฝ่ายมีต่อนางั้แ่แรกพบเริ่มทวีคูณต่อเนื่อง เมื่อคิดทบทวนในเวลานี้ หลัวไป๋ฉยงคือคนแรกที่เกลียดตนเพราะความอิจฉาในความงาม ทั้งยังตั้งตัวเป็ศัตรูนับแต่นั้นจนตลอดชีวิต
หลังนางแต่งงานเข้าจวนอ๋องหนิง วันแรกก็ถูกหวังเฟยสาดน้ำชา วันที่สองก็ถูกกู่ฉินตบสั่งสอนในตรอกเล็ก วันที่สามฝูงผึ้งก็บินเข้ามาในห้อง... ขณะนั้นนางยังคิดหาเหตุผลไม่ได้ ในฐานะที่เป็สตรีเช่นเดียวกัน เหตุใดพวกนางจึงทำเื่ชั่วร้ายเช่นนั้นกับตนได้? แม้จะมีสามีคนเดียวกัน แต่นางสามารถเลือกว่าจะแต่งงานกับใครหรือแต่งกับคนเช่นไรได้ด้วยหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเื่ที่นางแต่งเข้าจวนก็ถูกเก็บเป็ความลับ ผู้เป็สามีไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางอยู่บนโลกนี้ นางจะแย่งความโปรดปรานของเขาจากพวกนางได้อย่างไร?
ต่อมาเมื่อเหอตังกุยได้รับประสบการณ์มากขึ้นจึงเข้าใจในที่สุด พวกนางจำต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้ สิ่งที่พวกนาง้าไม่เพียงให้ตนหยุดแบ่งปันความรักจากสามี แต่ยัง้าทำให้ตนไม่เป็ภัยต่อพวกนาง นี่คือเหตุผลที่เมื่อไม้เด่นเกินไพรจะต้องถูกลมพัดโค่น หากตนเป็คนธรรมดาใบหน้าอัปลักษณ์ พวกนางคงไม่แม้แต่จะมองและพูดจาถากถางทำร้ายจิตใจ เฮอะ เมื่อเป็เช่นนี้ ศัตรูหลายคนในอดีตล้วนดูถูกตนมากเกินไปจึงกล้าเผชิญหน้ากับตน ขณะที่พวกนางชักดาบง้างขึ้นสุดแขนก่อนจะทะลวงอกของตน ตนควรเป็เกียรติจึงจะถูก
ขณะเหอตังกุยจมจ่อมในห้วงความคิด เสียงหัวเราะที่คุ้นหูก็ดังขึ้น นางเงยหน้ามองพลันจำเ้าของแววตาสดใสเป็ประกายคู่นั้นได้ทันที เขาคือไป๋หยางไป่ น่าประหลาดไม่น้อย ไม่ว่าทักษะการปลอมตัวของไป๋หยางไป่จะยอดเยี่ยมเพียงใดหรือปลอมตัวอย่างไร ตนก็ยังคงมองออกว่าผู้นั้นคือไป๋หยางไป่ จูฉวนก็เคยเรียนวิชาปลอมตัวจากไป๋หยางไป่เล็กน้อย ทักษะและความเข้าใจในการปลอมตัวนั้นแทบไม่พอ แม้แต่ความสามารถสองถึงสามส่วนของไป๋หยางไป่ก็ยังเรียนไม่ถึง ทว่าหากจูฉวนสวมหน้ากาก ตนก็แทบไม่รู้เลยว่าคนผู้นั้นคือสามีที่นอนเคียงหมอนกับตนเมื่อคืน
ชาติที่แล้วตนเกลียดเฒ่าเ้าเล่ห์ชอบพูดโกหกเช่นไป๋หยางไป่นัก เขามักเล่นกลอุบายกับตนซ้ำไปซ้ำมา แม้ผู้เคราะห์ร้ายเช่นตนจะเฉยชาเสียแล้วแต่เขายังคงสนุกกับมัน เื่แปลกที่สองคือขณะตนพบเฒ่าเ้าเล่ห์ในร้านอาหาร หัวใจของนางกลับเต้นรัวด้วยความดีใจอย่างน่าประหลาด ขณะเดียวกันก็ทำให้ความคิดของนางว่างเปล่า
นางรีบหาเหตุผลมากมายในความดีใจครั้งนี้ ...เฒ่าเ้าเล่ห์ทำให้นางมีแรงบันดาลใจในการปลอมตัว รวมไปถึงยาอิ๋งอิ๋ง
ไม่ผิด เมื่อนึกถึง ''การปลอมตัว'' ก็นึกถึงยา ''อิ๋งอิ๋ง'' นางเห็นแสงสว่างพัดพาหมอกอึมครึมออกจากอกจนเกิดเป็ความดีใจ ทว่านางก็ยังคงดูถูกเฒ่าเ้าเล่ห์ผู้นี้อยู่ไม่น้อย
แม้นางไม่ได้นับถือเฒ่าเ้าเล่ห์เป็อาจารย์ แต่ก็ได้เรียนรู้ทักษะการปลอมตัวผ่านขั้นตอนของหออู่อิง ทว่าทักษะการแต่งหน้าของสตรีที่มีแต่กำเนิด ทำให้ทักษะปลอมตัวของนางดีกว่าจูฉวนศิษย์เฒ่าเ้าเล่ห์
หากนางมีใบหน้าธรรมดาหรืออัปลักษณ์ ศัตรูก็จะไม่ให้ความสำคัญกับใบหน้าตนมากนัก แน่นอนว่านางไม่สามารถปลอมตัวมากเกินไป เกรงจะทำให้ตระกูลหลัวจำหลานสาวไม่ได้จนอาจเตะนางออกจากประตู นางจึงนึกถึงแป้งอิ๋งอิ๋ง สีของแป้งคล้ายสีผิวของผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ สามารถเปลี่ยนแปลงสีผิวเดิมได้ ทว่าแป้งทาหน้าธรรมดา แป้งตะกั่วหรือผงเจ็ดสีที่คิดค้นโดยเฒ่าเ้าเล่ห์ไม่มีผลต่อการคงความงาม เมื่อทาเป็เวลานานยังทำให้ผิวไม่เปล่งปลั่ง ทั้งยังค่อย ๆ เริ่มแย่ลงจนเป็รอยกระในที่สุด
ด้วยประสบการณ์ห้าปีในที่ชาติที่แล้ว นางมั่นใจว่าเนื้อของแป้งอิ๋งอิ๋งนั้นบางเบา ไม่มีทางเกิดปัญหาเ่าั้แน่นอน หากใช้ทั้งวันเป็เวลาสิบสองชั่วยาม ประสิทธิภาพก็จะดีกว่าใช้ตอนกลางคืนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการมีใบหน้า ''อัปลักษณ์'' ตอนนี้ก็เพราะต่อไปจะได้งดงามยิ่งขึ้น รอวันที่ตนมีบ้านเป็ของตัวเอง รอวันที่ตนไม่ต้องพึ่งพาใคร รอวันที่ตนแก้แค้น... คนที่เคยทำร้ายให้ตายสิ้น วันนั้นตนจะแสดงใบหน้าที่แท้จริง
ลมูเาจากทิศตะวันออกโชยมา พัดชายกระโปรงสีฟ้าของเหอตังกุยปลิวไสว ผมยาวสลวยสีดำขลับไหวตามลม นางมีความสุขคล้ายล่องลอยราวกับเทพธิดาจนอดยิ้มไม่ได้
แม้จะผ่านการเสริมแต่งด้วยทักษะพิเศษ ดวงตาเล็กลงบางส่วน จมูกและปากใหญ่กว่าปกติ ทว่าสิ่งเหล่านี้ใช้เพียงผงยาอิ๋งอิ๋งที่มีส่วนผสมแตกต่างกันทำให้สีเปลี่ยนและทำให้เกิดภาพลวงตาได้ จมูกและปากของนางไม่ได้เล็กหรือใหญ่กว่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่สุดมีเพียงสีผิวของนาง ซึ่งเปลี่ยนจากสีขาวอมชมพูมีเสน่ห์ดึงดูดใจเป็สีเหลืองอ่อนที่ดูอ่อนแอ เหมาะกับภาพลักษณ์ ''ถูกรังแกบ่อยครั้งภายใต้การพึ่งพาคนอื่น'' ของนางยิ่งนัก
แน่นอนว่าใบหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนแปลง นางจะไม่เพิ่มไฝดำ ไฝขน แผลเป็ รอยกระหรือปานที่เป็องค์ประกอบสำคัญในการแต่งหน้าอัปลักษณ์ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ได้มองเด็กหญิงตรงหน้าต่างก็ยังคิดว่าเป็เด็กที่มีใบหน้างดงาม สิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงให้อัปลักษณ์เป็เพียงการเปรียบเทียบกับเด็กสาวใบหน้างดงามราวกับตุ๊กตาในอดีต หากตอนนี้เปรียบเทียบนางกับหลัวไป๋ฉยง ''บุปผางามแห่งจวนตระกูลหลัว'' ในกลุ่มสิบคนก็มีเจ็ดถึงแปดคนที่พูดเป็เสียงเดียวกันว่าเด็กใบหน้าซีดเซียวนั้นงดงามยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ้อร์ไท่ไท่และคุณหนูรองเห็นนางอัปลักษณ์จะต้องดีใจมากเป็แน่... เมื่อเหอตังกุยคิดได้เช่นนี้ก็ยิ้มบางอีกครั้ง ดวงตาใต้แพขนตายาวงอนคู่นั้นราวกับน้ำในบ่อโบราณที่เปล่งประกายเยือกเย็นเย้ายวน ไม่ว่าใบหน้าจะเปลี่ยนไปเช่นไรแต่ดวงตากลับยากจะเปลี่ยนแปลง ถือเป็อุปสรรคเดียวในการปลอมตัว
ไฮว่ฮวามองดวงตาคู่นั้นด้วยความตะลึงงัน ไม่นานก็นึกคำถามได้ “คุณหนู เหตุใดเ้าไม่เหมือนเดิม?” ด้วยกลัวอีกฝ่ายไม่พอใจ จึงพูดเสริม “ข้าหมายความว่าเมื่อเทียบกับเมื่อครู่แล้ว เ้าสวยน้อยลง แต่ข้าไม่ได้บอกว่าเ้าไม่สวยนะ เ้ายังสวยอยู่... ”
“คุณหนูสาม ๆ ” เสียงหยางมามาลอยมาแต่ไกล “เหตุใดจึงอยู่ที่นี่? บ่าวกำลังจะขึ้นเขาไปรับท่าน”
เหอตังกุยหันมองรถม้าที่มีหนังหุ้มหลังคาสีแดงและผ้าม่านสีม่วงที่วิ่งอยู่ไกล ๆ เมื่อเห็นหยางมามาโน้มตัวออกมาพลางโบกมือให้นางด้วยความตื่นเต้น นางจึงโบกมือกลับพร้อมรอยยิ้ม ไม่นานรถม้าก็เข้ามาใกล้ สารถีรีบะโลงจากรถม้าเพื่อหลีกออกไปก่อน หยางมามาออกจากรถม้าทันที อาจเพราะกังวลเกินไปจึงทำให้นางแทบสะดุดล้ม ฉานอีจึงรีบพยุงนาง ทว่านางไม่ได้มาเพียงคนเดียว ทันใดนั้นม่านพลันถูกเลิกขึ้น สตรีสวมชุดชนชั้นสูง อายุประมาณเดียวกับหยางมามาก็เดินตามออกมา
ฉานอีพยุงพวกนางลงจากรถม้า สตรีผู้นั้นสวมชุดหลัวจวินรัดเอวสีน้ำเงิน หลังลงจากรถม้าฉานอีก็พยุงสตรีชนชั้นสูงคนสุดท้าย
ฉานอีมองด้วยความสงสัย สตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ไม่ได้สวมเพชรพลอยหรือเครื่องประดับล้ำค่ามากนัก สวมชุดฮั่นฝูประดับขนสัตว์ฟูฟ่องธรรมดาเสมือนสวมใส่อยู่บ้านพร้อมเสื้อคลุมขนสัตว์สีเทา มองปราดเดียวก็รู้ว่านางคือสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้าคล้ายเมล็ดแตงโม คิ้วเรียวยาวงามได้รูป แววตาขุ่นมัวทว่ากลับยังคงสง่าผ่าเผยและน่าเกรงขาม แม้ใบหน้าจะมีร่องรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา แต่ก็ทำให้รู้ว่าในวัยสาวนั้นนางมีใบหน้างดงามเพียงใด
ฉานอีหันกลับไปมองเหอตังกุยด้วยท่าทางเก้กัง เหอตังกุยเดินมาอย่างรวดเร็ว ยกสองมือคำนับสตรีผู้สูงศักดิ์ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันไพเราะ “ตังกุยขอคารวะเหล่าจูจง ขอเหล่าจูจงอายุยืนหมื่นปีเ้าค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้