หลันเซียงเห็นคนมาก็ลุกขึ้นจากเตียง แต่เมื่อเห็นผู้มาเป็เย่เฟิง ดวงตาคู่งามก็อดสั่นไหวไม่ได้ ก่อนจะมีน้ำตาไหลรินอาบสองพวงแก้ม
“เย่เฟิง ในที่สุดเ้าก็กลับมาแล้ว!”
จากนั้นหลันเซียงโผเข้ากอดเย่เฟิงอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความโศกเศร้า เมื่อร่างอรชรัักับร่างเย่เฟิงก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากร่างอีกฝ่าย
จ้าวซินอี๋เห็นฉากนี้ก็อดมองค้อนเย่เฟิงหนึ่งทีไม่ได้ นี่ทำให้เย่เฟิงถึงกับเหงื่อตกอย่างช่วยไม่ได้
ชายผู้นี้บอกว่าไม่ได้สร้างปัญหาที่ข้างนอกไม่ใช่หรือ? แต่เหตุใดถึงมีแม่นางกอดเขาเช่นนี้เล่า?
“หลันเซียง เ้าใจเย็น ๆ ก่อน แล้วเล่าเื่ให้ข้าฟัง” เย่เฟิงกล่าวพลางดันร่างหลันเซียงออกจากอ้อมกอดของตนเบาๆ
เมื่อหลันเซียงรับรู้ว่าตนสูญเสียการควบคุมไปเมื่อครู่นี้ก็ผงะออกจากเย่เฟิง และยืนตัวตรงทันที ทั้งยังส่งสายตาขอโทษจ้าวซินอี๋ ซึ่งนางอยู่ที่จวนคังผิงโหวมาสองวันก็ย่อมรู้ดีว่าจ้าวซินอี๋เป็อะไรกับเย่เฟิง นางเองก็รู้สึกยินดีไปด้วย
จ้าวซินอี๋สวยงดงาม แทบไม่มีผู้ใดเทียบเคียงจนหลันเซียงอดถอนหายใจไม่ได้ และผู้หญิงอย่างจ้าวซินอี๋ก็คู่ควรกับอัจฉริยะอย่างเย่เฟิง
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่นาง...”
หลันเซียงฉุกคิดถึงชิงเซียง นางก็คล้ายควบคุมตัวเองไม่ได้ และน้ำตาก็ไหลปริ่มขอบตาอีกครั้ง
“ชิงเซียงนางเป็อะไร?” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และรู้สึกไม่ชอบมาพากล
“ศิษย์พี่ถูกสำนักจับขังคุก อีกครึ่งเดือนนางจะถูกไฟสังเวยแผดเผา!” หลันเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจพร้อมลมปราณแตกซ่านเล็กน้อย
“ถูกจับเข้าคุก? เกิดอะไรขึ้น เ้าเล่ามาให้ละเอียดได้หรือไม่?” เย่เฟิงถามพลางขมวดคิ้วจาง ๆ
เมื่อเอ่ยถึงชิงเซียง ภาพเงาร่างของหญิงสาวผู้เ็าก็ปรากฏในหัวของเย่เฟิง ตอนนั้นที่ก้นบึ้งทะเลสาบมรกต เย่เฟิงเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับชิงเซียงและหลันเซียง เพื่อต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์จากหมู่บ้านหานเสวี่ย พันธมิตรเทียนเตา และสำนักหลิงไถ
แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงจำไม่ลืมเลือนคือความงามหยดย้อยนั้นในถ้ำก้นบึ้งทะเลสาบ แม้ตอนนั้นเย่เฟิงจะช่วยชิงเซียง แต่เรือนร่างที่เปี่ยมเสน่ห์นั้นของชิงเซียงยากที่จะลืมเลือน และยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเย่เฟิงเสมอมา
“หลังเ้ากับข้าสองคนออกจากทะเลสาบมรกต อาจารย์อาที่มาอาณาจักรจ้าวพร้อมกับข้าสองคนก็ถามตลอดว่าใครที่ได้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไป แต่เราไม่ได้บอกว่าเ้าได้มันไป ศิษย์พี่จึงกุเื่เพื่อปกป้องเ้า ซึ่งอาจารย์อาก็เชื่อ แต่เมื่อเราสามคนกลับเทียนเซียงหลินก็ได้ยินว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสี่คนจากสามกองกำลังแห่งจักรวรรดิจิ่วโยวรวมตัวกันจู่โจมสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทำให้อาจารย์อารู้ว่าสิ่งที่ศิษย์พี่บอกเป็เพียงคำลวง จึงโมโหเป็อย่างมาก ถึงกับลงโทษนาง เนื่องด้วยผลึกเจตจำนงแรกเริ่มมีความหมายต่อเทียนเซียงหลิน ความผิดของศิษย์พี่ก็เท่ากับหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ ตามกฎของเทียนเซียงหลิน การหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ต้องถูกลงโทษด้วยไฟสังเวย ซึ่งข้าไม่อยากเห็นศิษย์พี่ถูกลงโทษเช่นนี้ จึงหนีออกมาจากสำนัก รีบรุดมาหาเ้าที่อาณาจักรจ้าวเพื่อขอความช่วยเหลือ”
หลันเซียงเล่าเื่อย่างละเอียดด้วยสีหน้าท่าทางเศร้าสร้อย
“กร๊อบ!”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ตาแดงก่ำและกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่น ความโกรธพลุ่งพล่านในกายราวกับมีเพลิงโทสะกำลังแผดเผา แม้ชิงเซียงจะเป็ผู้หญิงที่ดูเ็าไม่เคยหัวเราะ มิหนำซ้ำยังเรียกเย่เฟิงว่าคนเลวคนไม่ดี และ้าฆ่าเย่เฟิง ทว่านางกลับถูกทางสำนักลงโทษเพียงแค่นางปกป้องเขา แม้เขาเย่เฟิงจะรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ก็อดรู้สึกปวดใจแทนชิงเซียงไม่ได้
“ไฟสังเวยคือการลงโทษแบบไหน? หลังจากถูกแผดเผาแล้วจะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง?” เย่เฟิงระงับอารมณ์โกรธในใจ ก่อนจะเอ่ยถามหลันเซียง
“ไฟสังเวยเป็วิธีลงโทษศิษย์ของเทียนเซียงหลิน เมื่อถูกไฟสังเวยแผดเผาก็เท่ากับมีหนทางรอดรำไร แต่มีศิษย์หลายคนต้องตายเพราะถูกไฟสังเวยแผดเผา ศิษย์พี่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 เกรงว่าโอกาสรอดคงมีน้อย!” หลันเซียงกล่าวด้วยความเป็กังวล
“ชิงเซียงนางอยู่ที่ไหน? หากข้าไปที่เทียนเซียงหลินแล้วจะพบนางได้หรือไม่?”
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของหลันเซียงก็รู้สึกว่าหัวใจของตนกำลังจมดิ่งลงไปไม่หยุด หากชิงเซียงตายเพราะเขา เช่นนั้นเขาเย่เฟิงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
“ศิษย์พี่อยู่ในคุกของเทียนเซียงหลิน ั้แ่ศิษย์พี่ถูกคุมตัวไป ข้าก็ไม่เจอนางอีกเลย เ้าเป็คนนอกก็ยิ่งเจอได้ยากกว่าเดิม เว้นแต่ว่า...” หลันเซียงกล่าว
“เว้นแต่อะไร?” เย่เฟิงเอ่ยถาม ตราบใดที่มีความหวังที่จะช่วยเหลือชิงเซียง แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่มีทางพลาด
“เว้นแต่ว่าเ้าจะหาทางเข้าพบเ้าสำนักของเทียนเซียงหลินข้า หากเ้าสำนักตกลง เ้าจึงจะได้พบศิษย์พี่ แต่หากเ้าอยากช่วยนางออกมาก็เกรงว่าจะยากมาก ๆ นอกเสียจากเ้ายอมส่งมอบผลึกเจตจำนงแรกเริ่มจึงจะมีความหวังอยู่บ้าง”
หลันเซียงกล่าวเช่นนั้น นางนั้นอาศัยอยู่ที่เทียนเซียงหลินมาั้แ่เล็ก ๆ ย่อมรู้ว่าการช่วยเหลือคนคนหนึ่งออกจากเทียนเซียงหลินมันยากเพียงใด ด้วยตบะของเย่เฟิงในตอนนี้ไม่มีทางทำสำเร็จอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้นางจนตรอก นางมองไม่เห็นหนทางว่าจะช่วยศิษย์พี่ออกมาอย่างไร ดังนั้นนางจึงมาขอความช่วยเหลือจากเย่เฟิง หวังว่าเย่เฟิงจะใช้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มแลกเปลี่ยนกับชีวิตของศิษย์พี่นาง
“บอกตามตรง ข้าใช้ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไปแล้ว แต่ในเมื่อชิงเซียงตกอยู่ในอันตรายเพราะข้า ข้าเย่เฟิงไม่มีทางนิ่งดูดาย” เย่เฟิงกล่าวและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของหลันเซียง
แม้หลันเซียงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงจะดูผิดหวังเล็กน้อย แต่นางก็เข้าใจ ถึงอย่างไรไม่ว่าใครได้สมบัติอย่างผลึกเจตจำนงแรกเริ่มก็ไม่มีทางที่จะไม่ใช้มัน ท่าทีของเย่เฟิงทำให้หลันเซียงสบายใจ อย่างน้อยศิษย์พี่นางก็ไม่ได้ช่วยคนผิด เย่เฟิงเป็ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ
เมื่อเย่เฟิงกล่าวจบ เขาก็หันไปมองจ้าวซินอี๋ที่อยู่ใกล้ ๆ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากพูดก็ได้ยินจ้าวซินอี๋พูดขึ้นว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเ้า ไปกับแม่นางหลันเซียงเถิด การช่วยเหลือแม่นางผู้นั้นเป็สิ่งที่เ้าควรทำในตอนนี้”
เมื่อกล่าวจบ จ้าวซินอี๋ก็พยักหน้าให้เย่เฟิง พร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจาง ๆ นางคือผู้หญิงของเย่เฟิง ไม่ว่าเย่เฟิงทำสิ่งใด นางก็ย่อมสนับสนุนเย่เฟิงอยู่เื้ั ขณะเดียวกันจ้าวซินอี๋ก็รู้สึกเห็นใจชิงเซียงที่ประสบกับความทุกข์ทรมาน
“รอข้ากลับมา!”
ขณะที่เย่เฟิงมองใบหน้าอันงดงาม และท่าทีเห็นอกเห็นใจของจ้าวซินอี๋ก็รู้สึกพอใจมาก เขาและจ้าวซินอี๋เพิ่งยืนยันความสัมพันธ์ของกันและกัน หญิงผู้นี้อยู่ข้างกายเขา ไม่บ่นไม่ตำหนิ มิหนำซ้ำยังสนับสนุนทุกสิ่งเขาเลือก ความรักนี้ไม่จำเป็ต้องใช้คำพูดใด ๆ มาอธิบาย
“หลันเซียง เราไปกันเถอะ เ้าพาข้าไปที่เทียนเซียงหลิน” เย่เฟิงกล่าวขึ้นเช่นนั้น
“อืม!” หลันเซียงพยักหน้า จากนั้นส่งสายตาซาบซึ้งใจไปให้จ้าวซินอี๋ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเย่เฟิง
เทียนเซียงหลินนั้นตั้งอยู่ที่ภาคกลางของจักรวรรดิจิ่วโยว เป็หนึ่งในไม่กี่กองกำลังระดับสูงแห่งจักรวรรดิจิ่วโยว มีรากฐานล้ำลึกและลึกลับเป็อย่างมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือหลายปีที่ผ่านมาเทียนเซียงหลินรับเพียงศิษย์ผู้หญิงเท่านั้น กระทั่งมีผู้ชายน้อยคนที่สามารถเข้าเทียนเซียงหลินได้
นอกจากนี้ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเทียนเซียงหลินยังพิเศษมาก ไม่มีพรมแดนติดกับอาณาจักรใด ๆ ของจักรวรรดิจิ่วโยว แต่อาณาเขตห้อมล้อมไปด้วยป่าไผ่หนาทึบและกว้างใหญ่ไพศาล ลือกันว่าป่าไผ่ที่ห้อมล้อมเทียนเซียงหลินกว้างถึงหมื่นลี้ ในนั้นยังมีค่ายกลลวดลายเทวะหลากหลายประเภทที่ทรงพลานุภาพ ซึ่งเป็เกราะป้องกันธรรมชาติของเทียนเซียงหลิน หากศัตรูจากต่างแดน้าบุกรุกก็ต้องฝ่าด่านป่าไผ่หมื่นลี้เสียก่อน
เมื่อเวลากระชั้นชิด พวกเย่เฟิงจึงไม่มีเวลาพัก พวกเขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติที่อยู่ในจวนเ้าเมืองโยวโจวไปยังเมืองหลวงทันที จากนั้นใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนไปยังชายแดนสำนักซวนหยวนแห่งจักรวรรดิจิ่วโยว สุดท้ายพวกเขาใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติในชายแดนสำนักซวนหยวน เพื่อไปยังบริเวณรอบนอกของเทียนเซียงหลิน
อย่างไรก็ตามการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติใช้เวลาไปเกือบสองวัน
“ที่นี่ก็คือบริเวณรอบนอกของเทียนเซียงหลิน” หลันเซียงกล่าวพลางเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก พร้อมดวงตาเผยประกายแสงแห่งความคาดหวัง
“แล้วจะเข้าเทียนเซียงหลินได้อย่างไร?” เย่เฟิงเอ่ยถาม เขา้าช่วยชิงเซียงออกมาให้เร็วที่สุด
“เ้าเป็ผู้ชาย หากอยากเข้าเทียนเซียงหลินก็ต้องผ่านสามด่าน ด่านที่หนึ่งคือค่ายกลปริศนาป่าไผ่ ด่านที่สองคือบันไดเทียนเซียง ด่านที่สามคือสิบสามศิษย์แห่งเทียนเซียง หากเ้าผ่านด่านทั้งหมด เ้าก็จะได้รับสิทธิ์เข้าเทียนเซียงหลิน และหากเ้า้า เ้าสามารถขอศิษย์ที่ตนชื่นชอบจากเทียนเซียงหลินมาเป็ภรรยาได้” หลันเซียงอธิบายให้เย่เฟิงฟัง แต่พอพูดถึงประโยคหลัง ๆ หลันเซียงก็หน้าแดงขึ้นมา ราวกับเขินอาย
แน่นอนว่าคำพูดของหลันเซียงนั้นเป็ความจริง เทียนเซียงหลินลึกลับมาแต่ไหนแต่ไร นอกจากนั้นก็ยังมีชื่อเสียงด้านความงามอีกด้วย
ศิษย์ทั่วไปภายในสำนักสวยงดงาม ไม่มีผู้ใดเทียบเคียง จึงดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์จากทั่วสารทิศ เหตุนี้ทำให้หลายพันปีมานี้มีศิษย์เทียนเซียงหลินจำนวนมากต่างพากันฝ่าฝืนกฎสำนัก โดยมีความรักกับผู้ชายที่อยู่โลกภายนอก กระทั่งละทิ้งสำนักและหนีตามผู้ชายไป จึงส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเทียนเซียงหลินเป็อย่างมาก
ดังนั้นเทียนเซียงหลินจึงเปลี่ยนกฎโดยไม่อนุญาตให้ศิษย์คนใดแต่งงานกับผู้ชาย แต่หาก้าแต่งกับศิษย์เทียนเซียงหลินจริง ๆ ก็จำต้องผ่านเงื่อนไขอันเข้มงวดและต้องเป็อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงจึงจะมีสิทธิ์
เพื่อทดสอบพร์และศักยภาพของผู้ชายที่อยากแต่งกับศิษย์เทียนเซียงหลิน ทางเทียนเซียงหลินจึงสร้างสามด่านนี้ เมื่อผ่านทุกด่าน ชายผู้นั้นจะสามารถพาหญิงผู้เป็ที่รักออกไปได้ แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องยินยอมตามชายผู้นั้นไปจึงจะมีผล
