ความคิดคาดเดานี้ผุดขึ้นในหัวเขาดวงตาของฉางหลิงเกอฉายแววรัดกุมเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่มองเหนียนยวี่เปี่ยมไปด้วยการสำรวจและเตรียมป้องกัน
ใน่เวลาที่ฉางหลิงเกอกำลังครุ่นคิดทหารรักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งก็หยุดลงตรงจุดที่ห่างจากเขาไม่กี่เมตร
"องค์ชายเหนื่อยหรือไม่เพคะ?"
ท่ามกลางความเงียบอันแปลกประหลาดเหนียนยวี่เอ่ยขึ้นมาก่อน นางที่นั่งอยู่บนหลังม้าทอดสายตามองลงมาที่ชายหนุ่มบนขอบหน้าผา
ถึงแม้ยามนี้เขาจะดูเข้าตาจนเหมือนคนหนีทหารทว่าชายหนุ่มผู้นั้นยังคงหน้าตรงอกตั้ง มิอาจปกปิดราศีของฮ่องเต้ที่แผ่ออกมาได้
ฉางหลิงเกอหรี่ตาลง สบตาเหนียนยวี่“ข้ามิรู้มาก่อนเลยว่า ในกองทหารรักษาพระองค์ของเป่ยฉีจะมีสตรีปะปนอยู่ด้วยข้าเคยได้ยินว่าการที่สตรีเข้าไปในค่ายทหารถือเป็ความผิดร้ายแรงของเป่ยฉี”
ฉางหลิงเกอเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมากลับทำให้เหนียนยวี่เลิกคิ้วอย่างค่อนข้างสนใจ“หายากนะเพคะที่องค์ชายยังจำหม่อมฉันได้ ทว่าร้ายแรงหรือไม่นั้นมิรบกวนให้องค์ชายเป็กังวล องค์ชายรีบร้อนเดินทางทั้งคืนถึงเพียงนี้คงมิใช่ทำเื่อันใดที่น่าละอายลงไปหรอกนะเพคะ?”
เหนียนยวี่เอ่ยถามตรงประเด็น ไม่แม้แต่หลีกเลี่ยงครั้นเอ่ยจบ นางมองฉางหลิงเกอที่เริ่มมีสีหน้ามืดมนลงไปอย่างที่คิด
“ข้าไม่ใช่องค์ชาย”ฉางหลิงเกอเอ่ยอย่างเ็า “เป่ยฉีของเ้ากักตัวท่านอ๋องหนานเยวี่ยของข้าข้าแค่กำลังมุ่งหน้าไปหนานเยวี่ย รายงานสถานการณ์เท่านั้น”
“เช่นนั้นหรือ? รายงานสถานการณ์อะไรหรือเพคะ ช่างเป็ทหารผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์เสียจริง”เหนียนยวี่ฟังข้อแก้ตัวของเขา ในใจรู้สึกเย้ยหยัน คำพูดเช่นนี้หลอกลวงผู้อื่นได้ทว่าหลอกนาง...
หึ เหนียนยวี่รู้สึกขบขำเบาๆ ในใจ นางจ้องมองฉางหลิงเกอชายหนุ่มผู้นี้ ยามที่อยู่ท่ามกลางสนามรบในชาติก่อน แค่เผชิญหน้ากันสองคนนางก็รู้แล้วว่าเขาเป็คู่ต่อสู้ที่โหดร้าย ไม่เพียงแค่นั้น ศึกที่ชายแดนใต้การต่อสู้ที่เมืองเจวี๋ย...
ภาพาอันน่าเวทนาผุดเข้ามาในหัวเหนียนยวี่อีกครั้ง
ความสิ้นหวังยามถูกล้อมความหวาดกลัวของเหล่าทหารทั้งกองทัพ ยามที่พิษกู่เข้าจู่โจม และ...
สิ่งสำคัญที่สุดที่นางได้สูญเสียไปในาครั้งนั้น...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว “ทว่าดูเหมือนท่านจะลืมเอาอะไรบางอย่างกลับไปด้วย”
เหนียนยวี่กล่าวอย่างไม่เร่งรีบ ไม่เฉื่อยช้าทว่าผู้ที่ได้ฟังกลับหนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม
คิ้วหนาของฉางหลิงเกอขมวดแน่นจ้องมองเหนียนยวี่บนหลังม้า ลืมเอาอะไรบางอย่างไปด้วย?
ฉางหลิงเกอรู้สึกงงงวยในใจของเขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีอย่างมิอาจบรรยาย
เหนียนยวี่เห็นปฏิกิริยาของเขาในสายตามุมปากนางค่อยๆ ยกยิ้ม “ทำไม?คิดไม่ออกหรือ หึ ของสำคัญเช่นนั้น เ้าก็ยังลืมได้ ช่างน่าเสียดายเสียจริงทว่ายังดีที่ข้าเอามันมาให้เ้าแล้ว”
เหนียนยวี่กล่าวพลางหยิบกล่องผ้าไหมกล่องหนึ่งออกมาจากใต้เสื้อบริเวณหน้าอกและวางไว้บนฝ่ามือ
แม้จะอยู่ในระยะไกลทว่าเพียงฉางหลิงเกอเห็นกล่องผ้าไหมกล่องนั้นั์ตาของเขาพลันผาดผุดคลื่นอารมณ์มากมาย
"จำได้แล้วหรือ?" เสียงของเหนียนยวี่ที่ดังขึ้นอย่างช้าๆ แฝงน้ำเสียงขำขันดูพอใจกับท่าทีตอบสนองในยามนี้ของฉางหลิงเกอ
จำได้แล้ว เขาย่อมจำสิ่งนี้ได้อย่างแน่นอน
ในกล่องผ้าไหมกล่องนั้น มีพิษกู่ที่เขาเลี้ยงอยู่เหตุใด...เหตุใดถึงมาอยู่ในมือของเหนียนยวี่ได้?
เื่ราวมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัวพลันเชื่อมโยงเข้าหากันทันทีความเฉลียวฉลาดของฮ่องเต้ ในไม่ช้า เื่ที่คิดคาดเดาไว้เมื่อครู่นี้ก็กลายเป็เื่ที่มั่นใจขึ้นมาทันที
"เป็เ้า!"ฉางหลิงเกอเอ่ยออกมาอย่างเ็า มองตรงไปที่เหนียนยวี่ด้วยแววตาดุดันเฉียบคม
ถ้อยคำสองคำโพล่งออกมาอย่างกะทันหัน แต่เหนียนยวี่และเขาต่างก็รู้ว่าหมายถึงอะไร
เมื่อวานที่เขากับฉางหงเยียนร่วมเตียงเสพสวาทกันเป็แผนการของเหนียนยวี่ไม่เพียงแค่นั้น เขายังคาดเดาว่า การหลบหนีของเขาเมื่อคืนนี้ก็เป็สิ่งที่เหนียนยวี่ผู้นี้คาดการณ์ไว้แล้วเช่นกันหรือบางที นางอาจจะรอคอยให้เขาหลบหนีออกจากเขตพำนักด้วยก็เป็ได้
นี่มัน...หมายความว่าอย่างไร?
ฉางหลิงเกอจ้องมองเหนียนยวี่ ทันใดนั้นดวงตาคู่นั้นพลันพาดผุดอารมณ์มากมาย กระทั่งความหวาดกลัวที่เล็กน้อยจนมิอาจสังเกตเห็น
เหนียนยวี่ผู้นี้...บางทีดูจะเข้าใจและรับมือยากกว่าที่เขาคิด
“ข้าเอง”เหนียนยวี่เข้าใจความหมายของเขา และนางไม่แม้แต่ปิดบัง กล่าวยอมรับอย่างเปิดเผย“ทำไม? เ้ากำลังคิดว่าทำไมไม่ฆ่าข้าไปั้แ่วันนั้นในสวนร้อยสัตว์หรือไร หรือคิดว่าทำไมพิษกู่ในค่ายเสิ่นเช่อไม่คร่าชีวิตข้าไปใช่หรือไม่?”
ครั้นเอ่ยจบใบหน้าของฉางหลิงเกอพลันฉายแววตกตะลึงไปเล็กน้อย ราวกับว่านางอ่านความคิดเขาออก
ทว่าคำพูดของเหนียนยวี่ ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าเื่ราวมากมายของตนเองสำหรับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มิใช่ความลับอีกต่อไป รวมถึงจดหมายฉบับนั้นที่ส่งนางไปถึงค่ายเสิ่นเช่อ
ในขณะนั้น เขาพลันได้กลิ่นความอันตรายของเหนียนยวี่สัญชาตญาณบอกเขาว่า หญิงสาวผู้นี้จะต้องตายเท่านั้น เขาจึงจะวางใจลงได้
ดังนั้น ตอนที่ฉางหงเยียนร้องขอความช่วยเหลือจากเขาเขาจึงไม่แม้แต่ลังเลเลยที่วางแผนเช่นนี้ เขาอยากทำลายค่ายเสิ่นเช่อและฉู่ชิงและอีกหนึ่งอย่างคือจะได้กำจัดเหนียนยวี่ออกไปด้วย
แต่เขาคาดไม่ถึง...
“พวกเ้าหนีออกไปได้อย่างไร?”
ฉางหลิงเกอจ้องมองเหนียนยวี่ เขาคิดภาพไม่ออก เห็นได้ชัดว่าทั้งค่ายเสิ่นเช่อโดนพิษกู่ไปแล้วแม้นไม่มีเหตุการณ์เพลิงไหม้นั่น อย่างไรเสีย พวกเขาก็ต้องตายด้วยพิษกู่ทว่าเหตุใดสิ่งต่างๆ ถึงออกนอกลู่นอกทางอย่างสิ้นเชิงเยี่ยงนี้ราวกับว่าไม่เคยถูกพิษกู่มาก่อน
ฉางหลิงเกอมีเื่ที่คาดเดาในใจหนึ่งอย่างเหนียนยวี่ผู้นี้เป็กุญแจดอกสำคัญของข้อสงสัยในใจเขาหรือไม่?
รอยยิ้มเ็าที่มุมปากของเหนียนยวี่เย็นเยียบยิ่งขึ้น“เ้าอยากถามว่า พวกเราที่เดิมทีสมควรโดนพิษกู่ และตอนนี้ควรจะสิ้นชีพไปนานแล้วทว่ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าเ้าได้อย่างสมบูรณ์ ไร้รอยขีดข่วน หึ พิษกู่ของหนานเยวี่ยแท้จริงแล้วช่างเป็สิ่งที่มีพิษร้ายแรง พิษกู่ขององค์ชายโหดร้ายไร้สิ่งใดเทียบทว่าทุกสิ่งในโลกใบนี้มีขาวย่อมมีดำ มีเกิดย่อมมีดับ ความสมดุลซึ่งกันและกันแม้นพิษกู่ของเ้าจะร้ายแรงเพียงใด ท้ายที่สุดย่อมมีสิ่งยับยั้ง”
“เป็เ้า?” เฉียบแหลมเช่นฉางหลิงเกอเพียงครู่เดียวก็รู้เบาะแสทันที คาดมิถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นี้จะทำลายพิษกู่ของเขา?
แต่…
"เ้าทำได้อย่างไร?"
ในใจของฉางหลิงเกอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยพิษกู่ครานี้เป็วิชาต้องห้ามของราชวงศ์หนานเยวี่ยเพียงแค่บ่มเพาะพิษขึ้นมายังยากลำบากอย่างถึงที่สุด วิธีถอนพิษแม้แต่ตัวเขายังไม่รู้ ทว่าเหนียนยวี่ผู้นี้กลับ...
ฉางหลิงเกอจ้องมองเหนียนยวี่อย่างไม่ละสายตาพยายามค้นหาคำตอบ ทว่าเหนียนยวี่กลับเพียงยิ้มราบเรียบ มองกล่องผ้าในมือครู่หนึ่งและเอ่ยปากทว่ากลับไม่ตอบคำถามของเขา ทั้งยังกล่าวออกมาอย่างเสียงดังว่า “ได้ยินว่าพิษกู่นี้ยากจะเพาะเลี้ยงขึ้นมาได้ต้องใช้เืและพลังงานไปมาก เ้าทิ้งไว้แบบนี้ไม่เสียดายหรือ?”
ฉางหลิงเกอเหลือบมองกล่องผ้าเขารู้ถึงความล้ำค่าของหนอนกู่ หนอนกู่ในนั้น ยามนี้มีแค่ตัวเดียวในโลกหากต้องมาเพาะเลี้ยงอีกครั้งต้องใช้เวลาหลายปี แน่นอนว่าเขาย่อมเสียดายทว่าตอนนี้...
"นั่นไม่ใช่ของข้า"ฉางหลิงเกอขมวดคิ้ว รวบรวมสมาธิ น้ำเสียงฟังดูสงบขึ้นไม่น้อย
คำตอบของเขาทำให้เหนียนยวี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ ไม่ใช่ของเขาหรือ?
ยามนี้ปฏิเสธอีกครั้ง จะไม่สายเกินไปหรือ?
“เฮ้อ อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าคงทำพลาดแล้ว” เหนียนยวี่ขมวดคิ้วและถอนหายใจเบาบางแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เหนียนยวี่ก็ขึ้นเสียงและเอ่ยออกมาว่า “ทหาร จุดไฟเผา”
ครั้นเหนียนยวี่เอ่ยจบ เฉิงเซิงที่อยู่ด้านข้างปรายตาให้ทหารด้านหลัง ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านหลัง จึงส่งต่อคบเพลิงขึ้นไปให้
"คุณหนูยวี่” เฉิงเซิงยื่นคบเพลิงให้เหนียนยวี่ครุ่นคิดถึงคำสั่งที่แม่ทัพหลวงมอบหมายมาว่า ไม่ว่าเื่ใดให้ทำตามคำสั่งคุณหนูยวี่ทั้งหมด!
ก่อนหน้านี้ เขาปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพหลวงทว่ายามนี้ต้องทำตามคำสั่งของคุณหนูยวี่ คาดไม่ถึงเลยว่าเหมือนมีเวทมนตร์บางอย่างที่กระตุ้นหัวใจเขาให้ยอมจำนนโดยที่ไม่รู้ตัวราวกับนางเกิดมาเพื่อเป็าาแห่งบัญชาการ!