“ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอกขอรับท่านลุง” หลี่ลั่วกล่าวยิ้มๆ “ข้านับถือซือหนงยิ่งนัก เกษตรกรคือรากฐานของประเทศ ดังนั้นเมื่อได้ยินฟู่เฉียงเล่าว่าท่านลุงเป็ชนรุ่นหลังของซือหนง ข้าจึงแทบรอไม่ไหวที่จะมาที่นี่”
ความรู้สึกที่ลุงฟู่มีต่อหลี่ลั่วนั่นดียิ่ง และไม่ได้เห็นว่าหลี่ลั่วอายุน้อยจึงมองข้ามเขาไป เพราะคำพูดของหลี่ลั่วนั้นกระทบจิตใจของเขายิ่งนัก “โหวเหฺยกล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ” เขาพูดอย่างถ่อมตน
“ไฉนท่านลุงจึงไม่ได้ไปสอบซือหนงเล่า?” หลี่ลั่วถามด้วยความประหลาดใจ
“การสอบซือหนงต้องมีความรู้ทางทฤษฎี แต่ข้านั้นเขียนหนังสือไม่เป็ขอรับ” ลุงฟู่ตอบ
หลี่ลั่วพยักหน้า “ท่านลุง พวกเราคุยกันตามลำพังได้หรือไม่?”
“ย่อมได้แน่นอนขอรับ ไม่ทราบว่าเสี่ยวโหวเหฺยอยากคุยเื่อันใดหรือ?”
หลี่ลั่วตอบ “ฉางเฉิง พวกท่านไปรออีกด้านหนึ่งเถิด”
“ขอรับ”
ข้างๆ ดอกสำลีมีเพียงหลี่ลั่วและลุงฟู่ หลี่ลั่วชี้ไปที่สำลีดอกนั้นแล้วกล่าวว่า “ข้าเห็นว่าดอกไม้ชนิดนี้ช่างงดงามนัก ไม่ทราบว่าท่านลุงจะหาต้นอื่นมาด้วยได้หรือไม่?”
“ดอกไม้ต้นนี้เป็ต้นที่ข้าปลูกถ่ายมาจากบนูเา บนูเายังมีอีก แต่ดอกไม้ชนิดนี้บนูเามีไม่มากนัก ที่ที่ข้าปลูกถ่ายมานั้นยังมีอีกหลายต้น ไม่ทราบว่าโหวเหฺย้าจำนวนเท่าใดขอรับ” ท่านลุงฟู่ถาม
“ข้าอยากจะเชิญให้ท่านลุงฟู่มาเป็ซือหนงของหมู่บ้านของข้า” หลี่ลั่วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “ค่าแรงรายเดือนเดือนละหนึ่งตำลึง ข้าวสารสิบชั่ง เสื้อผ้าสองชุดทุกๆ ฤดูกาล รองเท้าสองคู่ สิ้นปียังมีเงินรางวัลอีกห้าตำลึง”
ท่านลุงฟู่ได้ยินแล้วถึงกับตกตะลึง เมื่อสักครู่ตอนอยู่บนรถม้าฟู่เฉียงไม่ได้บอกว่าสิ้นปีจะมีเงินรางวัลนี่นา
“ท่านลุงฟู่ไม่ต้องประหลาดใจ เงินรางวัลนี้จะได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ของพืชผลดี ท่านลุงมีความมั่นใจหรือไม่?” หลี่ลั่วยิ้มตาหยีแล้วถาม
รอยยิ้มและสายตาของเด็กชายตัวน้อยทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจฮึกเหิมและกล้าที่จะลองทุ่มหมดหน้าตักดูสักครั้ง “มีขอรับ” ไม่ว่าจะเพื่อการดำรงชีวิต หรือเพื่อความหวังของตน เขาล้วนมีความมั่นใจทั้งสิ้น
“ข้ามีที่นาหนึ่งอยู่ร้อยห้าสิบหมู่อยากจะนำมาปลูกพืชผล ให้ในหนึ่งปีสี่ฤดูมีผลให้กินทั้งปี ในหมู่บ้านของข้ายังมีที่ว่างอีกผืนหนึ่ง ข้าอยากนำมาปลูกดอกไม้ชนิดนี้” หลี่ลั่วกล่าว
“จะปลูกต้นดอกไม้ขาวนี้หรือขอรับ?” ลุงฟู่ถามอย่างแปลกใจ ดอกไม้ชนิดนี้ไม่งดงาม ปลูกแล้วจะเอามาทำอันใดได้? หรือว่าสิ่งของที่คนฐานะมั่งมีชมชอบย่อมไม่เหมือนกับคนทั่วไปหรือไร?
“ข้ามีจุดประสงค์ในการนำไปใช้ของข้าเอง ในเื่การปลูกพืชนั้นข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปสอดเื่ของท่านลุง แต่ถ้าเป็เื่การปฏิบัติคำสั่ง เื่ที่ข้าสั่งการถือเป็ที่สิ้นสุด” หลี่ลั่วกล่าว “ท่านลุงคิดว่ามีปัญหาอันใดหรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ” ในส่วนนี้ลุงฟู่ไม่มีข้อคิดเห็นเป็อื่น นายและบ่าว นายพูดอะไร ย่อมแน่นอนว่าบ่าวก็ต้องทำสิ่งนั้น “เช่นนั้นเื่สัญญาขายตัว?”
“ข้าจะไม่ทำสัญญาขายตัวกับท่านลุง” หลี่ลั่วกล่าว “ครอบครัวของท่านลุงเป็พลเมืองทั้งครอบครัว หากลงนามในหนังสือขายตัวแล้ว ต่อไปฐานะของคนในครอบครัวจะลดลงไปอีกหนึ่งขั้น ข้าจะทำหนังสือสัญญาว่าจ้างกับท่านลุงเป็เวลาห้าปี ในระหว่างห้าปีนี้หากท่านลุงคิดว่าไม่อยากอยู่ทำงานที่นี่กับข้าอีกต่อไป ท่านลุงสามารถแจ้งข้าล่วงหน้า เมื่อข้าหาคนที่เหมาะสมได้แล้ว ท่านลุงก็ไปจากที่นี่ได้”
ดีเช่นนี้เลยหรือ? ดวงตาลุงฟู่ทอประกายวาววับ ถูกต้อง เขาไม่อยากขายตัว เขายังมีความหวังว่าต่อไปลูกหลานจะได้เข้าสอบเคอจวี่ หากทำหนังสือขายตัวแล้ว ฐานะของทาสย่อมต่ำต้อยกว่าพลเมือง
มื้อเที่ยงของวันนั้นหลี่ลั่วกินอาหารที่บ้านลุงฟู่ แม้ว่าจะเป็กับข้าวพื้นบ้านธรรมดาๆ จำพวกเครื่องเคียง อาหารไม่ได้อุดมสมบูรณ์อะไร แต่เครื่องเคียงเ่าั้รสชาติดียิ่งนัก กินข้าวเสร็จลุงฟู่ก็ลงนามในสัญญาว่าจ้างห้าปี จากนั้นลุงฟู่จึงพาฟู่เฉียงและบ่าวรับใช้ชายอีกหลายคนขึ้นูเาไปหาต้นสำลี ส่วนหลี่ลั่วและคนอื่นๆ กลับไปที่หมู่บ้านก่อน
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ลุงฟู่และคนอื่นๆ จึงกลับมา พวกเขาหาต้นสำลีได้ทั้งหมดแปดต้น รวมกับในเรือนของลุงฟู่ที่มีอยู่เดิมอีกหนึ่งต้นเป็ทั้งหมดเก้าต้นด้วยกัน
“รีบนำไปปลูกเร็วเข้า” หลี่ลั่วกล่าว พื้นที่ในหมู่บ้านได้ตระเตรียมเอาไว้แล้ว ดินก็ได้ทำการพลิกใหม่เรียบร้อยแล้ว “ลุงฟู่ ท่านดูแล้วคิดว่าที่นี่ปลูกพืชผลได้หรือไม่?”
“ที่จริงแล้วดอกไม้ขาวชนิดนี้ปลูกง่ายมากขอรับ ขอเพียงแค่ดินนั้นมีความชื้นเล็กน้อยก็พอ ด้วยเหตุที่หมู่บ้านชานเมืองทางตอนเหนือมีผู้คนอยู่อาศัยน้อยแล้วยังอยู่ข้างูเา ทำให้ละแวกนี้มีเขตเทือกเขาอยู่เป็จำนวนมาก ที่นาดียิ่งนัก ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะปลูกดอกไม้ขาวชนิดนี้ขอรับ” ลุงฟู่พูดต่อ “ในจำนวนดอกไม้ขาวแปดต้นนี้ มีสี่ต้นที่เติบโตมาพร้อมกับต้นที่ข้าปลูก ส่วนอีกสี่ต้นนั้นคือที่พวกเราขึ้นเขาไปหามาภายหลังขอรับ”
“แต่ละต้นก็ไม่ได้มีดอกออกมาหลายดอกนัก” หลี่ลั่วมองพวกเขาปลูกต้นสำลีลงดิน ที่ดินในส่วนของหมู่บ้านด้านนี้มีพื้นที่ไม่เล็กนัก มีพื้นที่ราวๆ สองร้อยตารางเมตร ในหมู่บ้านยังมีพื้นที่อีกมากมายที่ปลูกต้นไม้ใบหญ้า หลี่ลั่วคิดว่าล้วนสามารถนำมาเพาะปลูกพืชได้ทั้งหมด
“ทุกต้นมีดอกั้แ่สิบห้าถึงยี่สิบดอกขอรับ” ลุงฟู่กล่าว
“ลงดินเสร็จแล้วให้เด็ดดอกไม้บนต้นนั้นออกมา” หลี่ลั่วอยากคำนวณดูว่าสำลีทั้งเก้าต้นนี้จะให้ดอกสำลีกี่ดอก
แม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจว่าหลี่ลั่ว้าทำอะไร แต่ก็ยังเชื่อฟังคำสั่งของเขา เด็ดดอกสำลีออกมา ต้นสำลีเก้าต้นมีดอกสำลีทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบห้าดอก แต่เมล็ดของสำลีที่อยู่ด้านในยังไม่ได้เอาออกมา
“พวกท่านมาดูเสียหน่อย หนึ่งร้อยห้าสิบห้าดอกมีน้ำหนักประมาณเท่าใด”
ลุงฟู่และซินหมัวมัวค่อนข้างแม่นยำกับการคาดคะเนนี้ ทั้งสองคนดูแล้ว ซินหมัวมัวก็ตอบว่า “น่าจะมีน้ำหนักอยู่ราวหนึ่งชั่งครึ่งเ้าค่ะ”
หนึ่งร้อยห้าสิบห้าดอกมีน้ำหนักเพียงหนึ่งชั่งครึ่ง นั่นก็คือหนึ่งดอกมีน้ำหนักห้ากรัมสินะ?
“นำดอกสำลีทั้งหนึ่งร้อยห้าสิบห้าดอกนี้ออกไปตากแดด จากนั้นให้นำส่วนของดอกที่เป็สีขาวแยกออกมาจากเมล็ดที่อยู่ด้านใน ส่วนของดอกไม้สีขาวนี้ตากแห้งแล้วให้เก็บเอาไว้ จากนั้นค่อยรอข้าแจ้งอีกที” หลี่ลั่วคิดใคร่ครวญ “หยวนโม่อยู่ที่หมู่บ้านนี้เป็การชั่วคราวเพื่อรับผิดชอบเื่นี้ หลังจากที่ลูกสะใภ้ของซินหมัวมัวมาถึงที่นี่เ้าก็มอบหมายงานทั้งหมดให้กับนางแล้วค่อยกลับจวน”
“เ้าค่ะ”
“ลุงฟู่ พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปดูที่นาหนึ่งร้อยห้าสิบหมู่ ที่นานั้นข้าจะนำมาปลูกผลไม้สี่ฤดูกาล อย่างเช่น เดือนหนึ่งกินอ้อย เดือนสองกินสับปะรด เดือนสาม... เดือนสี่กินเฉ่าเหมย[1] เดือนห้ากินอิงเถา เดือนหกกินเถาจื่อ[2] เดือนเจ็ดกินแตงโม...” หลี่ลั่วยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ฟัง
“อ้อยและเถาจื่อใน่นี้ปลุกง่ายขอรับ แตงโม เฉ่าเหมย องุ่น ล้วนปลูกได้อย่างง่ายดาย แต่อิงเถานั้นค่อนข้างยากอยู่สักหน่อย และผลอิงเถาก็มีราคาแพงมากขอรับ” ลุงฟู่ตอบ
อิงเถาเป็ผลไม้ที่ครอบครัวชนชั้นสูงผู้มีฐานะกิน
“เื่นี้ไม่เป็ไร ข้าจะพาท่านไปดูที่นา ถึงเวลานั้นท่านก็นำที่นามาวางแผนสักหน่อย แล้วพวกเราค่อยปรึกษากันอีกที”
“ขอรับ”
[1] เฉ่าเหมย (草莓) หมายถึง สตรอว์เบอร์รี
[2] เถาจื่อ (桃子) หมายถึง ลูกท้อ