หลินหวั่นชิวโกรธมากจริงๆ
เสื้อขนจิ้งจอกตัวนี้มีความหมายที่ไม่ธรรมดาต่อนาง เป็ของที่เจียงหงหย่วนล่าเพื่อนางโดยเฉพาะ ดังนั้น หลังจากที่นางนำขนจิ้งจอกไปทำเป็เสื้อในเสียนอวี๋จึงปักชื่อตัวเองกับเจียงหงหย่วนลงบนผ้าและเย็บติดคอเสื้อด้านใน
นี่เป็น้ำใจของเจียงหงหย่วน
เป็สิ่งที่นางตัดสินใจจะเก็บรักษา
เมื่อมีคนคิดจะแย่งไป นางย่อมตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง
เป้าหมายสูงสุดที่หลินหวั่นชิวทำและพูดมากขนาดนี้คือให้พวกสวีเทาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เอาให้พวกเขาไม่มีโอกาสเข้าข้างพรรคพวกต่อหน้าสาธารณชน
แม้จะทำได้เพียงจับสตรีสองนางนี้ไปที่ว่าการตำบลแค่ครู่เดียวแล้วปล่อยออกมาย่อมไม่เป็ไร ขอแค่มีคนเห็นเป็พอ ยุคนี้ไม่มีกิจกรรมบันเทิง ความกระตือรือร้นที่ชาวบ้านมีต่อเื่ซุบซิบนินทาจึงสูงเป็พิเศษ
นางไม่ต้องผสมโรง ข่าวลือก็แพร่กระจายไปทั่วตำบลภายในไม่ช้า
นี่ต่างหากเป้าหมายสูงสุดของหลินหวั่นชิว
พวกนางพยายามทำลายชื่อเสียงของนางนักไม่ใช่หรือ เช่นนั้นนางจะทำให้พวกนางได้ลิ้มรสชาติของการถูกทำลายชื่อเสียงแบบที่้าเสียเอง
“พาพวกนางสองคนไป!” สวีเทากัดฟันพูด เขาจ้องหลินหวั่นชิว แววตาแหลมคมดุจมีด ประหนึ่งจะแทงหลินหวั่นชิวให้พรุน
เขาไม่ได้เสนอให้หลินหวั่นชิวตามไปลงนามยอมรับ เพราะหากลงนามยอมรับ เช่นนั้นสองคนนี้ต้องถูกส่งไปที่ว่าการอำเภอ
“ข้าไม่ไปที่ว่าการตำบล…หลินหวั่นชิว เ้ามันโฉดชั่วใจดำ ทำร้ายพี่สาวแท้ๆ…เ้าต้องไม่ตายดี โดนกรรมตามสนองเป็แน่”
“ฮือฮือฮือ…ข้าไม่อยากไป ข้าผิดไปแล้วน้าเล็ก ยกโทษให้ข้าเถิด…” หลินฉินถูกสวีเทาจับตัว ใร้องไห้ไม่หยุด
“ไอ๊หยา…นี่มัน…น่าเวทนาเกินไปแล้ว คืนเสื้อให้แล้วก็น่าจะจบนี่นา…” มีคนพูด
หลินหวั่นชิวชำเลืองตามอง พูดเสียงดังว่า “เ้าเป็พรรคพวกกับพวกนางสินะ ก่อนหน้านี้ที่ข้าจะโดนจับไม่เห็นเ้าพูดบ้างเลยเล่า?”
ฟู่เหรินที่พูดคนนั้นเงียบปากหันตัวเดินจากไปทันที กลัวโดนจับเพราะคิดว่าเป็พรรคพวกกัน
หลินหวั่นชิวกวาดตามองฝูงชน “พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าเกือบมีจุดจบเช่นนี้ หากไม่ได้ปักนามตัวเองกับสามีลงบนเสื้อ เกรงว่าวันนี้คงหนีไม่พ้นแล้ว ถึงเวลานั้น ข้าไม่เพียงจะโดนจับอย่างไม่เป็ธรรม แต่เสื้อขนจิ้งจอกที่สามีข้าเสี่ยงชีวิตหามาก็จะถูกแย่งไปเช่นกัน”
หลินหวั่นชิวกวาดตามองทุกคนอีกครั้งเมื่อพูดจบ สิ่งใดที่ควรพูดนางก็พูดหมดแล้ว ปล่อยที่เหลือให้เป็หน้าที่ของธรรมชาติ
“ฟู่กุ้ย พวกเรากลับกันเถิด”
“ขะ…ขอรับ กลับกันขอรับพี่สะใภ้”
ดวงตาที่หวางฟู่กุ้ยมองหลินหวั่นชิวมีประกายสีทอง พี่สะใภ้สุดยอดไปเลย
“หลินหวั่นชิว เ้าคืนเงินข้ามา!” เห็นหลินหวั่นชิวจะไปแล้ว หลินกุ้ยฮวานึกได้ว่าตัวเองเสียเงินไปยี่สิบตำลึง เจ็บจนหัวใจหลั่งเื
หลินหวั่นชิวหยุดฝีเท้า หันไปพูดว่า “นั่นเป็เงินค่าปลอบขวัญที่เ้าช่วยจ่ายแทนหลินฉิน ทุกคนเห็นกันหมด! ดังนั้น เ้าทวงเงินผิดคนแล้ว ควรทวงจากหลินฉินหรือไม่ก็หลินซย่าจื้อแม่ของนาง”
หลินกุ้ยฮวาเกือบกระอักเืด้วยความโมโห มือปราบสองสามคนลากนางออกไปอย่างหงุดหงิด หลินหวั่นชิวตามหวางฟู่กุ้ยไปขึ้นรถล่อ เห็นหวางฟู่กุ้ยหยิบเหรียญทองแดงมาจ่ายให้เ้าของแผงขายน้ำชาก็ห้าม หยิบเงินจากกระเป๋าตัวเองออกมาจ่ายให้แทน
นี่เป็ค่าตอบแทนที่เ้าของแผงขายน้ำชาช่วยเฝ้ารถล่อ
“พี่สะใภ้ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นขอรับ…” ระหว่างเดินทางกลับ หวางฟู่กุ้ยพูดอย่างอายๆ
หลินหวั่นชิวยิ้ม “เ้าช่วยข้าขับรถ ข้าควรต้องจ่ายอยู่แล้ว ต่อให้เป็พี่น้องแท้ๆ ก็ต้องแยกเื่เงินให้ชัดเจน เช่นนี้ความสัมพันธ์จึงจะยืนยาว”
“แต่ข้าไม่ได้ช่วยกระไรเลยนะขอรับ?” ช่วยแค่ขับรถ มือปราบมาแล้วใลนลาน ไม่รู้ควรทำกระไร ต้องให้พี่สะใภ้เผชิญกับพวกหลินกุ้ยฮวา หลินฉินและสวีเทาคนเดียวั้แ่ต้นจนจบ
คิดถึงตรงนี้แล้วเขาละอายใจยิ่งนัก
“สตรีทะเลาะกัน บุรุษเช่นเ้าเข้ามาช่วยไม่สะดวกนัก อย่าได้คิดมาก” หลินหวั่นชิวรู้ว่าหวางฟู่กุ้ยคิดกระไรอยู่ นางจึงงปลอบใจ
“เ้าไล่ตามหลินฉินทัน นี่ถือเป็ผลงานใหญ่ มิเช่นนั้นหากนางเอาขนจิ้งจอกไปจำนำ พวกเราอาจหาไม่เจออีก”
หวางฟู่กุ้ยคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าใช่ อย่างน้อยเขาก็ขับรถไล่ตามหลินฉินทัน!
เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมา
“…เื่ราวก็เป็เช่นนี้ขอรับคุณชาย” เหตุการณ์ที่หน้าทางเข้าตำบลได้ยินไปถึงหูตู้ซิวจู๋อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มเยาะเย้ยถากถางหายไปจากใบหน้าตู้ซิวจู๋ เขาพูดกับถงป่านว่า “ไปจัดการให้พวกนางสองคนเสวยสุขในห้องขัง อย่าเพิ่งออกมาถ้ายังเสวยสุขไม่มากพอ”
“คุณชาย ต้องนานเท่าใดจึงจะพอขอรับ?” ถงป่านถาม
ตู้ซิวจู๋ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “สิบวันครึ่งเดือนแล้วกัน”
“ขอรับ!”
ถงป่านออกไปแล้ว ตู้ซิวจู๋หยิบหนังสือภาพบนโต๊ะขึ้นมาเปิด ทว่าสายตาเขากลับมองทะลุภาพในหนังสือออกไป
“แค่ขนจิ้งจอก…ยังหวงแหนขนาดนี้ ทั้งยังปักชื่อ หวั่นชิว…หงหย่วน…เมื่อไรจะเป็…หวั่นชิว ซิวจู๋บ้าง…”
ตู้ซิวจู๋สะบัดหัวยิ้มขมขื่น เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันพรุ่งตัวเองจะต้องอยู่ที่ใด เอากระไรมากล้าเพ้อฝันถึงนาง?
รถล่อวิ่งไปถึงครึ่งทาง จู่ๆ หวางฟู่กุ้ยก็ะโ “พี่สะใภ้ เจียงต้าเกอมาแล้วขอรับ!”
หลินหวั่นชิวรีบเลิกม่านรถล่อ เห็นชายฉกรรจ์วิ่งตรงมา
เขา…
วิ่งตามมาหานาง
หลินหวั่นชิวรู้สึกอบอุ่นในอก เบ้าตากลายเป็สีแดง
ก่อนหน้านี้นางแสร้งบีบน้ำตาเรียกความสงสาร
แต่ตอนนี้…นางอยากร้องไห้จากใจจริง
ครั้งเมื่อตอนอยู่ยุคปัจจุบัน นางไม่ใช่คนเสียน้ำตาง่ายๆ
นางฝึกให้ตัวเองมีหัวใจเหล็ก ไม่ว่าผู้ใดก็ทำร้ายไม่ได้
“เจียงต้าเกอ!” หวางฟู่กุ้ยหยุดรถล่อ โบกมือให้เจียงหงหย่วน
เจียงหงหย่วนพยักหน้าให้หวางฟู่กุ้ยเป็การทักทายแล้วขึ้นรถ
“ฟู่กุ้ย ช่วยขับกลับอำเภอให้ข้าที” เขาบอกหวางฟู่กุ้ยก่อนเข้าไปในรถ
“ขอรับ เจียงต้าเกอนั่งให้สบาย…”
เจียงหงหย่วนเข้าไปในรถก็สำรวจหลินหวั่นชิวทั่วตัวเป็อย่างแรก เห็นผมเผ้าและเสื้อผ้านางเรียบร้อยดีก็รู้ว่าคงไม่ได้โดนเอาเปรียบ ใจที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง
เขาดึงภรรยาตัวน้อยเข้ามากอดแน่น หลินหวั่นชิวไม่กล้าแม้แต่จะร้อง กลัวฟู่กุ้ยที่กำลังขับรถได้ยิน
“วันหลังมีกระไรต้องบอกข้าก่อน…” เจียงหงหย่วนซุกหน้าลงที่ซอกคอหลินหวั่นชิวพูดเสียงอู้อี้