เหล่ามิตรสหายร่วมชาติมีความหลงใหลในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ผิดแผกจากธรรมเนียมนี้ไม่ได้
จะอาศัยเองก็ดี จะลงทุนก็ดี เมื่อเธอมีเงินในมือหนึ่งก้อน และบ้านในปักกิ่งก็ราคาถูกแสนถูกราวกับหัวผักกาดขาวโตๆ ร่ำร้องให้รีบมาฉวยพวกมันไป รีบมาคว้าของถูกสิ—เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมมิอาจเมินเฉยได้
ใบไม้แดงบนเซียงซานช่างงดงามยิ่งนัก
เธอรู้สึกว่าตัวเองทำการบ้านร่างภาพได้ไม่เลวเลยทีเดียว ทว่าจิตใจล่องลอยไปอยู่กับการซื้อบ้านในปักกิ่งแล้ว
กลับมาจากเซียงซานเพิ่งเป็เวลาสี่โมงเย็นเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานจึงขี่จักรยานต่อไปยังธนาคารสาขาย่อยที่เธอฝากเงินไว้
“นักศึกษาเซี่ย!”
เมื่อเห็นเธอขี่จักรยานมา พนักงานหม่าก็แสดงความกระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยม
เซี่ยเสี่ยวหลานคาดว่าเครือข่ายคนรู้จักของพนักงานหม่าคงไม่พอสำหรับธุระนี้ จึงมองข้ามผ่านเขาไปและขอพบผู้จัดการใหญ่อู่โดยตรงแทน เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงแสร้งมองไม่เห็นสายตาที่แสดงถึงความน้อยอกน้อยใจของพนักงานหม่า เธอไม่ได้มาธนาคารเพื่อสนทนาสัพเพเหระกับใคร และไม่ใช่เพื่อให้ใครสรรเสริญเยินยอนี่นา เธอมาเพื่อทำธุระ แน่นอนว่าต้องขอพบผู้จัดการใหญ่อู่ที่มีความสามารถจัดการได้
ผู้จัดการใหญ่อู่นึกว่าเธอมาเพื่อถามถึงหนังสือชุดนั่นเสียอีก
หนังสือมูลค่ารวม 15000 หยวน ควรมาสอบถามจริงๆ นั่นแล ผู้จัดการใหญ่อู่นึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะกลับมาเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่สหายหญิงสาวผู้มีเงินกลับใจเย็น นับจากวันชาติจนกระทั่งตอนนี้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ด้วยความสัตย์จริง เขามองว่าเซี่ยเสี่ยวหลานดูเป็มิตรมากทีเดียว
ทว่าเ้าตัวเป็หญิงสาว เขาจึงไม่สามารถจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลาได้
“นักศึกษาเซี่ย ทางร้านหนังสือซินหัวแจ้งมาแล้ว หนังสือที่เธอ้าพวกนั้นนำออกมาเตรียมพร้อมที่อวี้หนานครบแล้ว สามารถส่งต่อไปอันชิ่งได้ตลอดเวลา... เธอว่าจะส่งหนังสือพวกนี้ไปอย่างไรดี มีความประสงค์อะไรหรือเปล่า?”
เตรียมหนังสือทั้งหมดพร้อมส่งเสร็จรวดเร็วขนาดนี้เชียว?
ผู้จัดการใหญ่อู่จัดการธุระได้ไวจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งคิดว่าการขอให้ผู้จัดการใหญ่อู่ช่วยหาบ้านให้นั้นถูกต้องเหมาะสมไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!
จะส่งหนังสือไปอย่างไร?
ใช้รถขนไปอันชิ่งเซี่ยนอีจงก็ได้แล้วนี่นา
“คุณหมายความว่าอะไรคะ ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร”
“ก็เป็การบริจาคหนังสือใช่ไหมเล่า ร้านหนังสือซินหัวสามารถให้ความร่วมมือกับนักศึกษาเซี่ยจัดพิธีบริจาคได้ แม้ตัวเธอจะเรียนอยู่ที่ปักกิ่ง แต่พวกเขารับประกันว่าจะช่วยเธอส่งหนังสือถึงอันชิ่งเซี่ยนอีจงได้อย่างครึกครื้น!”
บริจาคหนังสือมูลค่าหมื่นกว่าหยวนให้โรงเรียน โปรยเงินก้อนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ไม่กังวลเื่เงินก็น่าจะทำเพื่อชื่อเสียงไม่ใช่หรือ
ต้องไตร่ตรองเพื่อลูกค้าให้มากสิ ผู้จัดการใหญ่อู่มีความคิดที่ละเอียดถี่ถ้วนเป็อย่างมาก อีกอย่างพิธีการประเภทนี้ก็เป็ของเคยชิน สามารถเตรียมพร้อมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมีรูปแบบมากมายจนทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอึ้งไปเล็กน้อยเลยทีเดียว ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็มีคนฉลาดจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดว่าตนเองเดินเส้นทางคนธรรมดาจะมีส่วนไหนที่ผิด ยิ่งตอนนี้ััได้ถึงข้อดีของการใช้ต้าถวนเจี๋ยเปิดทาง—ถ้าไม่มีเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล และไม่ซื้อพันธบัตรรัฐบาล คนงานยุ่งหัวหมุนอย่างผู้จัดการใหญ่อู่ผู้นี้คงไม่เสียเวลาเสวนากับเซี่ยเสี่ยวหลานหรอก!
“พิธีบริจาคไม่ต้องหรอกค่ะ คุณยืนยันใช่ไหมคะว่าวันนี้สามารถส่งหนังสือได้ทันที? ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมโทรศัพท์ของธนาคารแจ้งทางโรงเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงสักหน่อยเถอะค่ะ ให้พวกเขาส่งคนไปรับของก็พอแล้”
คำขอเล็กน้อยนี่สมเหตุสมผลดีใช่ไหมเล่า
นี่คือนักศึกษาใจดีผู้จ่ายเงินโดยไม่้าเกียรติยศ แววตาของผู้จัดการใหญ่อู่ปรากฏร่องรอยของความเอ็นดู นักศึกษาที่ทัศนคติล้ำหน้าเช่นนี้ คือลูกค้าเป้าหมายของการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลโดยแท้จริง
โทรศัพท์ถูกต่อสายเป็ทอด ถึงอันชิ่งอีจงด้วยความยากเย็น กว่าอาจารย์ใหญ่ซุนจะรับสายก็เป็เวลาหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงแล้ว
อาจารย์ใหญ่ซุนวิ่งจนกระหืดกระหอบ เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินอาจารย์ใหญ่ซุนหอบหายใจหนักแม้คั่นด้วยหูโทรศัพท์ก็ตาม
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากหัวเราะ
“ครูใหญ่คะ รับสายนี้ทำให้ครูต้องเหนื่อยแย่แล้ว”
“ไม่เหนื่อยไม่เหนื่อย อ้อ พวกเราดีใจที่เธอโทร. กลับมาได้นะ!”
อาจารย์ใหญ่ซุนไม่ได้โกหก
รอบตัวเขาตอนนี้รายล้อมไปด้วยผู้คนจริงๆ
เดินทีแค่เรียกเขามารับโทรศัพท์ แต่เหล่าอาจารย์อันชิ่งเซี่ยนอีจงส่วนใหญ่อยู่ในอาคารเดียวกันกับอาจารย์ใหญ่ซุน พอบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานโทร. กลับมาจากปักกิ่ง อาจารย์หลายคนก็ออกตัววิ่งตามอาจารย์ใหญ่ซุนมายังห้องทำงานกันจ้าละหวั่น
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ผู้บริหารคนใด ไม่ใช่บุคคลสำคัญ เธอเป็เพียงนักเรียนที่ออกไปจากเขตอันชิ่ง
ทว่าใครใช้ให้เธอสร้างความประหลาดใจให้คนอื่นอยู่เรื่อย ทำให้เหล่าอาจารย์เซี่ยนอีจงภาคภูมิใจเสมอมาเล่า!
แม้ผ่านมาหลายวันแล้ว เหล่าอาจารย์จากอันชิ่งเซี่ยนอีจงยังคงตื่นเต้นไม่รู้จบ อยากถามเซี่ยเสี่ยวหลานเกี่ยวกับเื่งานเฉลิมฉลองที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเล่าเื่ที่ตนฝึกวิชาทหารจบและถูกเลือกเข้าร่วมขบวนเกียรติยศหัวชิงพอสังเขป ส่วนตำแหน่งที่ยืนและภาพระยะใกล้ นั่นเป็ความบังเอิญทั้งนั้น... อาจารย์ใหญ่ซุนไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร จึงใช้สายตาส่งสัญญาณให้อาจารย์ที่ล้อมรอบอยู่ ว่านักศึกษาเสี่ยวหลานถ่อมตนเช่นนี้มาโดยตลอดนั่นแล
อาจารย์ใหญ่ซุนถามคำถามต่างๆ อยู่นานมาก เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในหัวชิงอย่างราบรื่นทุกประการ กระตือรือร้นเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย อาจารย์และเพื่อนนักศึกษาล้วนเป็มิตร มาตรฐานการสอนสูง ตัวเธอเองก็กำลังค่อยๆ รับรู้ถึงเสน่ห์ของการเรียนสาขาสถาปัตยกรรม ยิ่งฟังอาจารย์ใหญ่ซุนยิ่งรู้สึกปลาบปลื้ม
จวบจนเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าตนโทร. กลับมาเพื่อแจ้งเตือนทางโรงเรียนเตรียมรับหนังสือที่เธอวานคนส่งมาให้
“เธอคิดถึงเื่นี้ตลอดเวลารึ? ตอนนี้ห้องสมุดยังสร้างอยู่เลย ไม่จำเป็ต้องรีบร้อน... ได้ได้ได้ หนังสือจะส่งมาวันนี้? เช่นนั้นครูจะส่งคนไปรับแน่นอน”
หนังสือไม่กี่สิบเล่มไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือนักเรียนที่พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าเป็คนมีอนาคตไกลก็คำนึงถึงการพัฒนาของโรงเรียนอยู่เสมอ อาจารย์ใหญ่ซุนท่วมท้นด้วยอารมณ์ซาบซึ้ง หลังจากกำชับเซี่ยเสี่ยวหลานมากมายหลายอย่างแล้ว ถึงยอมวางสายอย่างอาลัยอาวรณ์
“หนังสือที่บริจาคมาพวกนี้ นักศึกษาเสี่ยวหลานต้องเจียดออกมาจากค่าครองชีพของตัวเองแน่ น้ำใจส่วนนี้น่ะ ล้ำค่ากว่าตัวหนังสือเสียอีก!”
แม้จะรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ยากจนอย่างที่ทุกคนคิด แต่นักศึกษาหญิงวัยไม่ถึง 20 ปีคนหนึ่งจะหาเงินได้สักเท่าไรจากการทำธุรกิจอิสระข้างนอกกัน? อาจารย์ใหญ่ซุนไม่ได้คิดไปถึงเื่เศรษฐีหมื่นหยวนอะไรหรอก นั่นคือความคิดที่ไม่สมจริงแม้แต่น้อย!
เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าหนังสือหนึ่งชุด เขาจึงคาดว่าคือยี่สิบสามสิบเล่มเท่านั้น
หนังสือหนึ่งเล่มก็ราคาหลายหยวน ต่อให้หนังสือไม่กี่สิบเล่มจะราคาย่อมเยาเพียงใดก็เป็เงินสองสามร้อยหยวนอยู่ดี ยุคนี้เงินของใครจะเยอะแยะจนใช้ไม่หมดสิ้นกัน อีกทั้งยังเป็เงินที่นักศึกษาเสี่ยวหลานเก็บออมจากค่าใช้จ่ายของตนเองด้วย
คำกล่าวของอาจารย์ใหญ่ซุนได้รับความเห็นชอบโดยทั่วกันจากเหล่าอาจารย์
อันที่จริงเมื่อครู่ทุกคนอยากสนทนากับเซี่ยเสี่ยวหลานบ้าง ทว่าอาจารย์ใหญ่ซุนยึดครองหูโทรศัพท์เพียงผู้เดียวไม่ยอมปล่อยมือ ต่อสายจากปักกิ่งกลับอันชิ่ง ค่าโทรศัพท์ก็ไม่ใช่ถูกๆ ทุกคนจึงทนไว้ พวกเขาเชื่อหนักแน่นกันไปเองว่า ‘หนังสือหนึ่งชุด’ มีเพียงไม่กี่สิบเล่ม จนกระทั่งตอนที่คนของร้านหนังสือซินหัวสาขาอันชิ่งส่งหนังสือมาถึงและขอให้อาจารย์ใหญ่ซุนลงชื่อรับ—อาจารย์ใหญ่ซุนถือปากกาหมึกซึมคาไว้โดยไม่กล้าลงชื่อด้วยซ้ำ
“สหาย รบกวนคุณช่วยแจ้งอีกที หนังสือทั้งหมดกี่เล่มครับ?”
“4362 เล่ม”
เป็ 4000 กว่าเล่มได้อย่างไร!
“เป็ของใหม่ทั้งหมดหรือ?”
คนของร้านหนังสือตื่นเต้นกว่าอาจารย์ใหญ่ซุนเสียอีก “ใหม่ทุกเล่ม เลือกออกมาตามรายการหนังสือทีละเล่มจากในคลังหนังสือ ไม่มีจากบนชั้นหนังสือที่ถูกคนเปิดอ่านแน่นอนครับ จะไม่ใช่ของใหม่ทั้งหมดได้อย่างไร? เพื่อรวบรวมหนังสือชุดนี้ให้ครบ พวกเราร้านสาขาทุกแห่งของมณฑลอวี้หนานถึงกับพลิกคลังหนังสือเลยทีเดียว และยังมีอีกหลายสิบเล่มที่ส่งมาจากต่างถิ่น...”
เล่มไหนเป็ของเก่า?
เบื้องบนออกคำสั่งมา คนข้างล่างย่อมวิ่งวุ่นจนขาแทบหัก กลับมาโดนคนเคลือบแคลงอีกเสียได้ ต้องไม่โกรธ ไม่รู้ว่าคนที่บริจาคหนังสือชุดนี้เป็ใครมาจากไหน ดังนั้นต้องห้ามฉุนเฉียวกับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมัธยมปลายคนนี้ หายใจลึกๆ ต้องสงบจิตใจ!
โดยปกติพนักงานของร้านหนังสือซินหัวมีทัศนคติในการบริการอย่างไร สังเกตพนักงานขายห้างสรรพสินค้าหรือบริกรของภัตตาคารรัฐในยุคเดียวกัน เท่านี้ก็รู้แล้ว
คนไปร้านหนังสือเพื่อลองอ่านอย่างเดียวอย่างอาจารย์ใหญ่ซุนคนนี้ยิ่งมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง
อาจารย์ใหญ่ซุนสามารถลงชื่อรับหนังสือไม่กี่สิบเล่มเองได้ แต่จู่ๆ กลายเป็สี่พันกว่าเล่มอย่างกะทันหัน เขาจำต้องเรียกคนมาช่วยตรวจสอบกับรายการหนังสือทีละเล่ม
ทำไมนักศึกษาเสี่ยวหลานถึงบริจาคหนังสือมากมายขนาดนี้?
นี่มันต้องเป็เงินเท่าไร?!
----------------------------------------
อาจารย์ใหญ่ซุนติดอยู่ระหว่างความสับสนและภาระหนักอึ้งอันหอมหวาน
ผู้จัดการใหญ่อู่ที่ตัวอยู่ไกลถึงปักกิ่งก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากเขามากนัก
นักศึกษาเซี่ยผู้มีเงินอีกทั้งมีจิตสำนึกสูงมากในสายตาของเขา ได้กล่าวถึงความ้าที่เขามิอาจปฏิเสธได้ขึ้นมาอย่างหนึ่งหลังจากวางสายโทรศัพท์
“ผู้จัดการใหญ่อู่คะ ฉันอยากซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีก 3000 หยวนค่ะ”
ผู้จัดการใหญ่อู่ยังไม่เคยได้ยินใครจะขอซื้อพันธบัตรรัฐบาลด้วยตนเองมาก่อน เสียงนี้ช่างรื่นหูดุจดั่งสรรพเสียงจากธรรมชาติ ทำเอาเขาไม่กล้าแน่ใจอยู่นาน แต่การตอบสนองของฝีปากเร็วกว่าสมอง เขาควบคุมตัวเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“...นักศึกษาเซี่ย เธอ้าให้พวกเราช่วยอะไรหรือ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้