วันต่อมาในขณะที่ท้องฟ้ายังไม่ทันที่จะสว่างขึ้น ด้านหน้าหอจันทราปรากฏขบวนรถม้าที่หรูหราโอ่อ่าขึ้นแถวหนึ่ง คนที่สัญจรไปมาต่างตกตะลึงกับภาพขบวนรถม้าที่มองไม่เห็นหางแถวที่อยู่ตรงหน้า ภายในเมืองเซียวหุนขบวนรถม้าที่หรูหราโอ่อ่านั้นมีให้เห็นชินตาจนเป็เื่ธรรมดา แต่ขบวนรถม้าที่หรูหราโอ่อ่ายาวจนมองไม่เห็นท้ายขบวนเช่นนี้เป็ครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็น แต่เมื่อพวกเขามองเห็นคนที่กำลังขึ้นรถม้าที่มีธงของทั้งห้าตระกูลโบกสะบัดอยู่ นึกถึงงานประลองาระหว่างเขตปกครองที่กำลังจะเริ่มขึ้นจึงเข้าใจได้ในทันทีและไม่ได้รู้สึกแปลกใจอีกต่อไป
เย่สือซานกับเย่สือชีและกองกำลังเทพแห่งความตายล้วนอารมณ์สดใส อยู่พักภายในหอจันทราเมืองเซียวหุนซึ่งเป็ดินแดนที่ราวกับสรวง์ของเหล่าบุรุษหลายวัน สุขสำราญกับการต้อนรับที่ลูกค้าธรรมดาทั่วไปไม่สามารถจะได้รับ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าเปลี่ยนเป็ผู้ใดก็ย่อมต้องอารมณ์ดีเป็ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต้อนรับระดับดีเยี่ยมที่ได้รับล้วนใช้เงินกองกลางเป็ค่าใช้จ่าย ใช้เงินกองกลางสำหรับเที่ยวเล่นหาความสำราญเช่นนี้ ใครที่ไหนจะไม่มีความสุข?
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเย่ชิงหานจึงต่างยิ้มออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน รอยยิ้มทั้งหยาดเยิ้มทั้งประจบเอาใจ รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปทางประตูทางด้านทิศเหนือของเมืองเซียวหุน ทุกคนเหลียวมองหอสูงทั้งหลายที่อยู่ภายในหอจันทรา ภายในใจยังคงดังก้องไปด้วยคำสัญญาที่เย่ชิงหานให้ไว้ เพียงแค่คิดก็ทำให้ใจคึกคักขึ้นมาทันที
“ขอเพียงพวกเ้าสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ข้าให้พวกเ้าอยู่พักที่หอจันทราได้เป็เวลาหนึ่งเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่สามารถทำผลงานในงานประลองในครั้งนี้ได้ดีที่สุด ข้าจะจัดอาหารชุดใหญ่พิเศษให้แก่ผู้นั้นเป็เวลาหนึ่งเดือน ตอนนี้...พวกเราเดินทางไปสังหารศัตรูกัน!”
หนึ่งเดือน! อาหารชุดใหญ่พิเศษ! เย่สือซานกับเย่สือชีคิดถึงคำพูดของเย่ชิงหานในใจฮึกเหิมขึ้นมาทันที อาหารชุดใหญ่พิเศษ! ครั้งนี้พวกเขาได้ลิ้มรสแค่อาหารชุดแค่ระดับหนึ่งเพียงเท่านั้นยังทำให้ติดใจได้ถึงเพียงนี้ เป็ความทรงจำที่ทั้งชีวิตก็ไม่ลืม...แต่ตอนนี้เย่ชิงหานกลับบอกว่าจะจัดอาหารชุดใหญ่พิเศษให้! และยังเป็เวลาหนึ่งเดือนอีก! กลยุทธ์นี้ของเย่ชิงหานช่างอำมหิตจริงๆ แบบนี้ได้มีคนเอาชีวิตเข้าแลกเป็แน่แท้ แต่แน่นอนว่าภายในใจของพวกเขาเห็นด้วยกับความคิดนี้ของเย่ชิงหาน เห็นด้วยเป็อย่างมาก...!
มองดูกองกำลังเทพแห่งความตายที่ราวกับกินยาปลุกอารมณ์เข้าไป พากันโผล่หัวออกมาจากรถม้าอยู่เนื่องๆ เย่สือซานถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา ในขณะเดียวกันก็ยอมรับนับถือเย่ชิงหานที่นอนกรนคร่อกๆ อยู่ภายในรถม้าอย่างใจจริง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าไปยังเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบด้วย แต่วีรกรรมอันโชติ่ของนายน้อยที่กระทำภายในงาน พวกเขาต่างทำการสอบถามมาอย่างชัดเจน
ไม่คิดว่านายน้อยจะดุดันยิ่งกว่าผู้เป็บิดาเสียอีก ตอนนั้นบิดาของนายน้อยปฏิเสธธิดาศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนตระกูลเยว่กลับไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ แต่ตอนนี้นายน้อยก็ปฏิเสธธิดาศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ทว่าตระกูลเยว่กลับประจบเอาใจอย่างถึงที่สุด เหลือเพียงแค่ไม่ได้ร้องไห้คุกเข่าจับชายกางเกงของนายน้อยเพื่อขอร้องให้รับธิดาศักดิ์สิทธิ์คนนี้ไว้เพียงเท่านั้น ทำไมถึงพูดอย่างนี้น่ะรึ? ก็เพราะว่ารถม้าห้าคันที่หรูหราโอ่อ่าของตระกูลเยว่ที่อยู่ด้านหลังสุดเป็เครื่องพิสูจน์ยืนยันได้เป็อย่างดี
.................................
เมืองเซียวหุนอยู่ไม่ห่างจากเมืองัมากนักเดินทางเพียงห้าหกวันก็ถึง ขบวนรถม้าของทั้งห้าตระกูลกับรถม้าอีกหนึ่งคันของหลงสุ่ยหลิวเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรบนถนน เหล่าคุณชายทั้งหลายอาจจะเป็ไปได้ว่าเหน็ดเหนื่อยจากงานเลี้ยงเมื่อคืนวานหรือด้วยเหตุผลอื่น ในการเดินทางวันแรกต่างไม่ได้ลงจากรถม้าด้วยกันทั้งหมดราวกับนัดกันไว้ แม้กระทั่งทานข้าว ถ่ายหนักเบาก็ล้วนกระทำเสร็จสรรพบนรถม้า
ในวันที่สอง เหล่าคุณชายทั้งหลายเริ่มออกมาสูดอากาศกันบ้างในขณะที่ทานอาหาร ฮวาเฉ่า เฟิงจื่อและหลงสุ่ยหลิวหลังจากที่ได้พักผ่อนไปหนึ่งคืนก็ราวกับว่าได้ลืมเลือนเื่ที่ทำให้ไม่มีความสุขในงานเทศกาลโคมไฟฤดูร้อนจนหมดสิ้น ต่างพูดคคุยหัวเราะกันอยู่ภายในโต๊ะอาหารตัวหนึ่งพร้อมกับเนื้อย่างแกล้มเหล้าชั้นดีที่อยู่บนรถพูดคุยหยอกล้อกันไปเรื่อยเปื่อย
ในตอนนี้เองคิ้วของเฟิงจื่อกระดกขึ้นมองไกลออกไปยังเงาร่างของผู้ที่กำลังเดินเข้ามา จากนั้นยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “นายน้อยหานดูท่าจะยุ่งมาก ขนาดว่าเวลาทานข้าวยังไม่มี!”
ผู้ที่เดินเข้ามาคือตงฟางเตา หลังจากจบงานเทศกาลที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ พวกตงฟางเตาทั้งห้าคนก็เริ่มติดตามเย่ชิงหาน เพียงแต่ว่าทั้งห้ายังไม่ค่อยสนิทกับพวกเย่สือซานจึงทำเพียงแค่นั่งเงียบๆ อยู่ด้านหลังรถม้าของเย่ชิงหาน วันนี้ออกมาทานอาหารเฟิงจื่อจึงบอกให้เขาไปเชิญเย่ชิงหานออกมาดื่มด้วยกัน
“คุณชายเฟิง คุณชายฮวา คุณชายหลง เ้านายน้อยของข้าบอกว่าจะเก็บตัวฝึกฝนสักหลายวัน ไม่สามารถมาดื่มเป็เพื่อนพวกท่านได้ ดังนั้นจึงให้ข้ามากล่าวแสดงความขอโทษแทน บอกว่าหลังจากเก็บตัวฝึกฝนเสร็จจะมาขอไถ่โทษด้วยเหล้าไหหนึ่งแทน” ตงฟางเตาทำตัวราวกับว่าตนเองที่เคยมีฐานะเป็นายน้อยเป็คุณชายมาก่อนนั้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่ในฐานะผู้รับใช้ของเย่ชิงหานเป็เื่ที่สมเหตุสมผลไม่น่าแปลกแต่อย่างใดเสียอย่างนั้น เพียงแค่วันเดียวเขาก็ยอมรับเป็ผู้รับใช้ของเย่ชิงหานอย่างเต็มใจ น้ำเสียงคำพูดและกิริยามารยาทที่แสดงออกมาล้วนไม่ต่างจากผู้รับใช้ทั่วๆ ไปแม้แต่น้อย
“ตงฟางเตา เ้าเป็คนมีพร์ เ้ายินยอมเป็ผู้ติดตามรับใช้ของตระกูลเย่จริงๆ รึ?” เฟิงจื่อโบกมือไปมาแสดงออกว่าเขาไม่ได้ถือสาในเื่นั้น แต่กลับมองตงฟางเตาอย่างประหลาดใจแทน วันนี้เขาเพิ่งได้รับข่าวสารจากทางตระกูลเกี่ยวกับตงฟางเตาทั้งห้าคนรวมถึงข่าวสารที่เกี่ยวกับตระกูลของพวกเขาทั้งห้าด้วย ทั้งห้าล้วนทำตัวไม่โดดเด่น แต่ที่น่าใคือพวกเขาล้วนมีพลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ อายุเท่านี้ พลังฝีมือขนาดนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนล้วนโดดเด่นในที่แห่งนั้น แต่วันนี้ลักษณะของตงฟางเตาทำเหมือนกับว่ายินดีที่จะเป็ผู้รับใช้ของเย่ชิงหานอย่างไรอย่างนั้น
“ถูกต้อง! ตงฟางเตา ด้วยพร์และพลังฝีมือของพวกเ้าทั้งห้าคนไม่ว่าอยู่ที่ไหนล้วนส่องแสงเจิดจรัสได้ไม่ต่างจากดวงดารา หากพวกเ้าทั้งห้าติดตามข้าละก็ ข้าเป็พี่พวกเ้าเป็น้องและจะปฏิบัติต่อพวกเ้าไม่ต่างจากปฏิบัติต่อนักรบของเขตปกครองเลย ทำไมต้องลำบากติดตามเป็ทาสรับใช้เย่ชิงหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูเหมือนว่าเย่ชิงหานจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไรด้วย” หลงสุ่ยหลิวพูดอธิบายขึ้นอีกคน หัวเราะเหอะๆ ออกมา พยายามจะยุแยงตะแคงรั่ว
“ขอบคุณในความปรารถนาดีของคุณชายเฟิง ส่วนคุณชายหลงต่อไปข้าหวังว่าจะไม่ได้ยินคำพูดในลักษณะนี้อีก บิดาของพวกข้าทั้งห้าล้วนได้รับการช่วยชีวิตจากเ้านายใหญ่และได้สาบานจะรับใช้ผู้เป็สายเืของเ้านายใหญ่ตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้จะเป็ทาสรับใช้ก็ต้องดูว่าเป็ทาสรับใช้ของผู้ใดมิใช่รึ? และพวกข้าทั้งห้าคิดว่าสามารถเป็ทาสรับใช้ของเ้านายน้อยหานนั้นเป็วาสนาของพวกข้าเสียด้วยซ้ำ” สีหน้าของตงฟางเตายังคงราบเรียบอยู่เช่นเดิม เพียงแต่เมื่อได้ยินคำว่าทาสรับใช้ที่หลงสุ่ยหลิวพูดออกมาดวงตาของเขาพลันปรากฏแสงที่ราวกับมีดดาบแหลมคมวาบผ่าน จากนั้นจึงประสานมือขึ้นแล้วก็เดินจากไปเงียบๆ เดินตรงไปร่วมรับประทานอาหารกับพวกหนานกงที่อยู่ข้างๆ
“เอ่ออ...!”
หลงสุ่ยหลิวถูกคำพูดของตงฟางเตาทำเอาสะอึกไปในทันที เอามือถูจมูกไปมาแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
“หลงสุ่ยหลิว หากเป็ข้าจะไม่พูดประโยคที่เ้าพูดเมื่อสักครู่ออกไปอย่างแน่นอน คิดว่าเ้าคงยังไม่ได้ดูข่าวสารที่เย่ชิงหานทำอะไรไว้บ้างในตระกูล เย่ชิงหานเป็คนที่ดุดันเหี้ยมเกรียมเป็อย่างมาก พวกตงฟางเตาทั้งห้าสามารถยอมรับและติดตามเขาได้อย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้ คาดว่าสิ่งที่เขาเคยกระทำย่อมต้องมีส่วนสำคัญเป็อย่างมาก!” มองเห็นใบหน้าที่งุนงงของหลงสุ่ยหลิว เฟิงจื่อยิ้มจางๆ บิดคอไปมาแล้วพูดขึ้น
“เ้าเด็กคนนี้อำมหิตเหี้ยมเกรียมของจริงเลยละ! พี่สุ่ยหลิว ข้าขอเตือนท่านด้วยความหวังดี ถ้าหากไม่สามารถเป็มิตรกับเขาได้ ดีที่สุดคืออย่าได้ผิดใจหรือเป็ศัตรูกับเขาเป็อันขาด!” ฮวาเฉ่าที่ยังไม่ได้พูดใดๆ เห็นสีหน้าของหลงสุ่ยหลิวยังคงทำท่าไม่เข้าใจจึงพูดเตือนออกมาด้วยความจริงใจ
หลงสุ่ยหลิวคิ้วขมวดขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็หลานของท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครอง แต่ในด้านข่าวสารแล้วสู้พวกเฟิงจื่อไม่ได้ที่มีศูนย์ข้อมูลต่างๆ อยู่ในมือ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ดุดันเหี้ยมเกรียมอย่างไร?”
เฟิงจื่อดื่มเหล้าอันหอมหวานไปก่อนคำหนึ่งก่อนที่จะเหลียวซ้ายแลขวาแล้วเขยิบเข้ามาพูดขึ้น “เ้าเด็กคนนี้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนพลังฝีมือยังอยู่แค่ระดับขอบเขตขั้นสูง สัตว์อสูรก็ยังเรียกออกมาไม่ได้ ถูกทางตระกูลมองว่าเป็ไอ้ขยะไร้ค่า แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนพลังฝีมือกลับรุดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มแรกคือที่เมืองหมัน เขาอาศัยพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตยอดยุทธ์สังหารลูกน้องของเสว่อู๋เหินไปถึงห้าคนด้วยตัวเองคนเดียว หนึ่งในนั้นมีผู้ที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ด้วยคนหนึ่ง พอกลับมาถึงตระกูลก็สังหารศิษย์สายในของตระกูลที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ไปอีกหลายคน จากนั้นทำลายวรยุทธ์ของเย่ชิงขวงจนถูกเหล่าผู้าุโของตระกูลล้อมเอาไว้แต่ก็ยังฆ่าเขาไม่ตาย แต่กลับกลายเป็ว่าเย่หรงที่พลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิถูกเขาฆ่าตายไปอีกคน
สุดท้ายเื่ราวบานปลายจนชักนำเย่เทียนหลงกับพวกตาแก่อีกสองคนออกมาจากูเาด้านหลัง แต่ไม่รู้ว่าทำไมเย่ชิงหานสังหารคนไปจำนวนมากเย่เทียนหลงกลับไม่ได้ลงโทษเขา ในทางตรงกันข้ามกลับกักบริเวณเย่เจี้ยนไว้ทีู่เาด้านหลัง และยังไล่เย่ชิงขวงออกจากจวนจ้าวเมือง ตอนนี้เ้าสังเกตท่าทางของเย่ชิงหนิวดีๆ จะเห็นได้ว่าตระกูลเย่ในตอนนี้ประคบประหงมเขายิ่งกว่าสมบัติล้ำค่าเสียอีก แล้วเ้าว่าอย่างนี้เขาดุดันเหี้ยมเกรียมหรือไม่เล่า?”
พรวดดด...!
แรกเริ่มหลงสุ่ยหลิวยังคงจิบเหล้าอย่างสบายใจ แต่เมื่อได้ยินว่าเย่ชิงหานสังหารเย่หรงที่เป็ถึงผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ เขาถึงกับพ่นเหล้าออกมาอย่างลืมตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความไม่เชื่อ เมื่อฟังเฟิงจื่อพูดจบจึงส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “เป็ไปไม่ได้ เขาเพิ่งอายุเท่าไรเอง? อายุสิบห้าสิบหกสามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ? ข่าวกรองพวกนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเ้าก็พูดเองว่าเมื่อหลายเดือนก่อนเขายังเป็แค่ไอ้ขยะที่มีพลังฝีมือแค่ระดับขอบเขตขั้นสูง แล้วอย่างนี้จะสามารถสังหารผู้มีพลังฝีมือในระดับาาจักรพรรดิได้อย่างไร? เป็ไปไม่ได้!”
ฮวาเฉ่าในตอนนี้ก็เขยิบเข้ามา แม้ใจดวงตาของเขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ใบหน้าพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข่าวกรองเป็จริงแท้แน่นอน ข่าวกรองของตระกูลข้าก็ไม่แตกต่างกัน แม้รายละเอียดของเื่ราวตระกูลของข้าก็ไม่รู้ แต่เื่ที่เย่ชิงหานสังหารเย่หรงนั้นเป็เื่จริงอย่างแน่นอน เื่นี้ถือเป็เื่ใหญ่มากในตระกูลเย่ตอนนั้น คิดว่าลุงของเ้าก็คงได้รับข่าวแล้วเช่นเดียวกัน ทางตระกูลของข้าสั่งกำชับมาว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามอย่าได้ผิดใจกับเย่ชิงหานเป็อันขาด เ้าเด็กคนนี้หากเ้าผิดใจกับเขาละก็ เขาจะลงมือสังหารเ้าโดยไม่สนใจสิ่งใดๆ เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามการคาดคะเนของทางตระกูลข้า ผู้มีพลังฝีมือต่ำกว่าระดับขอบเขตนักรบลงไปเขาสามารถสังหารได้ในพริบตา! ส่วนผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตนักรบเขามีโอกาสอย่างมากเช่นกันที่จะสังหารได้ในพริบตา เหตุผลที่แท้จริงเพราะอะไรนั้น...ยังไม่ทราบแน่ชัด!”
เพล้ง!
ได้ฟังคำที่ฮวาเฉ่าพูดมา มือของหลงสุ่ยหลิวเกิดอาการสั่นขึ้นแก้วเหล้าที่อยู่ในมือพลันหล่นลงสู่พื้นแตกออกเป็เสี่ยงๆ กลางฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ ภายในใจหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ตนเองที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำไปท้าต่อสู้ตัดสินกับเขา สุดท้ายกลับเป็ฝ่ายถูกตบลงไปนอนกองกับพื้นเสียเอง พอตื่นขึ้นมาหลงอู่บอกว่าเย่ชิงหานออมมือให้เขาก็ยังไม่เชื่อ ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้วตนเองในตอนนั้นได้ไปเดินเล่นที่หน้าบ้านของยมบาลมาแล้วรอบหนึ่งท่าจะเป็ความจริง
ยิ่งตอนนี้เย่ชิงหานถูกตระกูลเยว่แต่งตั้งให้เป็ผู้าุโนอกตระกูลอีก สามารถพูดได้เลยว่ารวมขุมกำลังของทั้งสองตระกูลเป็หนึ่งเดียว ตนเองยังคิดอยู่ว่าเมื่อถึงเมืองัจะหาทางแก้แค้นเย่ชิงหานอย่างไรดี? ตอนนี้ดูท่าไม่น่าจะเป็ไปได้แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นทั่วทั้งสรรพางค์กายพลันสั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นรีบนำรายชื่อของเย่ชิงหานมาจัดไว้เป็หนึ่งในบุคคลที่ไม่ควรที่จะล่วงเกินเป็อย่างยิ่ง
เย่ชิงหานในตอนนี้แน่นอนว่าไม่ได้ทำเป็เล่นตัว เขากำลังฝึกฝนอยู่จริงๆ
ตอนนี้ยิ่งใกล้เมืองัเข้าไปทุกที เขาต้องรีบฉกฉวยเวลาในการฝึกฝนให้ได้มากที่สุด แม้ว่าตอนนี้จะบรรลุถึงระดับขั้นแรกขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้วก็ตาม แต่การปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์บอกให้รู้ว่าเป็ผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตนี้เขายังทำมันไม่ได้เลย ดังนั้น หลังจากที่พักผ่อนไปหนึ่งวันจึงบอกกับเย่สือซานว่าจะเก็บตัวฝึกฝนสักหลายวัน เขาจะต้องเรียนรู้ให้เข้าใจถึงวิธีการและเทคนิคในการปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกให้ได้ก่อนที่จะเดินทางไปถึงยังเมืองั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้