เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากช่องทางลับ สีหน้าของมู่เฟิงก็พลันเปลี่ยนไปในทันที เขาตะเบ็งเสียงออกมาพร้อมกับดึงตัวไป๋จื่อเยว่ให้ะโหลบไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี
หวืด! หวืด!
ใบมีดคมกริบสองเล่มพุ่งเฉียดไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป้าหมายหลบหลีกได้ทัน มันจึงพุ่งไปชนกับผนังกำแพง ก่อนจะทิ้งรอยของคมมีดเอาไว้บนผนังสองรอย
เวลานี้ภายในห้องนอนของหม่าลี่มีคนแปลกหน้าสี่คนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาั้แ่เมื่อใด
จากรูปลักษณ์ของคนทั้งสี่ดูเหมือนว่าจะเป็ชายหนุ่มในวัยยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ในบรรดาพวกเขามีคนสวมใส่ชุดคลุมสีดำและมีตราสัญลักษณ์ของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นปักอยู่บนหน้าอกของพวกเขาด้วย
เป็บัณฑิตของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น
ขณะนี้คนทั้งสี่กำลังจ้องมองไปทางมู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่ด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ สีหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองก็พลันเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง พวกเขาเองก็จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมจำนนเช่นกัน
ชายหนุ่มผู้หนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่สวมใส่ชุดคลุมสีดำ เขามีใบหน้าแข็งกระด้างและท่าทางของเขานั้นดูทรงพลังเป็อย่างมาก ถัดจากเขาคือชายหนุ่มในชุดคลุมสีคราม คนผู้นี้มีรูปร่างผอมบางเล็กน้อย แต่ส่วนสูงของเขานั้นมากกว่าหกฟุต แววตาคู่นั้นของเขามีเพียงความเ็าที่แผ่ออกมา
ร่างกายของคนทั้งสองกำลังถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังกังชี่ บ่งบอกว่าพวกเขาคือยอดฝีมือระดับหนิงกัง ส่วนด้านข้างอีกสองคนคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า
“ศิษย์พี่ทั้งสี่ พวกท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
มู่เฟิงถามขึ้นอย่างเ็า การโจมตีเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าหมายจะปลิดชีวิตของพวกเขา
ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เหตุใดบัณฑิตของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นจึงมาอยู่ที่นี่? หรือว่าพวกเขาจะได้รับภารกิจให้มาปราบโจรูเาเช่นกัน?
ไม่ถูกต้อง เื่นี้เป็ไปไม่ได้ หากมีคนรับภารกิจไปแล้ว ภารกิจนั้นจะไม่ถูกส่งต่อให้กับผู้อื่น
“เ้าหนุ่ม ไม่ว่าพวกเ้าจะได้รับสิ่งใดมาจากในนั้น จงมอบมันออกมาทั้งหมดแต่โดยดีเสีย”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ให้ตายเถอะ พวกเ้าคู่ควรหรือ รังโจรแห่งนี้ล้วนเป็พวกเราที่ลงมือกวาดล้าง ฉะนั้นสมบัติทั้งหมดนี้สมควรเป็ของพวกเรา”
ไป๋จื่อเยว่ปฏิเสธเสียงแข็ง อีกทั้งน้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความโกรธ
“ข้าคร้านจะพูดไร้สาระกับพวกเขา ฆ่าให้ตายแล้วค่อยค้นตัว รีบจัดการงานที่ฝ่าามอบหมายก่อน”
ชายหนุ่มร่างกำยำกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็า ร่างของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังกังชี่สีน้ำเงิน เขาเดินตรงเข้าไปหามู่เฟิงพร้อมกับแผ่รังสีสังหารออกมา
“จื่อเยว่ คนพวกนี้มาที่นี่เพื่อเอาชีวิตของเรา ไม่ต้องยั้งมือ!”
มู่เฟิงหรี่ตาลง ขณะกล่าวเสียงเย็น
ทางด้านไป๋จื่อเยว่ก็พยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมทันท
“ฆ่ามัน!”
ชายในชุดคลุมสีดำแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน ฉับพลันนั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่สองคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็รีบทะยานตัวเข้าหาไป๋จื่อเยว่และมู่เฟิงทันที
“ฆ่ามัน!”
มู่เฟิงตะเบ็งเสียงออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งทะยานร่างเข้าหาอีกฝ่ายที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มผู้นั้นถือกระบี่เล่มยาวเอาไว้ในมือ เพียงเขากวาดกระบี่ไปทางมู่เฟิง ปราณกระบี่สีทองก็พุ่งทะยานออกมาทันที
มู่เฟิงไม่รอช้าปล่อยหมัดสวนกลับไปในทันที โดยหมัดนี้ได้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้ม เมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกันก็เกิดการหักล้างอย่างรุนแรง และมู่เฟิงก็ตวัดดรรชนีนิ้วทั้งสองตามไปติดๆ ทันที ลำแสงสีทองสองสายพุ่งโจมตีอีกฝ่ายโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
ชายหนุ่มผู้นั้นรีบยกกระบี่ขึ้นมาขวางลำแสงดรรชนีสายหนึ่งเอาไว้ แต่เขากลับยังถูกลำแสงดรรชนีอีกสายแทงทะลุลงไปที่ต้นขาจนถึงกระดูก
“อ๊าก…!”
ชายหนุ่มกุมขาของตัวเองขณะหวีดร้องออกมาด้วยความเ็ป มู่เฟิงยังคงทะยานร่างไปข้างหน้าและเตะเข้าที่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างโเี้ โดยลูกเตะนี้มีน้ำหนักมากถึงหนึ่งพันจิน ทำให้กระดูกคอของอีกฝ่ายแตกหักและเสียชีวิตลงทันที
หวืด หวืด...!
แต่ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกแรงสาดซัดเข้าหามู่เฟิงพร้อมกับหมัดสีน้ำเงิน กำปั้นนี้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง เด็กหนุ่มจึงรีบบิดฝ่าเท้าหลบหลีกการโจมตีในทันที
เปรี้ยง...!
หมัดนั้นกระแทกเข้ากับผนังกำแพงอย่างแรงจนปรากฏรูโหว่ขนาดใหญ่ กระทั่งตัวบ้านยังเกิดการสั่นะเื
หมัดเมื่อครู่เป็ชายหนุ่มร่างกำยำในชุดคลุมสีดำที่ลงมือโจมตีมู่เฟิง
พลังของหมัดนั้นน่าทึ่งเป็อย่างมาก หากตัดสินจากออร่าพลังของชายผู้นี้ คาดว่าวรยุทธ์ของเขาจะต้องอยู่ในระดับหนิงกังขั้นสามเป็อย่างต่ำแน่
แม้จะสามารถหลบหลีกหมัดเมื่อครู่ได้ แต่ร่างของมู่เฟิงก็ล้มลงบนพื้น เขาจ้องชายหนุ่มร่างกำยำผู้นั้นอย่างระแวดระวัง
“อัก…!”
เสียงหวีดร้องดังมาจากทางฝั่งไป๋จื่อเยว่ หลังจากเขาจัดการสังหารชายหนุ่มระดับจื่อฝู่ไปแล้ว ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามอีกคนก็ทะยานร่างเข้ามาเตะเขากระแทกกับกำแพง จนมันเกิดรอยแตกร้าวและพังทลายลงมาในที่สุด
ไป๋จื่อเยว่กระอักเืออกมา สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมสีคราม คนผู้นี้มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสอง แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
“จื่อเยว่!”
สีหน้าของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามผู้นั้นกำลังจะเตะไป๋จื่อเยว่อีกครั้ง
“เสี่ยวเทียน ไปช่วยเขา”
มู่เฟิงะโเสียงกร้าว ก่อนจะคว้าร่างของเสี่ยวเทียนที่กำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนและโยนไปทางไป๋จื่อเยว่ในทันที
เสี่ยวเทียนเพิ่งจะตื่นจากฝัน แต่มันก็สามารถแปรสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว กลายร่างเป็งูเจียวสีขาวแผงคอสีแดงที่มีความยาวกว่ายี่สิบเมตร จากนั้นก็พุ่งเข้าชนร่างของชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามทันที
เปรี้ยง...!
ร่างของชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามถูกเสี่ยวเทียนกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกล เขาหันกลับมามองงูเจียวสีขาวที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันด้วยความประหลาดใจ
เสี่ยวเทียนที่อยู่ในร่างขนาดใหญ่ั์ก็กำลังจ้องมองไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามเช่นกัน ภายในดวงตาสีทองเข้มของมันเต็มไปด้วยความดุร้ายตามสัญชาตญาณและการสะกดข่มด้วยอำนาจ ยามนี้มันกำลังขวางอยู่ตรงหน้าของไป๋จื่อเยว่ราวกับ้าปกป้องอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนปกป้องไป๋จื่อเยว่ให้แล้ว มู่เฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เ้าหนุ่ม เ้าเอาเวลามาห่วงชีวิตของเ้าเองเถอะ”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำยิ้มเหี้ยม จากนั้นก็พุ่งทะยานร่างเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว หมัดของเขาในครั้งนี้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังกังชี่สีน้ำเงิน หมัดนี้ทะลวงแหวกอากาศจนทำให้เสียงหวีดดังขึ้นขณะที่มันพุ่งเข้ามาหามู่เฟิง
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา ไฟกัลป์!”
มู่เฟิงแผดเสียงออกมาอย่างดุดัน ก่อนจะปล่อยหมัดออกไป พลังปราณภายในร่างแผดเผากลายเป็พลังปราณเพลิงและมารวมตัวกันอยู่ที่หมัดเป็จุดเดียว จากนั้นก็ปรากฏเป็เปลวเพลิงสีแดงเข้มที่แผ่รังสีความร้อนออกมา
เปรี้ยง...!
เมื่อหมัดทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกัน คลื่นพลังสีแดงและคลื่นพลังสีน้ำเงินก็สาดซัดออกไปโดยรอบในทันที โต๊ะที่อยู่ภายในห้องแตกออกเป็เสี่ยงๆ นอกจากนี้แรงที่สะท้อนกลับมายังบีบให้มู่เฟิงต้องก้าวถอยออกไปเจ็ดถึงแปดก้าว ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนกลับก้าวถอยออกไปเพียงสองก้าวเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างเสี่ยวเทียนและชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามก็กำลังเป็ไปอย่างดุเดือด ร่างของเสี่ยวเทียนโผล่ทะลุหลังคา ก่อนจะกระโจนลงไปอีกครั้งหมายจะกัดขย้ำร่างของชายในชุดคลุมสีคราม
ครืน ฮึ่ม...!
เสียงโครมครามดังสนั่น จากนั้นไม่นานบ้านทั้งหลังก็พังทลายลงมาท่ามกลางฝุ่นที่ฟุ้งตลบอบอวล
“อัสนีบาตย่ำแปดทิศ!”
มู่เฟิงคำรามออกมาอย่างแข็งกร้าว แหล่งกำเนิดพลังสายฟ้าในจุดตันเถียนทั้งสามสายได้ส่งพลังสายฟ้าให้ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา เพียงไม่นานพลังสายฟ้าอันท่วมท้นก็พลันะเิออกมา
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
มู่เฟิงย่างเท้าออกไปสามก้าว พลังปราณภายในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็สามเท่า เวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับยอดฝีมือระดับหนิงกัง
“นี่มันทักษะวิชาประเภทใดกัน?”
เมื่อเห็นว่าร่างของมู่เฟิงถูกห่อหุ่มไว้ด้วยสายฟ้า ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำก็มีท่าทีประหลาดใจ แต่ไม่นานสายตาของเขาก็พลันกลายเป็เย็นะเื ดาบสีดำปรากฏขึ้นในมือของเขาอย่างฉับพลัน
ในเวลาเดียวกันนั้น หอกจื่อเหลยก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่เฟิงเช่นกัน จากนั้นเด็กหนุ่มก็ตวัดคมหอกไปทางอีกฝ่าย เพียงเขากวาดคมหอกออกมา ใบมีดสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งก็กวาดไปทางชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำทันที
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำฟันดาบออกมาเพื่อต้านทานมัน ความแข็งแกร่งของดาบสีน้ำเงินสามารถทำลายใบมีดสายฟ้าของมู่เฟิงลงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นมันก็พุ่งทะลวงไปยังร่างของมู่เฟิงต่อในทันที
มู่เฟิงรีบยกหอกยาวในมือขึ้นมาสกัดกั้นเอาไว้ เขาตกตะลึงกับพลังอันมหาศาลของอีกฝ่าย และการโจมตีนี้ก็บีบให้เขาต้องก้าวถอยไปสองก้าว และทุกย่างก้าวก็ทำให้เกิดรอยยุบบนพื้น สิ่งนี้บ่งบอกถึงแรงของพลังที่กดทับลงมาบนตัวเขา
แม้ว่าอัสนีบาตย่ำแปดทิศจะช่วยให้พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นเป็สามเท่า แต่วรยุทธ์ของเขาก็ยังเทียบอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
คราวนี้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำใช้คมดาบฟันลงมาอย่างต่อเนื่อง และแรงที่ฟาดลงมาก็รุนแรงมากเสียจนน่าตื่นตะลึง มู่เฟิงทำได้เพียงใช้หอกในมือขวางการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น
“ฝ่ามือคลื่นถาโถม!”
ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็ส่งตราฝ่ามือทั้งสามที่ซ้อนทับกันออกมาอย่างฉับพลัน
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
มู่เฟิงรีบะเิพลังหมัดออกมาเพื่อสกัดกั้นการโจมตีนี้เอาไว้ หมัดเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อปะทะเข้ากับตราฝ่ามือ พลังจากทั้งสองฝ่ายก็เกิดการะเิขึ้นในทันใด
ฝ่ามือทั้งสามที่ซ้อนทับกันนั้นทรงพลังเป็อย่างมาก มันทำลายพลังหมัดของเขาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ตบลงไปบนร่างของมู่เฟิงอย่างแรง
ปัง...!
ร่างของมู่เฟิงถูกตบจนกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตรและกระอักเืออกมา ร่างของเขากระแทกเข้ากับซากปรักหักพัง นอกจากอาการาเ็ที่ได้จากอีกฝ่ายแล้ว ร่างกายของเขายังได้รับผลกระทบจากการใช้อัสนีบาตย่ำแปดทิศด้วย และไม่ว่าจะทางใดเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย เพราะถึงอย่างไรระดับวรยุทธ์ของพวกเขาก็ต่างกันเกินไป
“เ้าหนุ่ม วันนี้คือวันตายของเ้า”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำยิ้มเหี้ยม
“ใครเป็คนส่งพวกเ้ามาสังหารข้า?”
มู่เฟิงยืนขึ้นพร้อมกระชับหอกยาวในมือเอาไว้แน่น เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็าขณะที่มือข้างหนึ่งก็กำลังกุมหน้าอกของตัวเอง
“ในเมื่อเ้าจะตายอยู่แล้วข้าจะบอกเ้าให้ก็ได้ ฝ่าาหนานหลิงเป็คนส่งเรามาที่นี่เพื่อสังหารเ้า ทั้งหมดต้องโทษที่เ้าตั้งตนเป็ปรปักษ์กับจวนเป่ยอ๋องเอง เพราะเหตุนี้จุดจบของเ้าจึงเป็ความตายอย่างไรเล่า”
มู่เฟิงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับเื่นี้ เพราะอันที่จริงเขาก็พอจะคาดเดาเอาไว้ได้อยู่แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้