บทที่ 79 แมวมองมาหา
หลังจากวันนั้นที่ส่งน้ำอัดลมไปบน์เป็ลังแล้ว เย่จื่อเฉินก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะ
ไม่แปลกใจเลย เพราะไม่นานหลังจากนั้นก็มีเหล่าเซียนทักมาหาเขา เมื่อนั้นทั้งวิทยายุทธิ์ทั้งหยวนเป่าก็จะไหลมาเทมา
เย่จื่อเฉินล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ ก่อนเดินทางไปที่ห้องพักผู้ป่วยของคังเผิงกับไป๋อี่
ตอนเข้าไปถึงทุกคนในห้องก็กำลังล้อมวงดูอะไรกันสักอย่างอยู่ เย่จื่อเฉินจึงเดินย่องเข้าไป
“ดูอะไรกันน่ะ…”
“เห้ย!”
ทุกคนใเขากันหมด เย่จื่อเฉินหัวเราะร่าก่อนเดินเข้าไปร่วมวง
“นี่มันหยางอี่ฉือไม่ใช่เหรอ?”
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วพลางยิ้มมองดูรูปในโทรศัพท์
“ได้ยินว่าหยางอี่ฉือกลับมาปิงเฉิงแล้ว เห็นในเว่ยป๋อลงข่าวว่าเห็นเธอที่ถนนจงหยาง เสียดายที่รูมเมทของฉันมาป่วยหนัก ฉันก็เลยต้องอยู่ดูแล เลยไม่ได้เห็นเทพธิดาของฉันใกล้ๆ”
จางรุ่ยถอนหายใจออกมาเบาๆ ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความผิดหวังที่ปิดไม่มิด
ซูอี้อวิ๋นยกมือขึ้นผลักหัวเขาเล็กน้อย พร้อมเอ่ยปากด่า
“พูดอะไรของนาย ปากนายนี่นะ ฉันอยากเอาเข็มมาเย็บให้นายจริงๆ”
“แต่หยางอี่ฉือกลับมาปิงเฉิงแล้วไปดูไม่ได้ มันก็น่าเสียดายอยู่นะ”
คังเผิงที่นอนอยู่บนเตียงก็พยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกัน
หยางอี่ฉือนั้นนับว่าเป็เทพธิดาในใจของเหล่าโอตาคุหลายคน แถมยังเป็ดาราหนังสุดฮอตใน่นี้ด้วย
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็มักจะมีประเด็นที่นั่นเสมอ
อย่างในเว่ยป๋อเมื่อครู่นี้ แค่ไปโผล่ที่ถนนจงหยางก็ติดเทรนด์เว่ยป๋อแล้ว
เห็นได้ชัดเลยว่าเธอดังมากขนาดไหน
ทุกคนในห้องต่างพากันถอนหายใจ แต่เย่จื่อเฉินกลับพูดติดตลกขึ้นมา
“จางรุ่ย นายบอกว่าซูเหยียนเป็เทพธิดาของนายไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้กลายเป็หยางอี่ฉือแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดถึงซูเหยี่ยนกับฉันเลย พูดถึงแล้วฉันโมโห”
จางรุ่ยโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงทันที ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้
“นายกับซูเหยียนเป็เพื่อนกันแล้วใช่ไหม?”
“……”
“อย่ามาหลบฉัน ตาคู่นี้ของฉันมันสามารถมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยล่ะ”
“……”
“เงียบแปลว่ายอมรับใช่ไหม?”
จางรุ่ยเลียริมฝีปากแล้วพยักหน้าให้กับเย่จื่อเฉิน แต่นาทีต่อมาก็ะเิอารมณ์ขึ้นมา
“เ้าห้านะเ้าห้า นายรู้ไหมว่านายมันหน้าไม่อายมากแค่ไหน ไปดึงเทพธิดาลงมาโดยไม่หือไม่อือสักคำ แล้วยังไม่บอกพวกฉันอีก ไม่เป็ไร แต่นายกับเซี่ยเขอเข่อ มันก็ยังมีความคลุมเครืออยู่ใช่ไหม? เ้าห้า คนเราจะมาทำตัวเ้าเล่ห์ไม่ได้นะ เทพธิดาซูเหยียนคนเดียวก็พอแล้ว…นาย…นายมันโลภเกินไปแล้วนะ”
พอสิ้นเสียงจางรุ่ย คังเผิงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ก็ตบหน้าขาตัวเองฉาดใหญ่
“เอ้อ จริงสิ พอเ้าสี่พูดมาแบบนี้ฉันก็นึกขึ้นมาได้ วันนั้นตอนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยฉันก็รู้สึกว่าสายตาของเซี่ยเขอเข่อกับซูเหยียนที่มองนายมันไม่ปกติ โดยเฉพาะตอนที่พวกฉันแซวนายกับซูเหยียน เธอก็โกรธด้วย ตกลงว่านายกับเซี่ยเขอเข่อเป็อะไรกัน?”
“เย่จื่อ ที่พวกเขาพูดมามันจริงหรือเปล่า?” และตอนนี้ซูอี้อวิ๋นก็เปิดปากพูดขึ้นด้วย
จากนั้น ทุกคนในห้องก็เริ่มต่อว่าเย่จื่อเฉิน โดยเฉพาะซูอี้อวิ๋น สายตานั้นจ้องมองเย่จื่อเฉินเขม็ง ราวกับกำลังพูดว่า…นายต้องอธิบายเหตุผลให้ฉันเข้าใจ
“……”
เย่จื่อเฉินคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าแค่คำพูดเดียวของเขามันจะก่อให้เกิดเป็ปฏิกิริยาลูกโซ่มากมายขนาดนี้
ช่วยไม่ได้ เขาทำได้แค่เลือกความตายเท่านั้น!
เย่จื่อเฉินโดนรูมเมททุกคนในห้องไล่บี้ถามอยู่นาน แต่เขาก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรไป
ก๊อกๆ
โชคดีที่ในตอนนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ซูอี้อวิ๋นเลิกคิ้วมองเย่จื่อเฉินแล้วพูดเสียงเหี้ยม
“เย่จื่อ นายต้องให้คำอธิบายกับฉัน”
จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูห้อง
“อธิการบดีสือ”
คนที่เคาะประตูคืออธิการบดีสือ ข้างกายของเขายังมีผู้ชายสวมแว่นกันแดดคนหนึ่งยืนอยู่
ทุกคนที่อยู่ในห้องคือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยปิงเฉิงทั้งหมด พอเห็นอธิการบดีสือก็พากันลุกขึ้นยืนทุกคน
ไม่เว้นแม้แต่เย่จื่อเฉิน
แต่ในทันใดนั้น ด้านนอกห้องก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาอีกคน
“ให้ตาย หยางอี่ฉือ!” จางรุ่ยอุทาน
“จางรุ่ย นายหยิกฉันที หยางอี่ฉือจริงๆ ใช่ไหม” จูอิ๋นไป่ก็หน้าตาตื่นเต้นเช่นกัน
ซูอี้อวิ๋น คังเผิง และไป๋อี่ก็ตะลึงงันไปทั้งสามคน
หยางอี่ฉือมาที่นี่อย่างนั้นเหรอเนี่ย
“สวัสดีทุกคน”
หลังจากที่หยางอี่ฉือโบกมือให้ทุกคนในห้องผู้ป่วย โดยเฉพาะกับเย่จื่อเฉิน เธอก็เดินไปหยุดอยู่ข้างกายผู้ชายที่สวมแว่นกันแดด
“ให้ตายสิ หยางอี่ฉือจริงๆ ด้วย”
“โอ้พระเ้า ทำไมเธอถึงได้มาที่นี่?”
เห็นได้ชัดว่าหยางอี่ฉือไม่ได้แปลกใจกับเสียงอุทานที่ดังขึ้นในห้องเลย เธอยืนอยู่ข้างผู้ชายสวมแว่นกันแดดเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก
“เ้าเด็กพวกนี้ พอเห็นดาราดังก็ลืมอาจารย์อย่างฉันเลยสินะ?”
อธิการบดีสือส่ายหน้ายิ้ม หลายคนในห้องจึงได้มีอาการประหม่าเขินอาย
ซูอี้อวิ๋นยิ้มเจื่อน ก่อนปรี่เข้าไปฉีกยิ้มพูดกับอธิการบดีสือ
“อธิการบดีสือครับ ที่คุณมาที่นี่คงจะไม่ได้มาด่าพวกผมหรอกนะครับ”
อธิการบดีสือที่เห็นซูอี้อวิ๋นก็อดส่ายหน้าพร้อมหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ดูท่าว่าทั้งคู่จะรู้จักกันเป็การส่วนตัว แต่เมื่อคิดถึงต้นตระกูลของซูอี้อวิ๋นแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจถ้าจะรู้จักอธิการบดี
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะว่ามาหาเย่จื่อเฉิน ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าคนนี้มากกว่า ผู้จัดการหู้าพบเย่จื่อเฉิน”
อธิการบดีสือชี้ไปทางผู้ชายสวมแว่นกันแดดที่ยืนอยู่ข้างๆ ในตอนนั้นผู้ชายคนนี้ก็ได้ถอดแว่นออก แล้วหัวเราะเบาๆ
“สวัสดี เย่จื่อเฉิน ฉันชื่อหูหงจากบริษัทอิ๋นเมิ่ง”
“อิ๋นเมิ่ง! นั่นมันบริษัทดาราั์ใหญ่สุดในประเทศเลยไม่ใช่เหรอ?” จางรุ่ยอุทานพร้อมดันแว่นตามองหูหง แล้วพูดขึ้น “จริงสิ หยางอี่ฉือก็อยู่อิ๋นเมิ่งนี่”
เย่จื่อเฉินพยักหน้าให้หูหง หลังจากที่จับมือกันพอหอมปากหอมคอ หูหงก็เปิดปากพูดขึ้น
“จุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ฉันมาเพื่อจีบเย่จื่อเฉินเข้าทำงานกับบริษัทของเรา”
ทุกคนในห้องตะลึงงัน
“อันที่จริงวันที่เย่จื่อเฉินทำการแสดงในงานเลี้ยงครบรอบของมหาลัย ฉันก็ได้เห็นแล้ว จริงๆ นะ นายเกิดมาเพื่อเป็ดารา ฉันขอเชิญนายเข้าร่วมกับทางบริษัทเราด้วยความจริงใจ ฉันสัญญากับนายไว้ตรงนี้ได้เลยว่าฉันจะสร้างผลงานที่ดีที่สุดให้กับนาย โปรโมตให้กับนาย และปูทางให้นาย…ส่วนฉัน้าแค่เสียงของนายก็พอแล้ว”
เรียกได้ว่าหูหงเอ่ยข้อเสนอที่คนยากจะปฏิเสธได้ออกมามากมาย
นักศึกษาในมหาวิทยาลัยได้รับคำเชิญจากผู้จัดการบริษัทแมวมองด้วยตัวเอง แถมคำสัญญาที่เสนอมาก็สูงกว่าปกติมาก
“เย่จื่อ นายจะได้เป็ดาราแล้ว”
“เย่จื่อ แบบนี้ต้องเซ็นลายเซ็นให้พวกเราแล้วสิ?”
“เย่จื่อ สุดยอดไปเลย”
คนอื่นๆ ในห้องเริ่มส่งเสียงแสดงความยินดี ส่วนหูหงก็มองเย่จื่อเฉินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นกัน
หลังจากที่ได้ฟังเพลงพวกนั้นที่เขาร้อง เขาก็รู้สึกเลยว่านี่ต้องเป็หยกที่ยังไม่ได้เจียระไนแน่นอน
จึงได้ตัดสินใจที่จะรับเขาเข้ามาในบริษัท เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดเขาจึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง
แต่ว่า…
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมขอปฏิเสธ”
เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้มเล็กน้อย ทุกคนในห้องตกตะลึงหลังจากที่ได้ยิน
หยางอี่ฉือที่ยืนอยู่ข้างหูหงมาตลอดก็เบิกตาโต ที่หนักกว่าคือหูหงที่พูดขึ้นโดยที่ทำอะไรไม่ถูก
“นายว่า…”
เย่จื่อเฉินเงยหน้าขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ สายตามองตรงไปยังหยางอี่ฉือที่ยืนอยู่ข้างเขา
“ผมบอกว่า ขอโทษครับ ผมขอปฏิเสธ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้