"ปีนั้นเซวียนผิงโหวมีอาการใจสั่นอย่างรุนแรง จึงออกจากเมืองหลวงเดินทางไปรักษากับหมอเทวดาเผยที่เขาราชันโอสถ แต่พอไปถึงเชิงเขาก็พบมือสังหารที่ซุ่มโจมตีผูหยางชิงหลันกับหมอเทวดาเผย เซวียนผิงโหวจึงนำองครักษ์ติดตามเข้าไปช่วยเหลือ แต่โรคของตนเองกลับกำเริบไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้"
เซวียนผิงโหวจ้าวจวินเป็บิดาของท่านหญิงหย่งเจีย ข่าวการเสียชีวิตของเซวียนผิงโหว ทำให้องค์หญิงใหญ่คังเต๋อกับท่านหญิงหย่งใแทบสิ้นสติ ไม่อยากเชื่อว่าเป็ความจริง
"มือสังหารเ่าั้เป็คนในตระกูลผูหยาง ถูกส่งมาโดยผู้ที่หมายมั่นตำแหน่งซื่อจื่อหนิงป๋อโหว แม้การเสียชีวิตของเซวียนผิงโหวจะเป็อุบัติเหตุ แต่ผูหยางชิงหลันก็นึกละอายใจตลอดมา ไม่กล้ามองหน้าท่านหญิงหย่งเจีย เพราะเื่นี้เขาจึงสละตำแหน่งซื่อจื่อหนิงป๋อโหว และออกพเนจรประกอบวิชาชีพแพทย์มาตลอดหลายปี จนกระทั่งเพิ่งได้กลับเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้เอง"
หากผูหยางชิงหลันไม่กลับมาเมืองหลวงกะทันหัน ป่านนี้อู่เซวียนตี้อาจพิษกำเริบตไปแล้วก็ได้
ต้วนเฟยเหยียนกัดฟันจนแทบป่นทั้งปาก
ข้างกายอู่เซวียนตี้มีสุนัขเฒ่าเ้าเล่ห์แซ่หลี่คอยดูแล หลายปีมานี้นางจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะหากถูกพบเข้า แค่มือเดียวของสุนัขเฒ่าแซ่หลี่ก็หักคอตนเองได้แล้ว นางเองก็ไม่อยากตายตามบุรุษต่ำช้าน่ารังเกียจคนนั้นไป
นางจำต้องข่มกลั้นความสะอิดสะเอียนยั่วยวนให้เขากินโอสถเพิ่มพลังหยางครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้พิษจากโอสถลูกกลอนยิ่งทวีความรุนแรง
ความสำเร็จเห็นอยู่ตรงหน้า แต่ไม่นึกว่าผูหยางชิงหลันจะกลับมาเมืองหลวงเวลานี้
ต้วนเฟยเหยียนแค้นใจเป็ที่สุด
นางเกิดมาเป็เชื้อพระวงศ์ เดิมทีก็เป็ดั่งธิดา์ ประกอบกับรูปโฉมงดงามมาั้แ่เล็ก ได้ชื่อว่าเป็โฉมสะคราญอันดับหนึ่งของซีฉีั้แ่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่น
ในฐานะบุปผางามเพริศพริ้งแห่งราชวงศ์ ไม่ว่าจะไปที่ใดล้วนได้รับคำยกย่องสรรเสริญ ชีวิตของนางก่อนหน้านี้สามารถเรียกลมเรียกฝนตามอำเภอใจ ได้รับการประคบประหงมเอาอกเอาใจ จนไม่รู้ว่าสิ่งใดคือความทุกข์
จนกระทั่งอายุสิบห้าปี นางเข้าพิธีปักปิ่นเพิ่งเสร็จก็จัดงานเลี้ยงชมวสันต์ที่คฤหาสน์นอกเมือง ที่นั่นอยู่ค่อนข้างไกลห่างจากเมืองหลวง พวกนางจึงพักค้างคืนที่คฤหาสน์นอกแห่งนั้น
ใครเล่าจะคาดคิดว่าโชคร้ายจะมาเยือนถึงตัวนาง ตอนนั้นอู่เซวียนตี้องค์ชายแคว้นฉีรักษาการณ์ชายแดน ได้ยินชื่อเสียงโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งซีฉี จึงลอบแฝงกายเข้ามาในคฤหาสน์นอกของนาง บุกเข้ามาถึงห้องของนาง ด้วยตัณหาบังตา จึงกระทำหักหาญขืนใจนางโดยไม่สนใจว่าเ้าตัวจะยินยอมหรือไม่
หลังจากนั้น เขาก็ยกทัพบุกโจมตีซีฉีจนใกล้มาถึงเมืองหลวง เสด็จพ่อกับพระเชษฐากลัวว่าจะสิ้นแคว้น ยอมเจรจาสงบศึกไม่ว่า ยังส่งนางไปถึงอ้อมแขนของบุรุษที่ข่มเหงนาง
ต้วนเฟยเหยียนแค้นใจมาก ตอนนั้นงานแต่งของนางกับซ่งป๋อเหลียงขาดเพียงแค่หนังสือราชการฉบับเดียว แต่ความหวังและความฝันทั้งหมดของนางกลับต้องถูกหายนะครานั้นทำลายจนหมดสิ้น
ดวงตาของนางจดจ้องใบหน้าอ่อนโยนประดุจหยกของซ่งจิ่งซีเขม็ง เขาช่างคล้ายคลึงซ่งป๋อเหลียงในวัยหนุ่มยิ่งนัก ดวงหน้าสลักเสลาดังมงกุฎหยก ท่วงท่าสง่างาม อ่อนโยนสุขุมคัมภีรภาพ
เมื่อก่อนยามรอบกายไม่มีคนอยู่ เขามักจะเรียกนางด้วยถ้อยคำอ่อนโยนว่า 'น้องหญิงเฟยเหยียน' เสมอ พวกเขายามนั้น ชายมากความสามารถ หญิงงามสะคราญ เหมาะสมกันทุกประการ แต่บัดนี้บุตรของเขากับหญิงอื่นล้วนโตถึงเพียงนี้แล้ว
ต้วนเฟยเหยียนรู้สึกปวดร้าว ไม่มีแก่ใจจะสนทนาต่อ
นางยกมือขึ้นโบก ให้เฝิงหมัวมัวส่งแขก
ซ่งจิ่งซีกับซ่งหนิงซีถูกส่งออกจากตำหนักถิงหวา
"ท่านพี่ ท่านว่าที่ท่านพ่อเ็ากับท่านแม่มาโดยตลอดเป็เพราะนางหรือเปล่า" ซ่งหนิงซีรู้สึกว้าวุ่นใจ
"ท่านพ่อเ็ากับท่านแม่คนเดียวที่ไหน กับอี๋เหนียงเ่าั้ก็เหมือนกันมิใช่หรือ" ซ่งจิ่งซีส่ายหน้า เขายินดีเชื่อความจริงข้อนี้ สตรีนามต้วนเฟยเหยียนแม้รูปโฉมงดงาม แต่ก็เป็เพียงดอกฝิ่นพิษเท่านั้น
ทางด้านตำหนักยงหนิง อู่เซวียนตี้ซึ่งเป็ที่คะนึงหาของเหล่านางสนม มีแถบกระดาษติดอยู่ที่พระนลาฏหลายแผ่น พระเนตรจดจ้องไพ่ในมือ กำลังเล่นอย่างสุขสำราญ
"คู่แปด"
"คู่แจ๊ค มีใครตามหรือไม่"
"คู่คิง ฮึ ตามไม่ไหวแล้วกระมัง"
"ขออภัย คู่สองพ่ะย่ะค่ะ"
"ปัดโธ่... ทำไมเ้าถึงมีคู่สองล่ะ"
อู่เซวียนตี้ร้องโอดครวญ แถบกระดาษขาวบนใบหน้าสั่นระริก
ผูหยางชิงหลันสีหน้าเรียบเฉย แววตาฉายแววกระหยิ่มพลางล้างไพ่ในมือ
"เ้าชนะอีกแล้ว น่าเบื่อจริงๆ" อู่เซวียนตี้เม้มพระโอษฐ์ พระพักตร์ถูกติดกระดาษเพิ่มอีกชิ้น
คนที่ถูกติดกระดาษมากที่สุดคืออู่เซวียนตี้กับอวี๋เฟิงหยาง ส่วนใบหน้าของผูหยางชิงหลันกับหลี่กงกงกลับมีน้อยมาก
"หลี่ฉวนเต๋อ เ้าก็ยอมลดศักดิ์ศรี แกล้งๆ ยอมเจิ้นหน่อยมิได้หรือ" อู๋เซวียนตี้ล้างไพ่พลางบ่นพึมพำ
"แฮ่ม การเล่นไพ่สะท้อนถึงตัวตน ไม่อาจเล่นโกงพ่ะย่ะค่ะ" ผูหยางชิงหลันอธิบายอย่างมีเหตุผล
อู่เซวียนตี้เบะพระโอษฐ์ด้วยความจนใจ
"ฝ่าาควรพักผ่อนได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" ผูหยางชิงหลันมองท้องฟ้า ก่อนหันมามองสีพระพักตร์ของพระองค์ "แล้วก็อย่าแอบเสวยเนื้อสัตว์เล่า ไม่เป็ผลดีต่อการขับพิษ สุราก็มิอาจเสวย ระหว่างที่ยังเสวยโอสถอยู่ สุราเป็ข้อต้องห้าม"
"ชิงหลัน เจิ้นผอมลงมาก ไม่กินเนื้อบ้างจะบำรุงกลับมาได้อย่างไร" อู่เซวียนตี้ลูบพระนาภีแบนราบ ฉลองพระองค์ัที่เคยพอดีตัว เพียงไม่กี่วันก็เปลี่ยนเป็หลวมโพรก หากมิใช่ว่าสดใสกระปรี้กระเปร่าขึ้น ก็น่าคลางแคลงว่าพิษนี้เบาลงหรือหนักขึ้นกันแน่
"ยังเสวยมิได้ชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ แต่หากทรงอยากจริงๆ ก็ให้ห้องเครื่องทำเนื้อมังสวิรัติให้เสวยก็ได้" ผูหยางชิงหลันเอ่ยอีกประโยค
พระเนตรของอู่เซวียนตี้สว่างวาบ เป็ความคิดที่ดี เนื้อมังสวิรัติก็ยังดี อย่างน้อยก็ยังพอมีรสชาติเนื้ออยู่บ้าง
พออารมณ์ดี ก็นึกเื่หนึ่งขึ้นได้ "ชิงหลัน วันที่ยี่สิบ เ้าเป็ตัวแทนเราไปมอบของขวัญให้หย่งเจียด้วยนะ"
ผูหยางชิงหลันหน้าถอดสี
ยังไม่ทันให้คำตอบ อู่เซวียนตี้ก็ขยิบตากับหลี่ฉวนเต๋อ
"ฝ่าา ทรงเหนื่อยล้าแล้ว บ่าวจะประคองกลับไปพักผ่อนนะพ่ะย่ะค่ะ" หลี่ฉวนเต๋อตระหนักรู้ในใจ ดวงหน้าดั่งเปลือกไม้ฉีกยิ้ม แล้วประคองอู่เซวียนตี้กลับห้องบรรทม
เงาของทั้งสองหายลับไปจากใต้ชายคาระเบียงคด
อวี๋เฟิงหยางเก็บของอย่างเบามือ ก่อนแวบออกไปทำงาน ผูหยางชิงหลันยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับอยู่เป็เวลานาน
เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวายุ่งอยู่กับการเย็บกระเป๋าถือแบบใหม่ ใช้ผ้าเนื้อหนาสีแดง ฝากระเป๋าปักลายมวลผกางามวิจิตรสีสันงดงาม
แม้สีแดงจะค่อนข้างเข้ม แต่ก็เข้ากับลวดลายอันวิจิตรบรรจง เป็ความงดงามที่ไม่โอ้อวดเกินไป
"ควรจะห้อยหยกประดับสักชิ้นจะดูสวยขึ้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วกระเป๋าถือขึ้นมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
นี่คือของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้ให้ท่านหญิงหย่งเจีย
"ใช่เ้าค่ะ แขวนพู่หยกประดับสักชิ้นก็งดงาม" อูหลันฮวามองดูรอบกระเป๋า ก็พึงใจอย่างล้ำลึก กระเป๋าใบนี้ พวกนางทำด้วยความตั้งใจ แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยก็ไม่ให้คลาดสายตา ฝีมือการเย็บปักสูงขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
"งั้นก็ต้องออกไปซื้อ พวกเราไปเดินหอเฉียนโหลวกันเถอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระเป๋าถือลง "แต่ข้าดูหยกไม่เป็สิ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มวิตก อย่างไรเสียนี่เป็ของขวัญมอบให้ท่านหญิงหย่งเจีย ถ้าซื้อหยกประดับเนื้อไม่ดีพอ ไม่ขายหน้าแย่หรือ
"คุณหนูเมิ่งน่าจะดูหยกเป็นะเ้าคะ ร้านเป่าฟางไจของนางก็มีหยกประดับ" อูหลันฮวานึกถึงเมิ่งหว่านเหนียง
เซวียเสี่ยวหรั่นครุ่นคิด "งั้นข้าจะลองถามนางดู เ้าช่วยไปให้ข้าหน่อยสิ"
อูหลันฮวายิ้มพลางรับคำ
ไม่ช้าเมิ่งหว่านเหนียงก็ตอบกลับมา นัดหมายให้พรุ่งนี้ไปเดินที่หอเฉียนโหลว
"พอคุณหนูเห็นข้าก็ดีใจมาก หลังจากถามต้นสายปลายเหตุ นางยังประหลาดใจมาก ก่อนกลับยังมอบถุงเหอเปาที่มีเงินในนั้นให้ข้าด้วยเ้าค่ะ
"นางให้เ้า เ้าก็เก็บไว้เถอะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ ขบคิดถึงเื่อื่น "พรุ่งนี้พวกเราไปเดินตลาด ข้าต้องเตรียมตั๋วเงินมากหน่อย หยกประดับราคาค่อนข้างสูง"
ฉวยโอกาสที่เมิ่งหว่านเหนียงช่วยดู ต้องซื้อกลับมาหลายชิ้นหน่อย วันหลังจะได้เอามาทำพู่ห้อยประดับกระเป๋า
