ท่ามกลางซากกองกระดูกมากมาย อวี๋ถงที่ทั้งร่างถูกโอบล้อมด้วยหมอกโลหิตเข้มข้น มือถือไข่มุก ร่ายเวทด้วยความสงบ
ใต้ฝ่าเท้าของอวี๋ถงมีแสงสีเืเปล่งระยิบระยับ แสงสีเืเหล่านี้สาดกระเซ็นเข้าไปยังหมอกโลหิตข้างกายนาง แล้วกลายมาเป็อักษรคาวเืที่โบราณและเรียบง่ายมากมายหลายตัว
ถังไม้สิบกว่าใบที่บินลอยออกมาจากกำไลเก็บของของนางว่างเปล่าไปนานแล้ว เืสดในถังไม้เ่าั้แทรกซึมลงไปยังพื้นดินทั้งหมด
เืที่อยู่ในถังไม้คือเืสดของสัตว์วิเศษระดับสอง อีกทั้งยังถูกนางหลอมด้วยเวทลับของสำนักโลหิตอย่างตั้งใจมาแล้วหนึ่งรอบ
เมื่อมีไข่มุก เืสดเ่าั้ที่นางควบคุมจึงไหลรินไปยังจุดลึกของพื้นดิน ค่อยๆ แผ่ขยายออกไปยังประตูของโลกลับ
โม่ซีและลูกศิษย์ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตอีกห้าคนมีสีหน้าเคร่งขรึม รอให้ตาข่ายปฐีก่อตัวสำเร็จด้วยความร้อนใจ
“พรวด!”
ทันใดนั้น อวี๋ถงที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนการร่ายเวทกลับพ่นเืออกมาหนึ่งคำ
เมื่อเืคำนั้นััเข้ากับหมอกโลหิตรอบกายนางก็ล่องลอยอยู่กลางหมอกโลหิตราวกับไร้น้ำหนัก
อักษรคาวเืโบราณมากมายดุจดั่งกลุ่มปลาที่เหม็นคาวพากันเจาะทะลุทะลวงเข้าไปยังเืสดที่ลอยอยู่กลางอากาศคำนั้น
เืสดคำนั้นที่มาจากอวี๋ถงพลันเปลี่ยนมาเป็โปร่งใสคล้ายเพชรสีเืเม็ดหนึ่ง ปลดปล่อยแสงงดงามน่าใ
“อย่าฝืนตัวเองเกินไปนัก!” โม่ซีกล่าวอย่างร้อนรน
อวี๋ถงที่หรี่ตาใช้ดวงตาสีเืแปลกประหลาดมองมายังโม่ซีด้วยความเ็า แต่กลับไม่เอ่ยคำใด
“ฟิ้ว!”
เข็มทิศโลหิตที่นางพกมาจากสำนักโลหิตอยู่ๆ ก็ลอยออกมาจากกำไลเก็บของ ตกลงบนมืออีกข้างที่ว่างเปล่าของนาง
ปลายนิ้วเรียวยาวของนางปลดปล่อยแสงสีเืระยิบระยับ แสงสีเืร่วงหล่นลงไปในเข็มทิศโลหิต ทำให้หน้าปัดของเข็มทิศสีแดงเข้มพลันสว่างโร่
จุดเืเล็กๆ มากมายที่เป็ตัวแทนของคลื่นสิ่งมีชีวิต กำลังเคลื่อนที่เปล่งแสงวาบดุจดั่งดวงดาวมากมาย
อวี๋ถงก้มหน้าลงมือ ดวงหน้างดงามเป็เลิศนั้นพลันเปลี่ยนสี
“พวกเขากำลังเข้ามาใกล้!”
ลูกศิษย์ของสำนักโลหิตและสำนักภูตผีพอได้ยินเช่นนั้นก็พากันหน้าถอดสี เงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าปัดเข็มทิศโลหิต
จุดแสงสีเืมากมายที่ราวกับดาวสีแดงดวงเล็กๆ เคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าอยู่บนเข็มทิศโลหิต ยิ่งเข้ามาใกล้จุดที่พวกเขาอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ถูกค้นพบได้อย่างไร?” โม่ซีคำรามเสียงต่ำ
“แย่แล้ว! ศิษย์พี่หญิงกำลังร่ายเวท ตอนนี้คือ่เวลาที่สำคัญมากที่สุด ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด!” ลูกศิษย์สำนักโลหิตคนหนึ่งเอ่ยร้อนรน
“ตาข่ายปฐีไม่สามารถก่อตัวได้จริงๆ แล้ว” ดวงตาอวี๋ถงฉายความชิงชัง คล้ายไม่ยินยอมอย่างถึงที่สุด
นางลังเลเล็กน้อย แล้วพลันหยิบเอายาขนาดเม็ดเท่าหัวนิ้วโป้งออกมาสามเม็ด
ยาสามเม็ดมีสีแดงเข้มเช่นเดียวกับเข็มทิศโลหิต พอปรากฏขึ้นก็ทำให้กลิ่นคาวเืข้างกายอวี๋ถงฉุนขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว
“ยาโลหิตทรงพลัง!” โม่ซีตะลึงลาน
“ไม่นะ!” ลูกศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักโลหิตร้องห้ามเสียงดัง
ทว่าไม่รอให้พวกเขาได้ลงมือ อวี๋ถงก็กลืนยาโลหิตทรงพลังสามเม็ดนั้นเข้าไปรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
ซีกหน้างดงามของนางพลันเผยให้เห็นถึงความดุร้าย กลิ่นคาวเืที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของนางก็ฉุนมากขึ้นเรื่อยๆ
ไข่มุกโลหิตที่นางกำเอาไว้ในมือ และยังมีเืสดคำนั้นที่พ่นออกมา เวลานี้ต่างก็เปล่งประกายสีเืน่าตื่นใ
“ทำได้เพียงลงมือล่วงหน้า!” อวี๋ถงตวาดต่ำพร่ามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น
......
“ตรงนั้นแหละ ไม่ผิดแน่”
และเวลานี้เอง เนี่ยเทียนดึงกระแสจิตของเขาที่แผ่ออกไปกลับคืนมาทั้งหมด แอบบอกตำแหน่งที่แน่นอนให้กับพันเทา
พันเทามีความมั่นใจอย่างมาก เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องอำพรางแล้วใช่หรือไม่?”
เนี่ยเทียนพยักหน้าเบาๆ
พันเทาพลันชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองพวกเจิ้งปิน เจียงหลิงจู ชี้ไปยังทิศทางที่เนี่ยเทียนบอก ะโด้วยเสียงอันดังว่า “แน่ใจแล้ว อยู่ทางนั้น!”
“เร็ว!”
“รีบตามไปเร็วเข้า ขัดขวางการร่ายเวทของนางมารนั่น!”
“ห้ามให้นางสร้างตาข่ายปฐีได้สำเร็จเด็ดขาด!”
ทุกคนรับคำพร้อมกัน เจิ้งปินที่ทนรอไม่ไหวอยู่ๆ ก็พุ่งพรวดผ่านพันเทาและเนี่ยเทียนออกไปยังจุดที่อวี๋ถงอยู่เป็คนแรก
“ฉวยโอกาสตอนที่นางมารนั่นร่ายเวท สังหารนางซะ! ขอแค่นางตายไป คนเ่าั้ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตก็ไม่น่ากลัวอีกแล้ว!” หลีสี่แห่งอารามเสวียนอู้เอ่ยด้วยความฮึกเหิม
ทุกคนที่รู้ตำแหน่งแน่นอนของอวี๋ถงล้วนเกิดความห้าวหาญ เข้าใจไปว่าขอแค่ฉวยโอกาสจัดการกับอวี๋ถงได้ก็สามารถสังหารลูกศิษย์ที่เหลือของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตได้
มาถึงเวลานี้ การประลองในโลกมายามรกตไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ขอแค่สามารถฆ่าพวกอวี๋ถงและโม่ซีได้ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลอย่างงามจากสี่สำนัก
“ฆ่า! ฆ่าพวกเขาให้หมด!” ทุกคนกู่ร้องเสียงดัง ตาแดงก่ำกันขึ้นมากะทันหัน
“สวบๆ!”
ทันใดนั้น เสียงประหลาดก็ดังลอยมาจากจุดลึกของพื้นดิน
วินาทีถัดมา เส้นเืสีแดงสดมากมายราวกับเส้นผมแดงฉานก็พลันแทงทะลุออกมาจากพื้นดิน
ในจุดลึกใต้ดิน เืสดที่ไหลรินอยู่คล้ายแผ่กลิ่นคาวเืแสบจมูกออกมาฉับพลัน
พอเส้นเืแดงฉานเ่าั้โผล่ทะลุพื้นดิน สนามแม่เหล็กคาวเืน่าพิศวงแห่งหนึ่งก็พลันปกคลุมทุกคนเอาไว้ด้านใน!
และเวลานี้เอง เนี่ยเทียนััได้ว่า กระแสเืในร่างกายคล้ายจะหยุดไหลอย่างฉับพลัน
ความรู้สึกเ็ปแปลกประหลาดที่มิอาจบรรยายได้ะเิออกไปทั่วร่างของเขา ทำให้เขาเหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก ยากที่จะเคลื่อนไหวร่างกายได้อีก
เขาหันไปมองคนอื่นด้วยความพรั่นพรึง พบว่าไม่ว่าจะเป็อันอิ่ง เจียงหลิงจู หรือพันเทา ต่างก็หน้าถอดสี ั์ตาฉายความตื่นตระหนก
เขาพลันตระหนักได้ว่าลูกศิษย์ของสามสำนักที่เหลืออยู่ ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กคาวเืนั่น ร่างกายเกิดความผิดปกติเช่นเดียวกับเขา!
“ฉึกๆ!”
เส้นเืสีแดงสดมากมายหลายเส้นดุจดั่งเข็มเหล็กแหลมคมที่พร้อมทิ่มแทงไปยังทุกคน
เนี่ยเทียนมองเห็นอย่างชัดเจนว่า หลีสี่ที่ะโเสียงดังที่สุด ใบหน้าแดงก่ำ มองเข็มเหล็กที่เข้ามาใกล้ด้วยความหวาดกลัว ทว่าร่างกายกลับมิอาจเคลื่อนไหวได้
“ฉึก! ฉึก! ฉึก!”
เส้นเืสีแดงสดสามเส้นแทงจากหน้าอกทะลุไปยังแผ่นหลังของเขา
หลีสี่เบิกตากว้าง ดวงตาดับแสง สิ้นใจตายคาที่ทันที
“ฉึกๆ!”
เส้นเืสีแดงฉานสิบกว่าเส้นทะลุออกมาจากพื้นดิน หมายพุ่งเข้าแทงช่องท้องของเขา
“ไม่!”
เนี่ยเทียนคำรามบ้าคลั่งดุจสัตว์ป่า หัวใจที่คล้ายจะหยุดเต้นไปก่อนหน้านี้ในที่สุดก็เต้นกระหน่ำขึ้นมา
พริบตาเดียวเขาก็พบว่ากระแสเืที่หยุดเคลื่อนไหว พลันกลับคืนสู่ความปกติอีกครั้ง
“ฟิ้ว!
เมื่อร่างขยับได้ เขาจึงหลบเลี่ยงเส้นเืเ่าั้ที่แทงเข้าหาได้อย่างฉิวเฉียด รอดจากความตายมาได้
“ฉึกๆ!”
เขาที่พ้นภัยมาได้ มองไปรอบด้านก็เห็นว่าผู้ประลองของอารามเสวียนอู้อีกสามคนถูกเส้นเืแดงก่ำเ่าั้แทงทะลุร่างกาย
“นางมารใช้พันธนาการแห่งโลหิตก่อนกำหนด!”
ดวงตาเจิ้งปินแดงฉาน เปล่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ั์ตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“ช่วย ช่วยข้าด้วย!”
เนี่ยเทียนที่สลัดพ้นจากความเปลี่ยนแปลงของเืสดพลันได้ยินเสียงร้องของเจียงเหมียว เขาหันตัวกลับไปมองก็เห็นเส้นเืแดงสดสี่เส้นกำลังจะแทงเข้าไปที่ลำคอด้านหลังของเจียงเหมียว
เนี่ยเทียนไม่แม้แต่จะคิด ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดพุ่งไปหาเจียงเหมียว พานางออกห่างก่อนหน้าที่เส้นเืแดงสดเ่าั้จะแทงไปที่ลำคอของนาง
“ช่วยคนที่อยู่ข้างกาย!” เจียงหลิงจูะโก้อง
พวกอันอิ่ง พันเทา และเจิ้งปินที่ต่างก็เคลื่อนไหวได้เป็ปกติล้วนรีบวิ่งฉิวเข้าไปช่วยเพื่อนที่ยังไม่หลุดพ้นจากพันธนาการโลหิต
เนี่ยเทียนที่ช่วยเจียงเหมียวไว้ได้สีหน้าดำคล้ำ สังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าผู้ประลองที่อยู่หลอมลมปราณขั้นเก้าล้วนสามารถฝ่าออกจากพันธนาการโลหิตได้ทันเวลา
ส่วนเขากลับเป็หลอมลมปราณขั้นแปดคนเดียวที่หลุดพ้นจากพันธนาการโลหิต
ทว่าเพียงแค่เวลาชั่วพริบตาเดียว หลีสี่แห่งอารามเสวียนอู้ และผู้ประลองคนอื่นอีกสามคนกลับถูกเส้นเืแดงสดเ่าั้แทงทะลุร่างจนสิ้นใจตายไปแล้ว
เก้าคนของอารามเสวียนอู้ตอนนี้เหลือเพียงห้าคน อีกทั้งคนที่เหลือก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเจิ้งปิน อันอิ่งและเจียงหลิงจูถึงจะรอดชีวิตมาได้
“พันเทา! เ้าวิเคราะห์ได้ถูกต้องแล้ว เป็เวทต้องห้ามตาข่ายปฐีของสำนักโลหิตจริงๆ ด้วย!” อันอิ่งใช้สายตาชื่มชมมองมายังพันเทาอย่างลึกล้ำหนึ่งครั้ง กล่าว “ยังดีที่เ้าััได้ล่วงหน้า! มิฉะนั้นหากรอให้ตาข่ายปฐีก่อตัวได้สำเร็จจริง พวกเราคงไม่มีใครหนีพ้นจากพันธนาการโลหิตนั่นไปได้!”
หากปล่อยให้สำนักโลหิตร่างตาข่ายปฐีได้สำเร็จจริง ทุกคนที่ถูกตาข่ายปฐีนั่นปกคลุม นอกเสียจากเป็ผู้ร่ายเวทที่อยู่ในขอบเขตสูงล้ำแล้ว มิฉะนั้นก็ต้องถูกจัดการจนสิ้น!
ผู้ร่ายเวทตาข่ายปฐีในครั้งนี้คือนางมารอวี๋ถง ตบะขอบเขตท้าย์!
ในโลกมายามรกต ท้าย์คือตบะสูงสุด อย่าว่าแต่ขอบเขตที่เหนือล้ำเกินนางเลย แม้แต่คนที่เท่าเทียมกับนางก็ยังหาไม่เจอแม้แต่คนเดียว
“ขอบคุณนะ เ้าช่วยชีวิตข้าอีกครั้งแล้ว” เจียงเหมียวเอ่ยอย่างขลาดเขลา
เนี่ยเทียนกำลังจะตอบกลับก็ได้ยินเสียงอันอิ่งตวาดว่า “ทุกคนที่หลุดพ้นจากพันธนาการโลหิต ดูแลคนข้างกายให้ดี เส้นเืที่เหมือนเข็มเหล็กพวกนั้นยังไม่หายไป!”
“สวบๆ!”
ดังคาด เส้นเืแดงสดเ่าั้ที่แทงทะลุออกมาจากพื้นดิน หลังจากโจมตีไม่โดนก็เริ่มเลือกเป้าหมายใหม่ แล้วแทงเข้าหาทุกคนอีกครั้ง
เส้นเืแดงสดพวยพุ่งเต็มท้องฟ้า ตัดสลับกันอยู่กลางอากาศ เดี๋ยวก็กลายเป็ตาข่ายเื เดี๋ยวก็แยกออกจากกันกลายเป็เข็มเืแหลมคม
“เอ๊ะ!”
ทุกคนที่ตั้งสมาธิพร้อมรับมือกับเส้นเืพวกนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี
“สวบๆ สวบๆ!”
พวกเขาค้นพบว่า เส้นเืแดงฉานจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ๆ ก็เปลี่ยนทิศทาง พร้อมใจกันพุ่งเข้าหาเนี่ยเทียน
เส้นเืแดงสดที่บินทะลุออกมาจากส่วนลึกใต้ดิน บัดนี้คล้ายมองเห็นเนี่ยเทียนเป็เป้าหมายเดียว มองข้ามคนอื่นๆ ไปอย่างสิ้นเชิง
ทุกคนที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมด้วยเส้นประสาทที่ขมึงตึง พลันเหม่อมองเนี่ยเทียนด้วยสายตางงงัน
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ออกว่า เหตุใดระดับความเคียดแค้นที่มีต่อเนี่ยเทียนถึงได้สูงขนาดนั้น ลำพังเพียงแค่เขาคนเดียวก็ดึงดูดการโจมตีที่ดุเดือดของเส้นเืแดงสดทั้งหมดไว้ได้
“เขา... เขาไปล่วงเกินอวี๋ถงไว้มากเพียงใดกันแน่?”
ทุกคนที่รู้ว่าผู้ควบคุมเส้นเืแดงเ่าั้คืออวี๋ถงแห่งสำนักโลหิต ในใจพลันมีความคิดแปลกประหลาดนี้ลอยขึ้นมา
-----