หลังจากที่เมิ่งฉีได้รับชัยชนะ นักข่าวสายบันเทิงก็รายงานเื่เธอติดต่อกัน 3 วัน ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยข่าวเผ็ดร้อนอื่นๆ ตอนนี้เข้าสู่ยุครุ่งเรืองของเธอ ค่ายเพลงสรรหาผู้จัดการคนใหม่มาให้เธอ พร้อมทั้งแต่งเพลงใหม่ให้อีก อีกทั้งยังเตรียมจัดทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศด้วย
บางครั้งบางคราวก็ได้เห็นบทสัมภาษณ์ของเธอ พิธีกรถามถึงผู้ชายที่เข้ามารุกรานหัวใจเธอ เมิ่งฉีก็ได้แต่ยิ้มให้ เธอไม่ได้รักษาสัญญาที่ว่าจะเอ่ยถึงบริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่น
กระทั่งเหตุการณ์นั้นผ่านมาแล้ว 7 วัน เสิ่นิก็ไม่มีงานเข้ามาเลย เงินของพ่อหนุ่มคนนี้ได้ถูกใช้ไปเกือบหมดั้แ่มื้อเช้าที่ “อ้าวกวนไห่” แล้ว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในบ้านก็ทานไปจนเกลี้ยงั้แ่เมื่อ 3 วันก่อน เซียวอี๋ก็ไม่รู้ว่าเ้าบ้านี่กินอะไรหลังจากนั้น แต่พอคุยกับเขาทีไร ก็มักจะได้กลิ่นหญ้าหางจิ้งจอกเสมอ
เซียวอี๋หาซื้อข้าวกล่องรับประทานเองทุกวัน ชีวิตของเสิ่นิตามความเข้าใจของเธอก็คือ ขนาดแมลงสาบก็ยังไม่ลำบากลำบนเท่าเขา
“คุณน้า โทรศัพท์พังหรือเปล่า มีสัญญาณไหม” หลายวันมานี้ เสิ่นิไม่รู้ว่าเขาถามคำถามพวกนี้ซ้ำๆ ไปกี่ร้อยรอบแล้ว เขาเอาแต่เฝ้าโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นอย่างกับสาวแก่ทึนทึก
“ฉันเช็กเป็สิบรอบแล้ว ไม่ได้ค้างจ่ายค่าโทรศัพท์ และไม่มีใครแอบดึงสายโทรศัพท์ด้วย” เซี่ยวอี๋กำลังวาดอายไลน์เนอร์อยู่ในห้องน้ำในขณะที่ตอบเขา เธอสวมอชุดกระโปรงเพียงชุดเดียวที่เธอมี ซึ่งนั้นก็คือชุดที่เสิ่นิมอบให้เธอเป็ของขวัญ
“แต่ทำไมไม่มีใครโทรมาล่ะ เบอร์โทรศัพท์บ้านผมก็ให้เมิ่งฉีไปแล้ว ไม่น่าจะผิดนะ เธอบอกว่าจะแนะนำลูกค้ารายใหญ่ให้ นี่ก็ผ่านมา 7 วันแล้ว ไม่เห็นได้ข่าวอะไรเลย” เสิ่นิพุ่งตัวไปยังหน้าประตูห้องน้ำ ราวกับสาวทึนทึกผู้เก็บกด
“หรือว่าเธอทำเบอร์นายหาย นายมีเบอร์โทร.ของเธออยู่ไม่ใช่เหรอ ลองโทรไปถามดูสิ” เซียวอี๋ี้เีจะสนใจเ้าบ้านี่แล้ว เธอแค่อยากจะให้เขาออกไปห่างๆ
“ผมโทร.แล้ว แต่ผู้ช่วยเธอเป็คนรับสาย ทุกครั้งก็เอาแต่บอกว่า ‘แล้วจะแจ้งคุณเมิ่งฉีให้ค่ะ’ ์เท่านั้นที่รู้ว่าเธอได้บอกหรือเปล่า พระเ้า! ช่วยประทานลูกค้ามาให้ผมด้วยเถอะ! ขืนเป็อย่างนี้ต่อไป หญ้าในสนามคงได้ถูกผมเล็มจนเกลี้ยงแน่...” เสิ่นิเดินออดๆ แอดๆ ไปอย่างไร้เรี่ยวแรงก่อนจะทรุดลงกับพื้น
“ที่แท้ตาบ้านี่ก็เริ่มแทะเล็มหญ้ากินแล้ว นายเป็วัวหรือยังไง” เซี่ยวอี๋ส่งสายตาดูถูกอย่างออกหน้าออกตา
“คุณแต่งหน้าเป๊ะขนาดนี้ จะไปออกเดตหรือยังไง ตาหมอนั่นที่ชื่อจี้เฉิน จากภาพถ่ายก็น่าจะเป็กัปตันในกองทัพอากาศ ดูจากเครื่องแบบแล้ว น่าจะเป็นักบินเครื่องบินขับไล่ ซู-27 ได้ขับ ซู-27 ั้แ่อายุยังน้อย ฝีมือน่าจะไม่เลวเลยทีเดียว
แต่กัปตันเครื่องบินรบทุกรายล้วนยอมพลีกายถวายชีพพร้อมกับเครื่องยนต์ แม้ในยามสงบ อัตราการเสียชีวิตของพวกเขาก็ยังสูงมาก คุณอาจจะกลายเป็แม่ม่ายได้ทุกเมื่อ...” เสิ่นิกล่าวอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
“นายแอบดูโทรศัพท์ฉันเหรอ?!” เซี่ยวอี๋ฉุน
“ไม่ใช่แค่แอบดูโทรศัพท์นะ อีเมลคุณผมก็เช็กแล้ว เมื่อครู่นี้จี้เฉินก็เร่งให้คุณรีบไปทานข้าวที่ภัตตาคารอ้าวไห่กวน เบี้ยเลี้ยงนักบินคงจะไม่น้อยเลยสินะ!” สีหน้าของเสิ่นิแข็งทื่อราวกับกำแพงเมือง
“เสิ่นิ นายสะกดคำว่าเื่ส่วนตัวเป็ไหม หน้านายหัดมียางอายบ้างได้ไหม?!” เซียวอี๋คำรามด้วยความโมโห
“ผู้ชายที่เล็มหญ้ากินอย่างผม คุณคิดว่ามียางอายไหมล่ะ?” เสิ่นิเหมือนกับหมูที่ไม่กลัวน้ำเดือด “ไปเถอะ คุณก็แค่ใส่ชุดที่ผมมอบให้แล้วก็ไปกินข้าวกับชายอื่นแค่นั้นเอง! กินเสร็จแล้วก็เปิดห้องพักวิวทะเลกินตับกันต่อ ไม่ต้องห่วงว่าผมจะนอนเหี่ยวตายอยู่คนเดียวที่นี่หรอก”
“กินตับบ้าอะไรล่ะ! จี้เฉินเป็ลูกของป้าสองเพื่อนบ้านฉัน เราเล่นด้วยกันมาั้แ่เด็ก กว่าเขาจะได้มีวันหยุดกลับมา แม่ฉันถึงได้ขอให้ฉันไปทานข้าวเป็เพื่อนเขาหน่อย” เซี่ยวอี๋ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องอธิบายให้เ้านี่ฟังเสียยืดยาวด้วย
“เพื่อนเก่านัดเจอกันในภัตตาคารอ้าวกวนไห่ สถานที่ทางการซะขนาดนั้น คุณว่าทำไมคุณแม่คุณถึงนัดให้คุณไปเจอกันล่ะ ไม่ได้กลิ่นตุๆ ของการคลุมถุงชนหรือไง เสียชื่อที่จบมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ”
ความจริงแล้วเซี่ยวอี๋ก็รู้สึกถึงเื่นี้มาก่อน แต่ไม่ว่าเธอจะเคี่ยวเข็ญถามแม่อย่างไร แม่ก็ไม่ยอมรับ แต่เพราะเป็จี้เฉิน เซี่ยวอี๋ก็เลยอึดอัดที่จะปฏิเสธ เนื่องจากสมัยก่อนพวกเขาเป็เพื่อนรักกัน ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
“เฮ้ นายตายหรือยัง” เมื่อเห็นเสิ่นินอนกองอยู่กับพื้น เซียวอี๋จึงใช้รองเท้าส้นสูงเตะไปเขาเบาๆ สองที
“ยังไม่ตาย คุณคงผิดหวังล่ะสิ ฮ่าๆๆ”
“ช่วยฉันหน่อยสิ ไว้นายปลอมตัวเป็แฟนฉัน แล้วฉันจะพานายไปทานอาหารที่มนุษย์เขากินกันสักมื้อ” เซี่ยวอี๋พูดเขินๆ
“ไม่ไป คุณเห็นผมเป็คนยังไง ข้าวมื้อเดียวก็เอามาฟาดหัวผม ให้ทรยศต่อจิตใจอันดีงามแล้วไปหลอกลวงคนอื่นอย่างนั้นเหรอ? ต้องอย่างน้อย 2 มื้อ!” เสิ่นิกล่าวอย่างขุ่นเคือง
“สงสัยชาติที่แล้วฉันคงไปติดหนี้นายเอาไว้ ฉันให้เวลานายสิบนาที แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกเดินทางได้! อย่าลืมแปรงฟันด้วยล่ะ! ฉันไม่อยากให้คนอื่นเขาได้กลิ่นหญ้าจากปากของนาย! ขนลุก!”
“ตกลง!” เสิ่นิลุกพรวด ก่อนจะทะยานไปยังห้องนอนเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่อง เวลาหมดไปเพียง 5 นาที เขาไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนเป็ชุดเรียบร้อยเท่านั้น ฟันก็แปรง น้ำก็อาบแล้วด้วย พระเ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร
พระอาทิตย์กำลังจะลับไปจากขอบฟ้าเหนือทะเล เสิ่นิขับรถไปยังภัตตาคารอ้าวกวนไห่เป็ครั้งที่สอง พนักงานเฝ้าประตูก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูรถให้กับพวกเขาทั้งสองคนด้วยความคุ้นเคย การบริการประทับใจให้ไป 120 คะแนนเลย อาจเป็เพราะว่าคราวก่อนเสิ่นิใจใหญ่ตบทิปให้ไปตั้งร้อยหยวน
แต่พอคราวนี้ พอพนักงานเฝ้าประตูยื่นมือออกมาเพื่อรับทิป เสิ่นิกลับหยิบหมากฝรั่งยี่ห้อเอ็กซ์ตร้าใส่มือเขา 2 เม็ด “เคี้ยวสองครั้งหลังอาหาร ดีต่อฟัน ผมหวงเอาไว้ตั้งนานไม่กล้ากิน!”
เสิ่นิไม่ได้โกหก หมากฝรั่งไซลิทอลกล่องเดียว หลายวันมานี้ เขาหวงไว้กินแค่วันละ 1 เม็ดเท่านั้น
คนเฝ้าประตูกำหมากฝรั่งเอ็กซ์ตร้าไว้จนมือไม้สั่น คงจะซึ้งใจมากสินะ?
เซี่ยวอี๋เข้าไปถึงห้องอาหารอ้าวกวนไห่ก่อน บรรยากาศในตอนกลางวันนั้นช่างแตกต่างจากตอนกลางคืน แสงไฟสลัวเคล้าเสียงเปียโน ให้บรรยากาศของความหรูหราและเงียบสงบ
“พี่เซี่ยวอี๋!” ช่างบังเอิญ จี้เฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งเสิ่นิกับเซี่ยวอี๋เคยนั่งรับประทานอาหารเช้ากันเมื่อคราวก่อน เขาลุกขึ้นยืนและกล่าวทักทายเธอ
จี้เฉินซึ่งไม่ได้เจอกันนานหลายปี ตอนนี้ทั้งร่างใหญ่และสูงสง่า รูปร่างสูงกำยำ 180 เิเในเครื่องแบบทหารอากาศสีน้ำเงินเข้มนั้นช่างหล่อเหลา บนบ่าของเขาประดับด้วยยศกัปตัน ด้วยรูปลักษณ์อันอ่อนเยาว์ แต่เขากลับเป็ถึงนาวาอากาศตรี นับว่าเป็เื่ที่ไม่ธรรมดาเลย
เซี่ยวอี๋ซึ่งเติบโตมาด้วยกันั้แ่เด็ก จี้เฉินเกิดทีหลัง ถึงแม้จะห่างกันเพียง 2 วัน แต่เขาก็เรียกเธอว่าพี่เซี่ยวอี๋ พี่เซี่ยวอี๋จนติดปาก ถึงเขาจะขี้อาย แต่สติปัญญาดี ตามมาตรฐานเด็กเรียน
ตอนแรกแถวบ้านพากันคิดว่าเ้าเด็กน้อยคนนี้จะต้องเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือมหาวิทยาลัยชิงหวาอย่างแน่นอน ไม่มีใครคาดคิดว่าปณิธานของเขาคือการได้บรรจุในโรงเรียนนายเรืออากาศ และเมื่อได้รับการบรรจุแล้ว เขาก็เดินเข้าสู่เส้นทางสายทหารนับั้แ่นั้น
“ไม่ต้องเรียกหรอก ฉันเห็นนายแล้ว” และอีกครั้งที่สายตาของผู้คนในห้องอาหารต่างพากันจับจ้องมาที่เธอ
“พี่เซี่ยวอี๋ วันนี้พี่สวยมากเลย!” จี้เฉินยิ้มแย้มสดใส แก้มแดงระเรื่อยามกล่าวคำชื่นชม “นึกถึงสมัยก่อน ที่พี่ชอบแต่งตัวเป็ทอมบอย เด็กแสบคนไหนที่ไม่เคยโดนพี่ซัดจนหงายบ้าง? วันนี้กลายมาเป็สาวงามแล้ว!”
“ไม่เจอกันหลายปี ปากยังเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ ต้องโดนสักหมัดถึงจะสบายใจใช่ไหม” เซี่ยวอี๋ชูกำปั้นสีชมพูขึ้น แต่จี้เฉินในวันนี้กลับไม่กลัวอีกต่อไป ในทางกลับกัน เขากลับคิดว่าพี่สาวคนนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดู
“พี่เซี่ยวอี๋ ที่จริงผม...” จี้เฉินบ่มเพาะความรู้สึกซึ่งกลั่นกรองมาเป็เวลาหลายปี เขาผู้ซึ่งรวบรวมความกล้าและไม่ใช่เด็กกะโปโลดั่งเช่นในอดีต ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก เสิ่นิซึ่งกำลังเช็ดมือด้วยกระดาษชำระก็เดินเข้ามาพอดี
“ที่แท้คุณก็อยู่นี่เอง ให้ผมหาซะตั้งนาน ไม่รอผมเลย” เสิ่นิกับเซี่ยวอี๋แสดงท่าทางสนิทสนม
“ขอร้องล่ะ ก็นายเข้าห้องน้ำ จะให้ฉันรอยังไง จะให้ฉันเป็ยามเฝ้าประตูห้องน้ำชายหรือไง” เซี่ยวอี๋กล่าวอย่างขุ่นเคือง
“โว้ ท่านนี้คือจี้เฉินใช่ไหม สวัสดีครับ สวัสดี!” เสิ่นิยื่นมือไปจับมือเขาอย่างสนิทสนม น้ำที่ติดอยู่บนมือก็ยังไม่ทันได้แห้งดี
“พี่ เขาเป็เพื่อนพี่เหรอ” จี้เฉินสับสน แต่เขาก็ยังจับมือของเสิ่นิด้วยความสุภาพตามมารยาท
“เขาน่ะเหรอ? เป็...แฟนฉันเอง” เซียวอี๋รู้สึกขยะแขยงราวกับกำลังทานของสกปรกในขณะที่พูด
“แฟน? คุณป้าบอกว่าพี่โสดมาตลอดนี่?” จี้เฉินรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ไม่ใช่เพราะพี่สาวมีแฟน แต่เพราะแฟนของพี่สาวกำลังกินน้ำตาลก้อนซึ่งมีไว้สำหรับชงกาแฟ...
“เพิ่งคบกันไม่นาน คงเป็ชะตาฟ้าลิขิตน่ะ” เซี่ยวอี๋ถอนหายใจอย่างเหลืออด เธอเตะขาเสิ่นิซึ่งกำลังจ้องซอสพริกตาเป็มัน
“อย่าไปพูดถึงมันเลย น้องจี้เฉินสั่งอาหารหรือยัง”
“ยังเลย” จี้เฉินเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้มีพี่ชายเพิ่มมาอีกคน
“ถ้างั้นพี่สั่งเลยนะ บ๋อย! ขอเมนูหน่อย!” เสิ่นิดีดนิ้วเรียกบริกร ชัดเลยว่าตานี่กะจะจัดมื้อใหญ่ เขาสั่งกุ้งัหนัก 1.5 กิโลกรัม สเต๊กโกเบชุดสำหรับคนเดียวทาน 2 ที่ เซี่ยวอี๋อับอายมาก หญิงสาวเตะขาให้เขาช่วยเกรงใจหน่อย
จี้เฉินกลับบอกพี่สาวว่าไม่ต้องห้ามเขา ในเมื่อเป็การพบปะกันของเพื่อนฝูง ก็ให้ “พี่ใหญ่” ได้สั่งตามใจชอบเถอะ!
แต่หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟนำบิลค่าอาหารมาให้แล้ว จี้เฉินถึงกับจุก เขาได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นตัวเลข 8,900 หยวน ไม่รวมค่าบริการ เ้าหมอนี่มันไม่รู้จักเกรงใจเลยจริงๆ
“ให้ฉันจ่ายเองดีกว่า” เซี่ยวอี๋ขายหน้ามาก
“เราเป็พี่น้องกันนะ ผมบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยงพี่ จะให้พี่ควักเงินจ่ายได้ยังไง” จี้เฉินพูดพลางควักบัตรเครดิตออกมาเพื่อชำระบิล โชคดีที่อาหารในกองทัพนั้นเสิร์ฟฟรี ในฐานะนักบินาุโ ค่าเบี้ยเลี้ยงของเขาก็ไม่น้อย 8,900 หยวน ยังพอจ่ายไหว
เมื่อเปียโนเพลงสุดท้ายจบลง บริกรก็เริ่มเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะ เสิ่นิหิวเสียจนเหมือนผีกลับชาติมาเกิด เขาไม่สนน้องชายที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว เขาเปิดโอกาสให้เซี่ยวอี๋และจี้เฉินได้ระลึกความหลังกัน
“พี่ นับดูแล้ว เราไม่ได้เจอกันตั้ง 4 ปีกว่าแน่ะ ได้ยินจากคุณป้าว่าพี่ทำงานเป็ตำรวจอยู่ที่สำนักงานตำรวจในเมือง งานอันตรายหรือเปล่า” จี้เฉินยกไวน์องุ่นขึ้น สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล
“อะไรกัน นายก็รู้ว่าฉันร้ายกาจแค่ไหน พวกคนชั่วไม่กล้าหือกับฉันหรอก จริงสิ คุยเื่นายดีกว่า แต่ก่อนนายอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือมหาวิทยาลัยชิงหวาไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารได้”
“ก็เพราะคุณลุงเคยบอกว่า จะไม่มีทางให้พี่แต่งงานกับนักวิชาการธรรมดาๆ มีเพียงข้าราชการทหารหรือเ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ที่จะเป็ลูกเขยตระกูลเซี่ยวได้” ความตรงไปตรงมาของจี้เฉินทำเอาเซี่ยวอี๋ซึ่งกำลังดื่มน้ำอยู่แทบสำลัก
ประโยคเดียวทำเอาบรรยากาศกระอักกระอ่วน เซี่ยวอี๋เตะเสิ่นิใต้โต๊ะอย่างแรงเพื่อขอความช่วยเหลือ คิดแล้วก็เหลือเกิน คนอื่นแสดงความลุ่มหลงต่อแฟนตัวเองต่อหน้าต่อตาแท้ๆ ในฐานะแฟนอย่างเขา เขาควรจะพูดอะไรสักหน่อยไหม
“ผมว่าคุณลุงพูดถูกแล้ว!” เสิ่นิแทะสเต๊กอย่างกับสุนัข พลางพูดอย่างยิ้มๆ “ภรรยาแสบๆ อย่างคุณน้าเซี่ยวอี๋ อ่อนปวกเปียกแบบนักวิชาการ จะเอาเธออยู่ได้ยังไง”
“ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่เรียบจบจากที่ไหนครับ” จี้เฉินถามขึ้นมาดื้อๆ
“ผมเหรอ เริ่มแรกเลย ผมศึกษาวิชาคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะอาหารตะวันออกอย่างประณีต ต่อมาได้ยินว่า เทคนิควิชาขุดเหมืองก็ยอดเยี่ยม ก็เลยย้ายไปเรียนสาขาวิชาเหมืองแร่ที่อาชีวะซานตง เรียนจนเข้าใจถึงแก่นของรถขุดดิน ตอนนี้ผมก็เลยใช้รถแบคโฮทำกับข้าวได้แล้วนะ!” เสิ่นิหัวเราะลั่น เซี่ยวอี๋ทำได้แค่เพียงเบนหน้าออกไปมองทะเลอันดำมืดที่นอกหน้าต่าง แสร้งทำเป็ไม่รู้จักไอ้หมอนี่