ชาร์ลส์เดินทางมุ่งหน้าสู่บ้านของ ไมเคิล เบิร์ก ข้อมูลระบุว่าบ้านของเขาอยู่ทางเหนือ ห่างออกไปจากสมาคมประมาณหนึ่งชั่วโมงทางรถม้า ระหว่างทางฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ทำให้พื้นถนนขรุขระชื้นแฉะไปด้วยดินโคลน ชาร์ลส์จมอยู่กับความคิด พลางทบทวนคดีในหัว เบาะแสที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยนิด ทำให้เขาต้องตั้งสมมติฐานหลายแง่มุม
บางทีไมเคิลอาจจะถูกคุกคามจากใครบางคนจนไม่กล้ากลับบ้าน หรือไม่เขาอาจไปเกี่ยวพันกับอะไรบางอย่างจนทำให้หายตัวไป หรือในทางร้ายแรงที่สุด ไมเคิลอาจอยู่ในอันตรายถึงชีวิต หลายความเป็ไปได้วนเวียนอยู่ในสมอง ทว่ายังสรุปไม่ได้
หลังจากเดินทาง ในที่สุดชาร์ลส์ก็มาถึงบ้านของไมเคิล เขาเงยหน้ามองป้ายชื่อที่ประตูเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในรั้วบ้านอย่างระมัดระวัง หยุดยืนอยู่หน้าประตู สูดหายใจลึก แล้วจึงค่อยๆ ยกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งอย่างหนักแน่น
เสียงฝีเท้าแ่ดังขึ้นจากภายในบ้าน ก่อนที่ประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นหญิงวัยกลางคนร่างเล็กท่าทางอ่อนล้าผู้หนึ่ง สีหน้าของเธอดูหม่นหมองอิดโรย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลและคนเศร้าหมอง เธอคือแคทเธอรีน ภรรยาของไมเคิล
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือเปล่าคะ?" แคทเธอรีน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็เส้นตรง
"สวัสดีครับ ผมชื่อชาร์ลส์ เรเวนส์ครอฟต์ เป็นักสืบจากสมาคมรับจ้าง ผมมาเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของ ไมเคิล เบิร์กครับ"
แคทเธอรีนมองสำรวจชายแปลกหน้าตรงหน้าอย่างพิจารณา ดูเหมือนกำลังคิดหนักว่าจะไว้ใจเขาดีหรือไม่ สักพักเธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญ
"ได้โปรดเชิญข้างในเถอะค่ะ"
ชาร์ลส์พยักหน้าให้ แล้วก้าวเข้าไปในตัวบ้านซึ่งตกแต่งอย่างอบอุ่นเป็กันเอง ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง เขามองไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ สายตาปะทะกับหญิงชราร่างท้วมนั่งถักนิตติ้งอยู่บนโซฟาตัวเก่า ท่าทางเหน็ดเหนื่อยและหม่นหมอง ส่วนด้านข้างมีเด็กชายร่างเล็กกำลังนั่งกอดหมอน ดวงตากลมโตจ้องมองชาร์ลส์อย่างอยากรู้อยากเห็น
"นั่นคือคุณมาร์ธาแม่สามี กับลูกชายของฉันทอมมี่ค่ะ" แคทเธอรีนแนะนำ พร้อมกับโบกมือไปทางทั้งสอง "ส่วนท่านนี้คือนักสืบ ชาร์ลส์ เรเวนส์ครอฟต์ ที่มารับคดีตามหาไมเคิลให้พวกเรา"
"ขอบคุณมากนะคะ ที่มาช่วยเหลือครอบครัวเรา" มาร์ธาพูด พลางอมยิ้มเป็มิตร แต่รอยยิ้มนั้นกลับฉายแววหม่นเศร้าอย่างห้ามไม่อยู่
"ผมยินดีครับ และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตามหาคุณไมเคิลให้พบ" ชาร์ลส์พูดอย่างหนักแน่น ก่อนจะหันมาหาแคทเธอรีนอีกครั้ง "ผมขอถามเื่ของไมเคิลหน่อยได้ไหมครับ ก่อนที่เขาจะหายตัวไป เขามีพฤติกรรมอะไรแปลกๆ บ้างไหม?"
แคทเธอรีนเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงตอบ "มีบ้างค่ะ ใน่ก่อนหน้านั้น ไมเคิลดูกังวลและเครียดผิดปกติ เขามักขังตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน ไม่ค่อยยอมคุยกับใคร แถมยังชอบพกกระเป๋าหนังสีน้ำตาลติดตัวไปทุกที่ พยายามเก็บเป็ความลับ ถามว่าในนั้นมีอะไร ก็ไม่ยอมบอก"
"แล้วก็พักหลังๆ เขาชอบไปเขตเมืองเก่าอยู่บ่อยๆ ค่ะ บอกว่าไปเยี่ยมดูอาการคนไข้" มาร์ธาเสริมขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังขา "แต่ฉันมองว่ามันแปลกนะ ที่นั่นมันเต็มไปด้วยคนยากไร้และอันธพาล มีแต่อันตราย ทำไมเขาต้องไปที่แบบนั้นด้วย?"
"เขตเมืองเก่างั้นเหรอ… เป็ย่านที่อันตรายมากเลยนะครับที่นั่น" ชาร์ลส์รับรู้ถึงความชื่อเสียงของสถานที่แห่งนั้นดี สลัมที่ใหญ่ที่สุดของเมือง มีเื่และเหตุการณ์เกิดขึ้นที่นั่นมากมาย
"นอกจากนี้ก็มีเื่คนแปลกหน้ามาที่บ้านเมื่อสามวันก่อน..." แคทเธอรีนเล่าต่อ สีหน้าฉายแววกังวล "พวกเขาไม่เหมือนกับทหารพิทักษ์เมืองเลย เครื่องแบบที่ใส่ก็แตกต่าง ท่าทางก็น่าสงสัย ถามไถ่เื่ของไมเคิลหลายอย่างเหมือนรู้จักเขามาก่อน ฉันสังเกตเห็นพวกเขาคุยกันเองอะไรบางอย่างแล้วก็รีบไปอย่างร้อนรน"
"พวกเรายังสงสัยอยู่เลยว่าคนเ่าั้เป็ใคร เป็เ้าหน้าที่ทางการจริงๆ หรือเปล่า" แคทเธอรีนเล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อมาอีก ทางการก็ไม่มีวี่แวว ความคืบหน้าคดีก็ไม่มีสักนิด พวกเราเลยเป็ห่วงและไม่สบายใจมาก"
ชาร์ลส์พยักหน้าช้าๆ พลางผุดคำถามขึ้นมามากมายในความคิด คนแปลกหน้าปริศนาเ่าั้คือใคร? การมาของพวกเขาเกี่ยวพันกับการหายตัวไปของไมเคิลหรือไม่? แล้วกระเป๋าหนังที่ไมเคิลพกติดตัวนั้นมีอะไรซ่อนอยู่? ทำไมเขาถึงต้องปิดบังมันนัก? และคำถามสำคัญที่สุด...สิ่งใดที่ทำให้ไมเคิลต้องไปยังเขตเมืองเก่าเป็ประจำกันแน่?
"คุณพอมีเบาะแสอื่น ๆ อีกไหมครับ ที่อาจจะช่วยให้ผมตามหาเขาเจอได้ง่ายขึ้น?" ชาร์ลส์ถามต่อ พยายามประมวลข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน
แคทเธอรีนขมวดคิ้วครุ่นคิด "เอ่อ... บางทีเพื่อนร่วมงานของเขาอาจจะพอรู้บ้างนะคะ" เธอพูดอย่างลังเล "มีคุณโรแลนด์ แบรดฟอร์ด กับคุณฮัมฟรีย์... ฮัมฟรีย์อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ ฉันจำนามสกุลไม่ได้ พวกเขาเคยทำงานด้วยกัน"
ชาร์ลส์ชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินชื่อ 'โรแลนด์ แบรดฟอร์ด' เขาจำได้ว่าเคยเห็นชื่อนี้ในประกาศตามหาคนหายที่สมาคม
"คุณโรแลนด์ที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอครับ?" ชาร์ลส์ถามอย่างระมัดระวัง
สีหน้าของแคทเธอรีนซีดลงเล็กน้อย "ใช่ค่ะ เขาหายไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน" เธอพูดเสียงสั่น "ฉัน... ฉันไม่กล้าบอกเื่นี้กับใครเลย กลัวว่ามันจะเกี่ยวข้องกับไมเคิล"
ชาร์ลส์พยักหน้าอย่างเข้าใจ "ผมจะเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับครับ" เขาพูดอย่างหนักแน่น "แล้วคุณฮัมฟรีย์ล่ะครับ ผมพอจะไปหาเขาได้ที่ไหน?"
แคทเธอรีนพยักหน้า รีบคว้ากระดาษและปากกามาเขียนที่อยู่ แล้วยื่นให้ชาร์ลส์ "นี่ค่ะ หวังว่าเขาจะช่วยให้ข้อมูลที่เป็ประโยชน์ได้บ้าง"
"ตอนนี้ก็มีเท่านี้แหละค่ะ" แคทเธอรีนตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มหน้า ไหล่สั่นเทาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวเอง "ได้โปรดช่วยตามหาเขาด้วยเถอะนะคะ ลูกและแม่ของเขายัง้าเขาอยู่ พวกเรายังรอคอยจะให้เขากลับมา ทอมมี่ก็อยากเจอพ่อ เราสัญญากันไว้แล้วว่าจะต้องพาของเขาพ่อกลับบ้านให้ได้ ขอร้องล่ะค่ะ"
ชาร์ลส์มองดวงตาที่ฉายแววสิ้นหวังของแคทเธอรีน ก่อนจะพูดอย่างมุ่งมั่น "ผมสัญญาว่าพยายามให้ถึงที่สุด ผมจะตามหาเขาให้พบ และพากลับมาให้ครอบครัวของคุณอีกครั้งแน่นอน"
หลังจากบอกลาครอบครัวเบิร์ก ชาร์ลส์ก็กลับขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าสู่ที่อยู่ของฮัมฟรีย์ตามที่แคทเธอรีนเขียนไว้ในกระดาษในทันที แม้ฝนที่โปรยปรายลงมาจะซาลงแล้ว แต่พื้นดินยังชุ่มฉ่ำจากน้ำฝน
ระหว่างที่รถม้าแล่นไปตามถนน ชาร์ลส์ก็หมกมุ่นอยู่กับความคิด พลางตรึกตรองถึงปมปริศนาในคดีนี้ เขาเหลือบมองด้านข้างไปจนถึงด้านหลัง สังเกตเห็นรถม้าอีกคันหนึ่งขับตามหลังเขามาติดๆ เป็ระยะทางพอสมควรแล้ว ถึงจะยังไม่ใช่ระยะประชิด แต่ก็มากพอที่จะเริ่มรู้สึกหวาดระแวง
นักสืบหนุ่มตัดสินใจทดสอบข้อสงสัยในใจ เขาสะกิดบอกให้คนขับหยุดรถอย่างกะทันหัน ณ มุมถนนแคบเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก่อนจะเหลียวหลังมองผ่านจากภายในตัวรถ เห็นรถม้าที่ขับตามมาก็เบรกกะทันหันเช่นกัน จากนั้นก็ค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า โดยมีคนขับทำเป็ชะเง้อมองไปรอบๆ เสแสร้งทำเป็กำลังลังเลว่าจะจอดพักดีหรือไม่
"ยังไม่ถึงที่หมายสักหน่อย ทำไมคุณถึงให้จอดล่ะ?" คนขับถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
"อ้อ...ผมว่ามีอะไรต้องแวะทำแถวนี้น่ะสิ แต่พอดีนึกได้ว่ามันไม่ใช่ ช่างเถอะ ไปต่อได้เลย" ชาร์ลส์อ้างขึ้นมาอย่างเนียนๆ
หลังจากนั้น ชาร์ลส์สั่งให้หยุดรถอีกสองสามครั้งในทำนองเดียวกัน ซึ่งรถม้าอีกคันนั้นก็ขับผ่านไปอย่างแเีทุกครั้ง แต่ก็ยังคงตามหลังมาห่างๆ ตลอดเวลาโดยไม่คลาดสายตา
แม้จะพิสูจน์อย่างแน่ชัดไม่ได้ แต่ชาร์ลส์เชื่อว่าตนถูกสะกดรอยแน่ๆ คำถามก็คือ ใครกันที่ส่งพวกนั้นมา และการสะกดรอยในครั้งนี้มีจุดประสงค์ใดแน่?
ชาร์ลส์รวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ในสมอง คำพูดภรรยาของไมเคิล ที่บอกเกี่ยวกับคนแปลกหน้าปริศนาที่ไปเยือนบ้านของไมเคิลเมื่อหลายวันก่อนก็ผุดขึ้นมา เขาเชื่อว่า พวกนั้นไม่น่าใช่ฝ่ายที่ทำงานให้ทางการแน่ จากการวิเคราะห์แล้ว พวกที่มาสะกดรอยครั้งนี้ อาจเป็คนที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของไมเคิลอย่างแน่นอน
ชาร์ลส์ถอนหายใจยาว เขาไม่มีเวลามานั่งกังวลตอนนี้ แต่การไปหาฮัมฟรีย์ตอนนี้อาจนำอันตรายมาสู่ฮัมฟรีย์ได้
'ต้องเปลี่ยนแผน' เขาคิดในใจ 'เขตเมืองเก่า... บางทีอาจจะมีเบาะแสอะไรซ่อนอยู่ที่นั่นก็ได้'
ชาร์ลส์ตัดสินใจที่จะยังไม่เผชิญหน้าตอนนี้ เพราะการเปิดเผยตัวออกไปอาจทำให้เขาเสียเปรียบ โดยที่ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก แผนที่ดีกว่าคือการทำเป็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกตาม แล้วตรงดิ่งเข้าไปในเขตเมืองเก่า ผ่านการสังเกตการณ์ของฝ่ายตรงข้าม โดยหวังที่จะล่อให้พวกเขาตามเขามา บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลบางอย่างที่เป็ประโยชน์ต่อคดีก็เป็ได้
อย่างน้อยๆ เหตุการณ์นี้ก็ยืนยันความสงสัยอย่างหนึ่งแล้ว นั่นคือไมเคิล เบิร์ก ไม่ได้แค่หายตัวไปธรรมดาๆ แต่มีการพัวพันกับบางเื่ร้ายแรงและเป็อันตราย ความเชื่อมโยงกับเขตเมืองเก่าก็เป็ปริศนาสำคัญ ใครก็ตามที่ตามเขามานั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ฝ่ายคนดี แต่จะเป็ใครกันแน่นั้น คำตอบคงต้องรอไปถึงเขตเมืองเก่าแล้วล่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้