ซูหรงหรงจ้องหน้าจ้านอี้หยางอยู่พักหนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร
เธอถือเป็ผู้หญิงคนแรกที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตของจ้านอี้หยาง
เมื่อถูกซูหรงหรงมอง เขารู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเองเขาออกคำสั่งเสียงแข็งตามความเคยชิน
“ซูหรงหรง กลับไปนั่งที่ของเธอ”
“โอ๊ะ”
ซูหรงหรงผละตัวออกก่อนจะดีดตัวกลับไปนั่งที่นั่งข้างคนขับและไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัย
บัดนี้จิตใจของซูหรงหรงรู้สึกขมุกขมัวอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงอำเภอจ้านอี้หยางต้องเรียกเธออยู่หลายรอบ ก่อนเธอจะได้สติกลับคืนมา
เธอลงรถแล้วเดินตามจ้านอี้หยางเข้าไปในอำเภอระหว่างทางซูหรงหรงกระตุกแขนเสื้อของเขาเบาๆ
“ปกติแล้ว นายยุ่งมากเลยเหรอ?”
จ้านอี้หยางชะงัก ก่อนริมฝีปากของเขาจะเผยอยิ้มออกมา
“กลัวฉันจะไม่มีเวลาให้เธอเหรอ?
“…”
กลัวนายจะไปมีผู้หญิงอื่นต่างหาก!
จ้านอี้นึกว่าตัวเองทายความคิดของยัยกระต่ายน้อยถูก ใบหน้าของเขายังคงเผยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะพยายามหาเวลากลับบ้าน”
“…”
ซูหรงหรงยังไม่ทันได้มีโอกาสอธิบายก็ถูกจ้านอี้หยางลากเข้าไปด้านใน
คนอื่นๆเมื่อมองมาคงคิดว่าสองคนนี้เป็คู่รักหวานชื่นที่กำลังร้อนใจอยากจดทะเบียนสมรสพวกเขาจึงหลีกทางให้ทั้งสองอย่างง่ายดาย
วันนี้เป็วันดีที่หากดูตามฤกษ์แล้วคู่ไหนที่ได้จดทะเบียนวันนี้จะไม่มีวันหย่าร้างกัน ฉะนั้นภายในอำเภอจึงมีแต่บรรดาคู่รักเต็มไปหมด
ซูหรงหรงลอบถอนหายใจ คงจะต้องรอคิวนานมากแน่ๆ ตาของเธอสอดส่องมองหาที่นั่งดีๆสักที่หนึ่ง
แต่ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อเธอมองออกไป เธอกลับพบว่าผู้คนมากมายกำลังจ้องมาที่เธอ
คู่รักที่อยู่ใกล้ที่สุดกำลังเหลือบมองมาที่จ้านอี้หยางก่อนจะเริ่มซุบซิบ
หญิงคนนึ่งที่กำลังกุมมือแฟนอยู่เอ่ยขึ้น
“อ๊าย ทหารล่ะ ทหาร”
“ยัยโง่”
ชายคนรักผลักหน้าผากของหญิงสาวเบาๆ อย่างหยอกล้อ
“เขาเป็นายทหาร ระวังเขาจะส่งพลทหารมาจับเธอ”
“ไม่กลัวหรอก ก็ฉันมีนายนี่นา”
หญิงสาวกระแซะตัวเข้าไปในอ้อมกอดของชายคนรักอย่างออดอ้อน
ซูหรงหรงหันกลับมามองคู่ของตนอยู่ๆก็รู้สึกสงสารตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
ชั่วชีวิตนี้เธอไม่มีวันคิดที่จะอ้อนจ้านอี้หยางแน่นอนถ้าทำแบบนั้นแล้วเขาส่งทหารมาจับเธอขึ้นมาจะทำยังไง?
เมื่อถึงเวลา ผู้ชายสวมชุดสูทก็เดินมาตรงหน้าซูหรงหรงมองภาพจ้านอี้หยางกับชายคนนั้นจับมือกัน ก่อนจะเชิญเขาเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
จ้านอี้หยางหันหน้ามามองยัยกระต่ายน้อย ก่อนจะหลุบเสียงต่ำ
“ไปจดทะเบียนกัน”
“เอ๋?”
ซูหรงหรงเอียงศีรษะอย่างสงสัย
“พวกเราไม่ต้องต่อคิวอย่างนั้นเหรอ?”
“...ไม่ต้อง”
จ้านอี้หยางอ้างคำโกหกออกมาคำโต
“ทหารที่มาแต่งงานจะมีสิทธิพิเศษให้ทำเื่ก่อน”
ซูหรงหรงเริ่มมีความสุขขึ้น
“อภิสิทธิ์พิเศษของทหารนี่ก็ดีเหมือนกันแฮะ”
“เพราะฉะนั้นการเลือกของเธอครั้งนี้นับว่าไม่เลวใช่มั้ยล่ะ”
การเลือกที่จะแต่งงานกับทหาร
เธอมองหน้าจ้านอี้หยางที่เลิกคิ้วขึ้นถามเธอก่อนจะเอียงคอถามเขากลับอย่างสงสัย
“เลือกอะไร?”
“...”
จ้านอี้หยางหลุดยิ้มออกมานี่เขาเลือกกระต่ายซื่อบื้อมาเป็ภรรยาเหรอ เขาเอามือลูบหัวของเธออย่างเอ็นดู
“ไม่มีอะไร”
ชายที่ยืนอยู่ข้างจ้านอี้หยางเพิ่งจะเคยเห็นท่าทีอบอุ่นของเขาที่เผยออกมาเขาลอบมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของทั้งสองขณะที่ตรวจเอกสารที่จะต้องให้ทั้งคู่เซ็นชื่อเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจดทะเบียนสมรสแล้ว พวกเขาก็ได้รับสมุดจดทะเบียนสมรสสีแดงกันคนละเล่ม
ซูหรงหรงที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เป็ภรรยาเธอถือสมุดทะเบียนสมรสกลับไปกลับมาเพื่อพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเอ่ยออกมาสามคำ
“น่าทึ่งมาก”
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงคนสองคนยังเป็แค่คนรู้จักกันธรรมดาแต่เ้าสิ่งนี้กลับทำให้คนทั้งสองต้องมามีพันธะผูกพันซึ่งกันและกันได้
“วันที่ 1 พฤษภาคม เป็วันหยุดของฉันเราค่อยมาจัดงานแต่งวันนั้นแล้วกันดีมั้ย?”
จ้านอี้หยางถามความเห็นของเธอ
ซูหรงหรงพยักหน้า เธอเองไม่มีความคิดอะไรจะเสนอแย้ง
“ดีมาก”
จ้านอี้หยางอยากได้ภรรยาที่เชื่อฟังแบบนี้เขาลูบผมสีดำยาวของเธอเป็รางวัลตอบแทน
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
ซูหรงหรงคิดว่ากลับบ้านของเธอ เธอจึงไม่คิดอะไรมาก
เธอปล่อยให้เขากุมมือเธอและพาเดินออกจากสำนักงานอำเภอ
ทว่า...รถที่บอกจะพาเธอกลับบ้าน กลับแล่นเข้าไปในชุมชนแห่งหนึ่งใจกลางเมือง