‘เฉินซีเหลียง’ ชื่อนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเคยได้ยินจริงๆทว่าได้ยินจากในโทรทัศน์ เถ้าแก่ใหญ่แห่งธุรกิจเสื้อผ้าผู้มั่งคั่งในยุค 80 เมื่อถึงยุคมิลเลนเนียล ทรัพย์สินก็มีมูลค่าถึงร้อยล้านตอนนั้นเฉินซีเหลียงอายุแค่สี่สิบกว่าปี มิได้อาศัยธุรกิจรุ่งเรืองจนได้ออกข่าว แต่เขาออกข่าวได้เพราะเขาขึ้นกระทู้บันทึกเหตุการณ์ทางกฎหมายไม่ใช่หน้าเศรษฐศาตร์และการเงิน
เถ้าแก่เฉินโดนลักพาตัว โดยผู้กระทำเอ่ยปากเรียกค่าไถ่จำนวน 50 ล้านหยวน ตระกูลเฉินย่อมไม่มีเงินสดมากมายขนาดนั้นแน่ ลูกชายของภรรยาเก่ารวบรวมเงินสดได้เพียงสิบกว่าล้านหยวนยังไม่ทันจะส่งเงินไป คนร้ายก็ฆ่าตัวประกันเสียแล้ว บ้านเฉินไถ่กลับมาได้แค่ร่างของเถ้าแก่เฉินคดีใหญ่แบบนี้ทางตำรวจย่อมต้องทำการตรวจสอบเนื่องจากท้ายที่สุดได้ก่อเกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสังคม—ปรากฏว่าความจริงน้ำเน่ายิ่งกว่าละครผู้กระทำความผิดคือภรรยาสาวคนใหม่ของเถ้าแก่และคนขับรถภรรยาใหม่เดือดดาลที่เถ้าแก่จะส่งมอบกิจการให้ลูกชายภรรยาเก่าดูแล ดังนั้นเมื่อลงมือทำแล้วก็ต้องไปให้สุดทางถ้าไม่ได้เงิน 50 ล้านหยวนเพื่อทะยานหนี ก็เพียงกำจัดเถ้าแก่เฉินเสียสินทรัพย์มากกว่าครึ่งภายใต้นามเถ้าแก่เฉินล้วนเป็ของเธอทั้งสิ้น!
ยิ่งเซี่ยเสี่ยวหลานมองยิ่งรู้สึกว่าเฉินซีเหลียงตรงหน้าก็คือเถ้าแก่เฉินผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น
เธอถอดถอนใจ “เถ้าแก่เฉิน คุณเป็คนดีและจะต้องได้รับสิ่งตอบแทนที่ดีงาม”
เขายอมแบกรับความกดดันจากเคออีสฺยงโดยไม่แพร่งพรายข้อมูลของเธอเซี่ยเสี่ยวหลานจึงตัดสินใจว่าในอนาคตจะต้องทำให้เฉินซีเหลียงห่างไกลจากภรรยาสาวผู้ชั่วร้ายคนนั้นโรงงานเสื้อผ้าของเถ้าแก่เฉินพัฒนารุ่งเรืองไม่น้อยครั้งหนึ่งเคยเป็ยี่ห้อเสื้อผ้าประจำท้องถิ่นซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงส่วนแบ่งตลาดจำนวนมากของแต่ละเมืองในตอนใต้ปรากฏว่าพอเถ้าแก่เฉินเสียชีวิต ครอบครัวพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้เมื่อจัดการเื่ราวในครอบครัวเรียบร้อย คุณชายเฉินที่หายจากอาการโศกเศ้ราก็ร่าเริงอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากหลังต้นยุคสองพันธุรกิจเสื้อผ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บริษัทของตระกูลเฉินจึงค่อยๆ ซบเซาลง
เฉินซีเหลียงโดนเซี่ยเสี่ยวหลานมองจนขนลุกขนพอง รีบบอกเธอให้เลือกสินค้าตามใจชอบ
ตลาดค้าส่งเสื้อผ้าราวกับถูกเซี่ยเสี่ยวหลานจองไว้ทั้งหมดเหล่าเ้าของร้านรอคอยให้เธอรีบจากไปอย่างใจจดใจจ่อ
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้เงินค่าสินค้าหมื่นกว่าหยวนในมือจนแทบเกลี้ยงเธอละทิ้งความคิดนำเข้าเสื้อผ้าเด็กแล้ว ร้านดูแลและขายเสื้อผ้าเด็กพร้อมกันจะยุ่งเหยิงเกินไปอันที่จริงทำธุรกิจเสื้อผ้านั้นมีอนาคตไกลทีเดียวตอนนี้เฉินซีเหลียงก็เป็เ้าของแผงค้าส่งเล็กๆ คนหนึ่งเข้าสู่ปีสองพันทรัพย์สินก็เป็ร้อยล้านแล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อสินค้าเสร็จก็กลับบ้านพัก ขอบคุณพานซานด้วยจากใจจริง
“เธอคือผู้หญิงของโจวเฉิง เป็น้องสะใภ้ของฉันด้วย ใครก็ไม่อาจแตะต้องเธอได้เธอวางใจเถอะ”
พานซานหยาบคายจนชินไม่คุ้นเคยในการสนทนากับหญิงสาววัยรุ่นน่ารักอ่อนหวานอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานจะให้เขาพูดเสียงเบาไม่กี่ประโยคนั้นไม่ต่างจากการบีบคอเขา
ความจริงแล้วเวลาคังเหว่ยอยู่กับพานซาน เขาก็รู้สึกอึดอัดไม่เบา
แต่เขาจำเป็ต้องมา หากส่งพานซานมาปรากฏตัวต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานกะทันหันจะไม่ทำเซี่ยเสี่ยวหลานกลัวหรอกหรือ?
ผู้ชายสองคนต่างไปนอนหลับใหลกันแล้ว ไป๋เจินจูถึงเอ่ยปาก
“วันนี้เคออีสฺยงอับอายขายขี้หน้ามาก ฉันกลัวเขาจะกลับมาแก้แค้นคืนนี้ฉันเฝ้าหน้าประตูเอง เธอนอนหลับสบายๆ เถอะ”
สภาพบ้านพักแห่งนี้ธรรมดาสามัญ ประตูห้องคือแผ่นไม้บางๆสามารถป้องกันคนดีแต่ไม่ป้องกันคนเลว ไป๋เจินจูอาสาจะอยู่เฝ้ายามเซี่ยเสี่ยวหลานรั้งไม่อยู่ ทำได้เพียงขอให้เธอระมัดระวังตัวด้วย
ไป๋เจินจูเปิดประตูออก ก็เห็นพานซานยืนสูบบุหรี่ที่ปากทางระเบียง
ที่แท้พานซานเองก็ไม่วางใจเหมือนกัน
“สาวน้อย เธอสูบหรือไม่?”
หญิงแกร่งเช่นไป๋เจินจูคนนี้เมื่ออยู่ตรงหน้าพี่พานซานผู้เหี้ยมโหดสุดท้ายก็เป็เพียงสาวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
ไป๋เจินจูส่ายหน้า ผ่านไปสักพักถึงรำพึงรำพันกับตนเองขึ้นมา
“ปีนั้นที่พี่ชายฉันเพิ่งขึ้นเหนือ เขียนจดหมายเล่าให้ฉันรู้บอกว่าหน่วยงานพวกเขามีคนสมรรถภาพร่างกายระดับสูงสุด แซ่พาน...”
พานซานดับบุหรี่ทันที
“เธออยากพูดอะไร? ฉันคือพานซาน และก็เป็แค่พานซานเท่านั้นไม่ใช่อะไรอื่น!”
ไป๋เจินจูคิดว่าพานซานก็คือคนคนนั้นที่ไป๋จื้อหย่งกล่าวถึงฝีไม้ลายมือของพานซาน ความดุร้ายของพานซาน แม้กระทั่งรอยแผลบนคิ้วของพานซานล้วนบันทึกเื่ราวไว้มากมาย
เคออีสฺยงไม่ได้ฉวยเวลาค่ำคืนมาแก้แค้น คังเหว่ยผิดหวังเล็กน้อย
“เ้านี่ยังอดทนได้ดียิ่งนัก”
พานซานเหยียดหยามเขา ก็เพื่อจะทำให้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะหากเคออีสฺยงกล้าลงมือ พานซานย่อมมีวิธีอื่น แต่ในตอนนี้ เคออีสฺยงกลับยืนหยัดอดทนพานซานคิดว่าเขาก็แค่พวกขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่ง
“ตีกลองหนแรกฮึกเหิม ตีอีกครั้งเสียขวัญ ตีครั้งที่สามหมดกำลังใจ [1] เมื่อคืนวานเขาไม่กล้ามา ก่อนจะรู้ปูมหลังของเธอชัดเจนก็คงไม่กล้าคิดเลยเถิดหรอก”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าพานซานวิเคราะห์จากอะไรเธอจำเป็ต้องเลือกเชื่อมั่นในมืออาชีพ
คราวนี้ไม่จำเป็ต้องรบกวนศิษย์พี่ทั้งสองของไป๋เจินจูมาปกป้อง เนื่องจากพานซานพาเซี่ยเสี่ยวหลานกับคังเหว่ยรวมถึงสินค้ามาส่งถึงสถานีรถไฟและขับโปโลเนซคันนั้นของเขาวนรอบอาณาเขตของเคออีสฺยงอย่างอุกอาจ สุดท้ายก็กดดันให้เต่าหดหัวเคออีสฺยงออกมาไม่ได้อยู่ดีพานซานจึงจากหยางเฉิงไปด้วยความผิดหวัง
เคออีสฺยงช่างอดทนเก่งจริงนะ!
เมื่อก่อนเคออีสฺยงก็กล้าสู้กล้าเสี่ยงไม่แพ้ใคร ทว่าพอมี ‘ทรัพย์สิน’ ขึ้นมาบ้าง ก็ย่อมมีภาระถ่วงรั้ง
ไม่เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างพานซานอาจหาญย่ำเหยียบเขตแดนของเคออีสฺยงเคออีสฺยงรู้ตัวดีว่าการหดหัวหลบซ่อนจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือลูกน้องที่ได้รับาเ็เมื่อคืนวานบางทีในใจคงเกิดความคิดบางอย่างต่อเขาแน่
ทว่า ณ เวลานั้นเคออีสฺยงััได้ถึงวิกฤติของนาทีชีวิตโดยแท้จริง
พานซานไม่ได้ล้อเล่น เขาอยากจัดการเคออีสฺยงให้ตาย และมีความกล้ามากพอเสียด้วย
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานเธอใช้ชีวิตหลายวันมานี้ได้เร้าใจกว่าการเป็ผู้บริหารระดับสูงในชาติก่อนเสียอีกตอนเพิ่งเกิดใหม่นึกว่าอาศัยประสบการณ์ล่วงรู้เอาชนะสี่ทิศก็พอ ยุค 80 ย่อมมีโอกาสทั่วทุกหนแห่ง แต่โอกาสมาพร้อมกับอันตรายเถ้าแก่ผู้สร้างตัวจากมือเปล่าคนไหนจะบอกเล่ารายละเอียดประเภทนี้แก่คนนอกกันเซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อว่าเื่ของตระกูลจูและเคออีสฺยงอาจไม่ใช่เพียงกรณีตัวอย่าง
เซี่ยเสี่ยวหลานเร่งเวลาอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนบนรถไฟดั่งเดิม
แม้สิ้นสุดการสอบปลายภาคไปเพียงไม่กี่วันความรู้สึกกดดันของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ลดลงแม้แต่น้อย
ถ้าเธอจะหลีกหนีจากข้อจำกัดของสถานะในตอนนี้ หนึ่งคือต้องสั่งสมเงินทุน และอีกหนึ่งก็คือเส้นทางการเป็คนใหญ่คนโตเรียนมหาวิทยาลัยคือโอกาสในการก้าวหน้าและสิ่งนั้นจะแบ่งคนประเภทเธอกับเคออีสฺยงเป็สองระดับ
นักเลงหัวไม้คนหนึ่งถูกใจเธอมิใช่เื่ประหลาด อันธพาลก็มีรสนิยมของตนเองอาจแค่ชื่นชอบแบบเซี่ยเสี่ยวหลานพอดี
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดถี่ถ้วนหากครั้งแรกที่ไปหยางเฉิงก็นั่งรถเก๋งเปิดทาง มีคนเหี้ยมอย่างพานซานเป็ ‘คนคุ้มกัน’ แม้ถูกเคออีสฺยงพบเจอโดยบังเอิญด้วยความกล้าเล็กน้อยของเขาก็ไม่กล้าใช้ท่าทางตามอำเภอใจมาบังคับเกี้ยวพาราสีเธออยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกว่าการเกี้ยวพาแบบเผด็จการนั่นมีเสน่ห์เลยแม้แต่นิดเดียวเธอขยะแขยงจนอยากอาเจียนเสียด้วยซ้ำ
เหมือนที่พานซานว่าไว้เคออีสฺยงใช้อำนาจของงูเ้าถิ่นข่มเหงหญิงสาวต่างเมืองที่ไร้คนช่วยเหลือก็เท่านั้น
ผู้ชายแบบนี้สมควรโดนตี
คังเหว่ยหาวหวอด “พี่สะใภ้ก็จริงจังเหลือเกินคะแนนของเธอน่ะ สอบมหาวิทยาลัยในปักกิ่งสักแห่งก็เหมือนกับเล่นสนุกไม่ใช่หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้ม
มหาวิทยาลัยในปักกิ่งเหมือนกันแต่วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งกับมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่งยังเหมือนกันได้หรือ?
ในเมื่อตัดสินใจจะเดินทุกเส้นทางเพื่อพัฒนาชีวิตทัศนคติของเธอต่อเกาเข่าปีนี้ต้องสุขุมรอบคอบมากยิ่งขึ้น
เชิงอรรถ
[1]一鼓作气,再而衰,三而竭 ตีกลองหนแรกฮึกเหิม ตีอีกครั้งเสียขวัญตีครั้งที่สามหมดกำลังใจ หมายถึง ทำสิ่งใดต้องทำให้สำเร็จในอึดใจเดียวด้วยความมุ่งมั่นยิ่งเลื่อนออกไปหลายครั้งจะยิ่งเกิดผลกระทบด้านลบ
