คนรับใช้เ่าั้ของเขาตอนนี้พักอยู่ในห้องอื่น มีเพียงเขาที่ตามติดเริ่นเสี้ยวเทียน ไม่ออกห่างแม้เพียงครึ่งก้าว
“ใครกัน”
เริ่นเสี้ยวเทียนถาม
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้ามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้ข้าต้องโชคร้ายมากแน่ๆ เ้าบอกข้าได้ไหมว่าพลังยุทธ์ของพวกเ้าอยู่ในขั้นไหน”
เฝิงเป่าเป่านั่งกระสับกระส่ายมาั้แ่เรือเสวียนอู่เริ่มออกตัว
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากขึ้นเรือเสวียนอู่มาแล้วจะให้ผู้คุมเรือมาเป็ผู้คุ้มกันให้ แต่หลังจากเจอเริ่นเสี้ยวเทียน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเชื่อใจเริ่นเสี้ยวเทียนเป็พิเศษ
“วางใจได้ พลังยุทธ์ขั้นราชันก็เพียงพอที่จะปกป้องเ้าได้ คนบนเรือนี้นอกจากผู้คุมเรือแล้ว คนที่มีพลังยุทธ์เหนือกว่าขั้นราชันมีเพียงสามคน รออยู่เงียบๆ ก็พอ”
เริ่นเสี้ยวเทียนรับเงินมาแล้วต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ ในเมื่อจะปกป้องแล้วก็ต้องปกป้องให้ดี
“ที่แท้เ้าก็มีพลังยุทธ์ขั้นราชันแล้ว! คุ้มค่า คุ้มค่ายิ่งนัก”
หลังจากได้ยินว่าขั้นราชัน เฝิงเป่าเป่าจึงกล่าวออกมาทันทีว่าคุ้มค่า ใช้เงินสองแสนเหรียญทองเชิญขั้นราชันคนหนึ่งมาปกป้องตนเองได้ ราคานี้ไม่แพงเลย แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ ตรงหน้าเขาไม่ได้มีขั้นราชันเพียงคนเดียว แต่มีถึงสี่คน
“ตอนนี้เ้าบอกตัวตนของเ้าให้ข้ารู้ได้แล้วกระมัง”
“คุณชายรอก่อนได้หรือไม่”
“ไม่ได้หรอก ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าจะปกป้องเ้าอย่างเต็มที่ ข้าต้องทำได้อย่างแน่นอน แต่หากว่ามีคนมาตามหา ข้าคงควบคุมไม่ได้แล้วคงต้องคืนเงินให้กับเ้าอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ๆๆ คุณชายเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็คนดีจริงๆ ตระกูลข้าค่อนข้างมีเงิน ทำการค้า ท่านเองก็รู้ว่าทำการค้ามักถูกโจรเพ่งเล็ง ครั้งนี้ข้ามาหาซื้อของจึงโดนจับตามอง ตอนนี้ข้าต้องพึ่งตนเองแล้ว ข้าเชื่อว่าคุณชายต้องรักษาความลับให้ข้าและปกป้องข้าได้อย่างแน่นอน
เฝิงเป่าเป่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ เขามองคนค่อนข้างแม่นยำ มั่นใจได้ว่าเริ่นเสี้ยวเทียนไม่มีทางหักหลังเขา ตราบใดที่ตามติดเริ่นเสี้ยวเทียนเขาต้องปลอดภัย
เดิมทีกลุ่มของเขามีมากกว่าสามสิบคน แต่ละคนมีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษกันทั้งนั้น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจหนึ่ง สามสิบคนนั้นต้องสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องเขาให้หนีมาได้ เขาเร่ร่อนอยู่นานมากกว่าจะมาถึงเมืองเสียเยว่ได้ เตรียมตัวกลับไปยังเขตตะวันตกก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีต่อไป
เขามีเงินติดตัวเพียงหนึ่งล้านเหรียญทอง ทว่าเขาเอามาใช้จ้างผู้คุ้มกันโดยไม่เสียดาย
“หากเป็เช่นนี้ ข้าจะเชื่อเ้าไปก่อนแล้วกัน”
เริ่นเสี้ยวเทียนพยักหน้า เขาเต็มใจที่จะรับงานนี้
เนื่องจากในโลกนี้เหรียญทองมีความสำคัญมาก หากมีเงินมากพอไม่ว่าใครก็สามารถเชื้อเชิญมาได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงขั้นราชันอย่างเขาเลย
ที่ด้านนอก เรือเสวียนอู่ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โลกเบื้องล่างมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว กระทั่งลอยสูงขึ้นไปในชั้นเมฆ เบื้องล่างจึงกลายเป็ทะเลสีขาวไปทั้งหมด
การโดยสารเรือเสวียนอู่ ความจริงแล้วเป็ความใฝ่ฝันทั้งชีวิตของคนทั่วไปส่วนใหญ่
พวกเขามิอาจฝึกฝนได้ จึงมิอาจหลุดจากแรงโน้มถ่วงของทวีปหลิงโซ่วได้ ทั้งชีวิตนี้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่บนพื้น บนท้องฟ้าเป็อย่างไรไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย
ั้แ่ที่มีเรือเสวียนอู่ สามารถทำให้คนธรรมดาได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์บนท้องฟ้าได้
เพียงแต่ว่าค่าโดยสารเรือเสวียนอู่นั้นแพงมาก คนธรรมดาส่วนใหญ่เก็บเงินทั้งชีวิตยังได้ไม่มากขนาดนั้น การโดยสารเรือเสวียนอู่จึงกลายเป็ความใฝ่ฝัน
รอบนอกของเรือเสวียนอู่มีค่ายกลขนาดใหญ่ติดตั้งไว้เพื่อปกป้องเรือเสวียนอู่ทั้งลำ เมื่อมีค่ายกลนี้ แม้จะอยู่สูงจากพื้นกว่าสามพันจั้งก็สามารถต้านทานแรงลมได้ราวกับยืนอยู่ที่พื้น และเรือเสวียนอู่ยังเดินทางได้อย่างราบรื่น ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เรือไหวเอนมาก่อน
เรือเสวียนอู่กำลังเดินทางเข้าสู่แนวราบแล้ว
หลังจากทุกคนคุยกันในห้องของเสิ่นเสวียนแล้ว ต่างแยกย้ายกลับห้องของตนเอง
ตั๋วโดยสารใบละสามหมื่นเหรียญทอง การบริการเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม
หลังจากทุกคนออกไปกันแล้ว เสิ่นเสวียนจึงเอนตัวลงบนเตียง เบื้องหน้าของเขาคือหน้าต่างพอดี ทำให้มองเห็นเมฆภายนอกได้อย่างชัดเจน
สิบวันหลังจากนี้จะไปถึงเขตตะวันตกแล้ว จุดหมายปลายทางของเขาก็กำลังจะถึงแล้วเช่นกัน
สถาบันิญญา!
นี่คือสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในความทรงจำที่เขาได้รับมา เขาอยากรู้เหมือนกันว่าสถาบันที่กล้าเรียกตัวเองว่าสถาบันิญญาจะเป็อย่างไร
ในความเป็จริงเขามีเื่อยากทำตั้งมากมาย แต่ตอนนี้เขายังทำไม่ได้
อย่างเช่นคลายผนึกของผังเมืองซานเหอแล้วเอาของล้ำค่าของตนเองออกมาจากในนั้น ฝึกฝนถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว เขาสามารถคลายผนึก่ต้นได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ต้องไปถึงเขตตะวันตกก่อนแล้วหาสถานที่ลึกลับในการฝึกฝน
เขายังต้องใช้ร่างของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงมาสร้างเป็หุ่นเชิดด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ไม้ตายของเขาในตอนนี้
อีกทั้งเขาต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จก่อนเข้าสู่สถาบันิญญาด้วย
แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ ทั้งด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่อยู่สูงมาก ด้านล่างไม่รู้ว่าเป็อาณาเขตของใคร หากโดนบุคคลยิ่งใหญ่จับตามองต้องแย่แน่ๆ
“ครุ่นคิดปัญหาชีวิตอยู่หรือ”
ขณะนั้นเสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์พลันดังออกมาจากในมิติ
จากนั้นคลื่นพลังจิติญญาพลันสั่นไหว แล้วร่างเงาของนางก็ปรากฏขึ้น
“ในนั้นไม่มีใครก็เลยเบื่ออย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนยิ้มพลางมองเสวียนหลิงเอ่อร์ปรากฏตัวขึ้นในห้องตนเองด้วยชุดสีแดง
“ใช่! น่าเบื่อมาก ไม่ได้ออกมาตั้งนานแล้ว รู้สึกดีจริงๆ”
เสวียนหลิงเอ่อร์กางแขนออก นางยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองทะเลเมฆกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตด้านนอกด้วยความสุข
“ความจริงแล้ว ด้วยพลังของท่านหากอยากออกมาเป็เื่ง่ายดายมาก ไม่ต้องผ่านข้าเลย”
“ข้าออกมานั้นง่ายดายมาก แต่คิดตามหาร่างที่เหมาะสมสักร่าง และต้องรับรองว่าจะไม่ตายกลางคัน เื่นี้ค่อนข้างยาก ข้าไม่เหมือนกับเ้า ร่างนี้เ้ายึดครองมาเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ ข้ายึดครองมา”
“แสดงว่าเ้าต้องมีศาสตราเซียนบางอย่างอยู่กับตัว ทำให้ร่างนี้และจิติญญาของเ้าหลอมรวมเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ท่านอยากได้หรือ”
“ข้าไม่สนใจหรอก ข้าอยากหาร่างกายสักร่าง แต่ยากมากเกินไป ข้าไม่มีทางทำลายร่างจิติญญาของตนเองแล้วฝึกฝนใหม่ั้แ่ต้นเหมือนกับเ้าได้หรอก”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า เขาเห็นด้วยในคำของอีกฝ่าย
ที่เขาสามารถหลอมรวมร่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์อาจเกี่ยวข้องกับผังเมืองซานเหอก็ได้ บวกเข้ากับร่างจิติญญาของเขาที่ค่อนข้างอ่อนแอจึงแฝงเข้ามาในร่างนี้ได้อย่างราบรื่น ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งอื่น ส่วนร่างจิติญญาของเสวียนหลิงเอ่อร์กลับแข็งแกร่งมาก หากใช้ร่างทั่วๆ ไป ไม่มีทางรับมือกับอานุภาพของร่างจิติญญาได้ ส่วนร่างที่แข็งแกร่งก็มิอาจหลอมรวมได้เหมือนกับร่างของเสิ่นเสวียน
ความคิดนั้นจึงถูกพักไว้ก่อน
“อย่างนั้นท่านคิดจะเป็จอมยุทธ์ิญญาอย่างนั้นหรือ” เสิ่นเสวียนถาม
“จอมยุทธ์ิญญา ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด แต่ข้าไม่ชอบความรู้สึกล่องลอยเป็ไอิญญาแบบนั้น ก็เลยปล่อยไป” เสวียนหลิงเอ่อร์ส่ายหัว
“ในเมื่อเ้าสามารถล่วงเกินบุคคลเช่นนั้นได้ และยังโดนไล่ล่ามาจนถึงที่นี่ แสดงว่าเ้าต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเทพยุทธ์จิติญญามาก่อน!”
“เทพยุทธ์จิติญญา! ท่าน้าเป็เทพยุทธ์จิติญญาอย่างนั้นหรือ”
หลังจากเสิ่นเสวียนได้ฟังก็ตื่นใจนอ้าปากค้าง แล้วก็ถอนหายใจในความทะเยอทะยานของอีกฝ่าย
สิ่งที่เรียกว่าเทพยุทธ์ คือการเหนือกว่าอาณาจักรเซียน เข้าสู่อาณาจักรเทพไปแล้ว
แม้แต่เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์อย่างเสิ่นเสวียน หากอยู่ในอาณาจักรเทพยังใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
อาณาจักรเทพคือสิ่งที่เหนือกว่าอาณาจักรเซียน ส่วนอาณาจักรเซียนปกครองสามพันโลก
อาณาจักรเทพปกครองทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ความทะเยอทะยานของท่านยิ่งใหญ่นัก เลื่อมใส เลื่อมใส”
เสิ่นเสวียนไม่ได้ดูถูกเสวียนหลิงเอ่อร์ แต่เพราะยากมากเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะประสบความสำเร็จได้ ยิ่งใหญ่จนไม่อาจเป็จริงได้
เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ต้องฝ่าด่านเคราะห์อัสนีเก้าครั้ง ั้แ่ครั้งที่หก อานุภาพที่ต้องรับมือแข็งแกร่งเทียบได้กับด่านเคราะห์เทพขนาดย่อม หาก้าเป็เทพยุทธ์จิติญญาจำเป็ต้องฝ่าด่านเคราะห์เทพให้ได้ ร่างจิติญญาค่อนข้างเปราะบาง ด่านเคราะห์อัสนีที่ต้องเผชิญจะมีระดับที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก
“มีความทะเยอทะยานไม่ใช่เื่เลวร้าย อยู่กับเ้าข้าค่อนข้างวางใจ”
เสวียนหลิงเอ่อร์มองเสิ่นเสวียนอย่างมีเลศนัยและยิ้มน้อยๆ ลักยิ้มเล็กๆ ของนางยิ่งส่งให้นางงดงามกว่าเดิมมาก